ส่วนในดวงตาจินมู่อวิ๋นฉายแววเยียบเย็นดุจกระบี่ วาจานี้ของหลินสวินเจือความหยามเหยียด ชัดเจนว่าไม่เคยเห็นเขาในสายตา
“ความจองหองต้องจ่ายค่าตอบแทน ถึงตอนนั้นข้าจะใช้เลือดสดๆ ของเจ้ามาอุ่นสุรา ใช้วิญญาณเจ้ามาเช็ดกระบี่ข้า!”
จินมู่อวิ๋นกล่าวเน้นทีละคำ ทุกคำไอสังหารแผ่ซ่าน ทำให้ทั้งตัวเขามีพลานุภาพเหนือฟ้าดิน พาให้คนไม่น้อยสีหน้าเปลี่ยนไปบ้าง
หลินสวินเอ่ยถามราวไม่รู้สึกอะไร “คนทั่วไปบอกว่าเจ้าคืออวิ๋นชิ่งไป๋คนที่สอง เช่นนั้นข้าขอถามเจ้า เคยเอาชนะสถิติอวิ๋นชิ่งไป๋มาก่อนหรือไม่”
จินมู่อวิ๋นนัยน์ตาหดรัดลงเล็กน้อย หว่างคิ้วปรากฏความอึมครึมวูบหนึ่งอย่างยากสังเกตเห็น
แต่สีหน้าทุกคนในที่นั้นกลับเปลี่ยนเป็นพิลึกพิลั่น
แท้จริงคำตอบไม่จำเป็นต้องเดาแต่แรก หากจินมู่อวิ๋นเคยทำลายสถิติที่อวิ๋นชิ่งไป๋ทำไว้ในสิบสองหอ เกรงว่าคงปั่นป่วนนครหยกขาว เป็นที่รู้กันทั่วนานแล้ว
แต่เห็นชัดว่าเขาไม่เคย
ปัจจุบันคนที่ทำลายสถิติทั้งห้าของอวิ๋นชิ่งไป๋ได้ ก็คือหลินสวิน!
“นั่นเป็นเพียงสถิติที่ศิษย์พี่อวิ๋นสร้างเมื่อสิบปีก่อน เจ้าเอาอะไรมาลำพอง” จินมู่อวิ๋นกล่าวเย็นชา
“ไม่ถึงขั้นลำพอง ข้าแค่กำลังคิดว่า แม้แต่สถิติของอวิ๋นชิ่งไป๋เมื่อสิบปีก่อนเจ้ายังทำลายไม่ได้ มีสิทธิ์อะไรมาคุยโวไม่กระดากปาก”
กล่าวถึงตอนท้ายเสียงหลินสวินเจืออานุภาพไร้รูป เสียงดั่งฟ้าคะนองสะเทือนข้างหูจินมู่อวิ๋นเต็มๆ ทำจนหัวใจเขากระตุกเล็กน้อยอย่างยากสังเกตเห็น สีหน้าวูบไหวไม่หยุด
“อย่ามาโอหัง!”
“หลินสวิน เจ้าคงไม่โง่ถึงขั้นคิดว่าทำลายสถิติศิษย์พี่อวิ๋นเมื่อสิบปีก่อนได้ ก็ไม่ต้องเกรงกลัวฟ้าดินกระมัง”
“อวดดีเกินไปแล้ว รนหาที่ตาย!”
ข้างกายจินมู่อวิ๋น เหล่าผู้กล้าสำนักกระบี่เทียมฟ้ามากมายพากันส่งเสียงประณามหลินสวิน
หลินสวินหันไปกล่าวกับอาหลู่ “ช่วยหน่อยสิ”
“ช่วยอะไร” อาหลู่ชะงักไปครู่หนึ่ง
“ด่าพวกเขา” หลินสวินกล่าว “ไม่ใช่ว่าในด้านวิชาด่า เจ้าสามารถทำให้เผ่าเสียงคำรามอกสั่นขวัญแขวนได้หรอกรึ ตอนนี้ได้เวลาแสดงฝีมือของเจ้าแล้ว”
อาหลู่มุมปากกระตุก โวยว่า “เทพมารหลินเจ้านี่มัน! เจ้าเห็นข้าเป็นอะไร หญิงปากร้ายรึ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเปิดฉากด่า เจ้าพวกนี้ไม่มีคุณสมบัติพอให้ข้าด่าด้วยซ้ำ ไม่ดูศีลธรรมพวกเขาเสียบ้าง ด่าพวกเขาไปคงได้เสนียดปากข้า”
หลินสวินอดเริงร่าไม่ได้ อาหลู่เป็นตัวเลือกที่เหมาะแก่การด่ากราดดังคาด ทันทีที่เอ่ยปากก็บรรลุผลด่ายกกลุ่ม ฝีปากช่างร้ายกาจนัก
ทางด้านสำนักกระบี่เทียมฟ้านั่น สีหน้าทุกคนรวมถึงจินมู่อวิ๋นต่างดำทะมึน เจ้าคนเถื่อนนี่บอกว่าพวกเขาไม่มีคุณสมบัติพอให้มันด่ารึ
จะรังแกกันเกินไปแล้ว!
