Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1053

สรุปบท ตอนที่ 1053 ไม่อาจอภัย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 1053 ไม่อาจอภัย จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 1053 ไม่อาจอภัย คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 1053 ไม่อาจอภัย
มกุฎ ถูกมองว่าเป็นมรรคาที่แข็งแกร่งที่สุด!

ตอนแรกยามหลินสวินสัมผัสมกุฎมรรคา มรรคานี้ถูกประดับไว้ด้วยคำอธิบายอันห่างไกลเอื้อมไม่ถึง ทั้งทำให้คนมุ่งหวังมากมาย

ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันยากพบเห็น สมัยบรรพกาลมรรคานี้เลือนรางดั่งตำนาน ไม่รู้ทำให้ผู้กล้าอัจฉริยะเท่าไรต่างมุ่งหวัง

กระทั่งมีคนสงสัยว่ามรรคานี้มีอยู่จริงหรือไม่

แต่หลังจากหลินสวินฝึกปราณลึกซึ้ง ผ่านเรื่องราวมากมาย เขาจึงค่อยๆ พบว่าตามกาลเวลาที่เปลี่ยนผันไร้สิ้นสุดนี้ นิยามที่ผู้ฝึกปราณบนโลกมีต่อมกุฎมรรคาได้เปลี่ยนไปนานแล้ว

ในความเข้าใจของเขา มกุฎมรรคาคือหนทางที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน บรรลุถึงขอบเขตนี้ประหนึ่งราชันแห่งระดับ สามารถเคลื่อนกวาดศัตรูทั้งมวล

แต่ในสายตาผู้ฝึกปราณคนอื่น ผู้สืบทอดแกนหลักของสำนักโบราณอย่างข่งหลิง ซูซิงเฟิง เสวี่ยเชียนเหินก็คือบุคคลแห่งยุคขอบเขตมกุฎแล้ว

ภายในนั้นต้องมีส่วนที่เข้าใจผิดอยู่แน่!

ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ พวกที่เรียกว่าบุคคลแห่งยุคขอบเขตมกุฎถูกหลินสวินสังหารราวสิบกว่าคน แต่จากที่หลินสวินวิเคราะห์พลังของคนเหล่านี้ มากสุดก็ได้แค่ถือว่าสัมผัสธรณีประตูเส้นทางแห่งมกุฎ ยังไม่เคยก้าวเข้าไปในนั้น!

กระทั่งคนส่วนหนึ่งแม้แต่ธรณีประตูล้วนไม่เคยสัมผัส ก็อวดตัวเป็นผู้กล้าขอบเขตมกุฎ ทำให้หลินสวินรู้สึกไร้สาระและขบขันนัก

เป็นความเข้าใจของตนที่ยิบย่อยเกินไป หรือเป็นนิยามที่คนบนโลกมีต่อมกุฎได้เปลี่ยนแปลงไปจนผ่อนปรนลงกันแน่

หลินสวินไม่อาจรู้ได้

แต่เขารู้ดีว่าเทียบกับบุคคลแห่งยุคเหล่านี้ คนอย่างมารกระบี่เยี่ยเฉิน ดาบคลั่งเซี่ยวชางเทียน สอดคล้องกับนิยามแห่งมกุฎกว่าโดยไม่ต้องสงสัย

‘ต่อให้ถอยลงมาก้าวหนึ่ง แบ่งมกุฎมรรคาเป็นสามระดับ พวกที่เพิ่งถูกข้าพิฆาตอย่างมากก็แค่ระดับล่างสุดแรกก้าวสำรวจเท่านั้น’

‘สำหรับบุคคลอย่างเยี่ยเฉิน เซี่ยวชางเทียน อยู่เหนือระดับแรกก้าวสำรวจ ส่วนแข็งแกร่งมากแค่ไหนกลับยากประเมิน’