อาหลู่รีบร้อนอธิบาย “พวกเจ้าอย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้ด่าพวกเจ้า ข้าแค่ด่าว่าพวกเจ้าไม่มีคุณสมบัติพอให้ข้าด่า พวกเจ้าฟังรู้เรื่องไหม”
พรืด!
ผู้คนไม่น้อย ณ ที่นั้นต่างกลั้นหัวเราะไม่อยู่
พวกจินมู่อวิ๋นโกรธจนหน้าเขียวแล้ว เดิมทีพวกเขาคิดว่าหลินสวินขี้ขลาดจึงขอความช่วยเหลือ มีหรือจะคิดว่าจะให้คนป่าไม่กลัวอะไรคนหนึ่งมาประชันฝีปากกับพวกเขา… ซ้ำวาจานั่นช่างร้ายกาจเกินไปแล้ว
“เอ่อ ดูท่าพวกเจ้าจะเข้าใจผิดแล้ว ข้าน่ะรังเกียจและเดียดฉันท์พวกเจ้ามาก แต่ไม่ได้มีเจตนาด่าพวกเจ้า ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีสิทธิ์โดนข้าด่าได้ตามสะดวก ตอนนี้พวกเจ้าน่าจะเข้าใจแล้วกระมัง”
อาหลู่อธิบายอย่างอดทน
แต่ยิ่งเขาเป็นเช่นนี้ เสียงหัวเราะในลานก็ยิ่งดังขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่ แม้แต่หลินสวินและเซียวชิงเหอยังทอดถอนใจโดยพร้อมเพรียง อะไรเรียกว่าราชันปากเปราะโดยกำเนิด
อาหลู่นี่แหละใช่!
บางคนตกตะลึงท่าทางราวเห็นผีตัวเป็นๆ เจ้าคนป่านี่จะต้องเป็นตัวประหลาดยั่วโมโหคนได้อย่างง่ายดาย ด่าคนโดยไม่มีคำหยาบ แต่ราวกับดาบเชือดเฉือนใจ
“พอแล้ว!”
จินมู่อวิ๋นเองก็โกรธแล้ว หน้าดำราวก้นหม้อ ทั่วร่างมีไอสังหารพรั่งพรูชวนประหวั่น ทำให้บรรยากาศในลานเปลี่ยนเป็นกดดันกะทันหัน
“พวกเจ้ารอข้าก่อนเถอะ!” กลางนัยน์ตาเขาเต็มไปด้วยประดาบคมกริบน่ากลัว อำมหิตหาใดเปรียบ เห็นชัดว่าเดือดดาลเข้าแล้วจริงๆ
อาหลู่หมายจะพูดอะไรก็ถูกหลินสวินขวางไว้ เวลานี้พูดมากไปก็เปล่าประโยชน์
“เฮ้อ ทำไมเรื่องกลายเป็นอย่างนี้ไปได้” อาหลู่ถอนใจครวญ
“เพราะเจ้าปากเปราะ” เซียวชิงเหอกล่าวตอบ
จากนั้นทั้งคู่ส่งสัญญาณวางมวยรางๆ หลินสวินได้แค่เป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย ยุ่งจนไม่อาจปลีกตัว
ละครตลกนี้ชั่วพริบตาก็พ้นผ่าน ไม่ว่าอย่างไรการมาถึงของพวกจินมู่อวิ๋นก็ทำให้ผู้กล้าแต่ละสำนักในนั้นต่างตระหนักได้ว่า เทพมารหลินซึ่งปรากฏตัวที่นี่คราวนี้ ต้องชักนำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่อีกแน่!
ทว่าไม่รอให้หลินสวินได้หยุดพัก เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมากลับทำให้เขามุ่นคิ้วไม่หยุดอย่างอดไม่ได้
เพราะมี ‘คนคุ้นเคย’ อีกไม่น้อยมาแล้ว
อวี่หลิงคงในชุดหยก ศีรษะสวมเกี้ยวขนนก เงาร่างสูงอวลแสงมรรคเปล่งประกาย ดูประหนึ่งภาพฝันมายา เมื่อมาถึงในลานก็ก่อให้เกิดความปั่นป่วน
ข้างกายเขายังตามมาด้วยเหล่าผู้กล้าแดนพิสุทธิ์อมตะส่วนหนึ่ง ทันทีที่มาถึงก็ดึงดูดความสนใจผู้คน
แต่สายตาอวี่หลิงคงกลับมองไปทางหลินสวินคนเดียว สีหน้าเฉยชาอำมหิต ทิ้งวาจาแผ่ไอสังหารประโยคหนึ่ง
“หลินสวิน ความแค้นครั้งก่อนคราวนี้ต้องตอบแทนสิบเท่า!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์