‘แต่เหล่ายักษ์ใหญ่บุคคลแห่งยุครุ่นก่อนอย่างอวิ๋นชิ่งไป๋ เยี่ยนจั่นชิว หวังเสวียนอวี๋ หมีเหิงเจิน เย่หมัวเฮอ น่าจะมีความเชี่ยวชาญน่าทึ่งเหลือประมาณในมกุฎมรรคา แม้ไม่ถึงขั้นเรียกว่าแข็งแกร่งที่สุดแต่ก็คงไม่ต่างกันมากเท่าไหร่…’

หลินสวินใคร่ครวญ

มหายุคจวนมาเยือน ก็บ่งชี้ว่าใต้หล้านี้ต้องปรากฏปีศาจไร้เทียมทานอีกนับไม่ถ้วน ผงาดง้ำราวหมู่ดาว ประชันขันแข่งท่ามกลางมหายุค

ก่อนหน้านั้นหากสามารถเข้าใจบุคคลแห่งยุครุ่นเดียวกันอย่างลึกซึ้งและแม่นยำได้สักหน่อย คงมีแต่ประโยชน์ไม่เป็นโทษ

‘ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะก้าวเดินบนเส้นทางของข้า จนถึงมรรคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพื่อมรรคาแห่งตน!’

นานพอควรข้อสงสัยในใจหลินสวินหายไปจนหมด จิตมรรคกระจ่างว่างเปล่า แน่วแน่ยิ่งกว่าเดิม

เขานั่งสมาธิบนแท่นมรรค พิจารณาปริศนาแห่งมกุฎ แต่เหนือยอดเขาอื่นศึกใหญ่ยังคงออกแสดง

เช่นเดียวกัน ณ เชิงเขา เหล่าผู้ชมที่มาจากต่างสำนักก็ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

อานุภาพยิ่งใหญ่ของหลินสวินได้เป็นที่ประจักษ์ สามารถคว้าหนึ่งในสามสิบหกอันดับกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ได้แล้ว คราวนี้ก็มาดูว่ายอดเขาอื่นที่เหลือจะตกเป็นของใครกันแน่

การเข่นฆ่าโรมรันบนยอดเขาแต่ละลูกล้วนเรียกได้ว่าดุเดือด คนรุ่นเดียวกันช่วงชิงความเป็นใหญ่ ผู้แข็งแกร่งแข่งประลอง การต่อสู้ใดๆ หากเกิดยังโลกภายนอกล้วนพอที่จะสร้างความครึกโครมครั้งใหญ่

แต่บนภูเขาเทพไร้มรณะนี้กลับเห็นบ่อยจนชินตา

เหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าวาทวาโยนั้นต่างรับมือแทบไม่ทัน การต่อสู้น่าชื่นชมมากเหลือเกิน บุคคลแห่งยุคซึ่งเจิดจรัสในที่นั้นก็มากมายนับไม่ถ้วน ทั้งมีจุดเด่นชัดเจนเป็นของตน ช่างทำให้ผู้คนสับสนตาลายยากจะเลือก

หลินสวินก็เหลือบสายตาไปยังยอดเขาอื่นเช่นกัน พลังจิตรับรู้มหาศาลแผ่ขยายชมการต่อสู้

ดาบคลั่งเซี่ยวชางเทียนวาดดาบดุจอสนี มีอานุภาพสะท้านฟ้าสะเทือนดิน พลานุภาพทำลายล้าง ตั้งแต่ขึ้นสู่แท่นมรรคแทบไม่มีคนสามารถยืนหยัดใต้เงื้อมมือเขาเกินสิบกระบวน

มารกระบี่เยี่ยเฉินโดดเด่นเช่นกัน กระบี่โบราณจื่อเวยแผ่เจตกระบี่ไพศาล มีความสูงส่งสง่าผ่าเผย อำนาจมารทำลายล้างสูงสุด ทรงพลังไร้เทียมทาน ไร้ผู้สามารถหันปลายดาบเข้าประชัน

ตรงกันข้าม จินมู่อวิ๋นเองก็เป็นผู้ฝึกกระบี่ชั้นยอดคนหนึ่ง แต่เจตกระบี่ของเขากลับคลั่งระห่ำดั่งฟ้าคำราม แข็งแกร่งดุดันมืดฟ้ามัวดิน ไอสังหารทะลุทะลวง

กลวิธีต่อสู้ของหลี่ชิงผิงกลับเห็นได้ว่าเจ้าเล่ห์อำมหิต ปรวนแปรเกินคาดเดา เขาอาศัยขลุ่ยหยกมรกตต่อกรศัตรู เสียงขลุ่ยครวญดั่งเสียงแห่งเทพผี มีอานุภาพซึมจิตชิงวิญญาณ

อวี่หลิงคง จี้ซิงเหยา โก่วเหยียนเจิน…

บุคคลแห่งยุคที่ชื่อเสียงสะเทือนโลกฟากหนึ่งนานแล้วเหล่านี้ หากเป็นไปดังคาดต้องสามารถดันตนขึ้นสู่อันดับกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์แน่

ที่ทำให้หลินสวินสนใจเป็นพิเศษคือโก่วเหยียนเจิน การต่อสู้ของเขาสามารถใช้คำว่าเหี้ยมโหดวิปริตมาอธิบาย

ศัตรูที่ท้าทายเขาเป็นต้องถูกเขาใช้สองมือฉีกทึ้งร่างอย่างแข็งกร้าวจนแขนขาขาดกระจาย ฝนโลหิตสาดพรมราวน้ำตก

ทำให้คู่แข่งประสบความทรมานและทุกข์ทนยากจินตนาการก่อนถูกคัดออก

วิธีการเหี้ยมโหดเช่นนี้กระตุ้นความคับแค้นและเสียงคำรามมากมายจากเหล่าผู้อาวุโสสำนักโบราณ แทบอยากขึ้นไปสังหารไอ้ลูกหมาทมิฬนี่ด้วยมือตัวเอง

แต่วิธีเช่นนี้ของโก่วเหยียนเจินเหี้ยมโหดก็ส่วนเหี้ยมโหด แต่กลับมีแรงสั่นสะเทือนเหลือประมาณ ยามผู้แข็งแกร่งเห็นภาพนองเลือดนี้กับตา ส่วนใหญ่ล้วนตระหนกจนไม่กล้าขึ้นไปท้าสู้ เกรงแต่จะถูกโก่วเหยียนเจินใช้มือฉีกกระชาก

ยามสายตาหลินสวินมองไป ก็เห็นโก่วเหยียนเจินกำลังบีบตัวหญิงสาวร่างอรชรคนหนึ่งไว้พอดี สองมือพลันแยกออกจากกันดังฟึ่บ แขนและร่างหญิงสาวถูกฉีกกระชากราวไหมทอ ฝนโลหิตแดงสดสาดพรมแท่นมรรคดั่งน้ำตก

โก่วเหยียนเจินเผยรอยยิ้มตื่นเต้นกระหายเลือด แลบลิ้นแดงก่ำลิ้มรสเลือดที่กระเด็นลอยกลางอากาศ จากนั้นจึงสูดหายใจลึก ส่งเสียงครางพึงพอใจ สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคลิบเคลิ้มหาใดเปรียบ

ฟุ่บ!

เกือบจะเวลาเดียวกัน เขาสังเกตเห็นสายตาที่หลินสวินมองมา เขาพลันแสยะยิ้มเผยฟันขาวดุจหิมะที่แหลมคม ริมฝีปากกล่าววาจาโดยไร้เสียง

‘เทพมารหลิน ข้าจะฉีกกระชากเจ้าด้วยมือเปล่าเช่นกัน ลองชิมเลือดเจ้าว่ามีกลิ่นอายวิเศษราวเทพมารหรือไม่’

ไม่ว่าใครเห็นภาพนี้คงล้วนขนพองสยองเกล้า รู้สึกหวาดผวา

เซียวชิงเหอเจ็บปวดนัก ผิวหนังทั่วร่างล้วนสั่นสะท้าน ดวงตาปูดโปนแทบถลน เขาราวสู้สุดชีวิต ใช้พลังทั้งหมดซัดสังหารชิงเหวินเจวี้ยน

แต่ทุกอย่างล้วนเห็นได้ว่าเปล่าประโยชน์

สีหน้าชิงเหวินเจวี้ยนนิ่งสงบ เข็มทองในมือซัดเหิน เพิกเฉยต่อความคั่งแค้นของเซียวชิงเหอ

นี่คือความอัปยศ!

ชั่วดีอย่างไรเซียวชิงเหอก็เป็นหนึ่งในสิบหกสุริยันผู้กล้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทรา ฐานะ ตำแหน่ง พลังต่อสู้ล้วนเรียกได้ว่าเป็นเลิศในหมู่คนรุ่นเยาว์ปัจจุบัน

แต่บัดนี้กลับถูกคนเห็นเป็นผืนผ้าปัก นี่คือการเหยียบย่ำ หยามศักดิ์ศรีและจิตมรรคของเขาอย่างสาหัสโดยไม่ต้องสงสัย!

แม้แต่หลินสวินก็มองจนในดวงตาดำปรากฏแววเยียบเย็นวูบหนึ่งอย่างไม่อาจระงับ ในใจมีไอสังหารที่ยากควบคุม

ชิงเหวินเจวี้ยนนี่ แม้วิธีเหี้ยมโหดสู้โก่วเหยียนเจินไม่ได้ แต่หากกล่าวถึงความวิปริตแล้วมีแต่เหนือกว่า!

หืม?

เวลานี้หลินสวินหน้าพลันเปลี่ยนสี กำสองหมัดแน่นเงียบๆ ไอสังหารในดวงตาราวปรากฏขึ้นอย่างแท้จริง สาดประกายชวนประหวั่น

ก็เห็นเหนือยอดเขาที่ห่างไกล เงาร่างเซียวชิงเหอพลันแข็งทื่อ หยุดชะงักกลางอากาศราวถูกสกัดจุด

และตอนนี้ชิงเหวินเจวี้ยนก้าวไปข้างหน้า หนีบเข็มทองบางละเอียดแทงเข้าตำแหน่งหัวใจของเซียวชิงเหอ

จากนั้นเงาร่างเขาพลันพริบไหว ถอยกลับจุดเดิม

แต่ร่างกายเซียวชิงเหอกลับเหมือนถูกเส้นด้ายคมนับไม่ถ้วนเฉือนตัดไปมา ระเบิดออกฉับพลัน

ไอโลหิตแผ่พุ่ง ปรากฏขึ้นในห้วงอากาศ กลายเป็นลวดลายกุหลาบป่าสีเลือดที่เย้ายวนบาดตาดอกหนึ่ง

ผู้แข็งแกร่งทุกคนที่มองเห็นภาพนี้ต่างหนาวสะท้านไปทั้งตัว ในใจเกิดความหวาดผวา วิธีเช่นนี้ช่างวิปริตถึงขีดสุด!

ชิงเหวินเจวี้ยนกลับประหนึ่งไม่รับรู้อะไร ลูบคางจ้องมองกุหลาบป่าสีเลือดที่เบ่งบานกลางอากาศนั่น บนใบหน้าขาวกระจ่างเปี่ยมความชื่นชม

แม้รู้ว่าบนเขาเทพไร้มรณะนี้เซียวชิงเหอไม่มีทางสิ้นชีพ แต่หลินสวินก็ยังเกิดไฟโทสะไร้สิ้นสุด นัยน์ตาดำเยียบเย็นจนน่ากลัว

ฆ่าคนต้องรู้จักพอประมาณ ชิงเหวินเจวี้ยนนี่กลับใช้วิธีการวิปริตนองเลือดเช่นนี้มาหยามหน้าและทรมานเซียวชิงเหอ ไม่อาจอภัยเด็ดขาด!

……………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์