นี่ทำให้หลินสวินยากระงับความโกรธภายในใจ
ถูกเอาชนะไม่เท่าไหร่ แต่แพ้ด้วยความอัปยศวิปริตเช่นนี้กลับทำให้หลินสวินไม่อาจยอมรับ!
‘หลินสวิน เจ้าโกรธมากใช่หรือไม่ นี่ก็ถูกแล้ว ตอนนั้นที่เจ้าสังหารน้องเหลียนเอ๋อร์ ข้าก็โกรธมากเช่นกัน’
ข้างหูยินเสียงแหบพร่าบางเบาดุจอสรพิษแลบลิ้น
หลินสวินไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ชิงเหวินเจวี้ยนเหลือบสายตามองมายังยอดเขาที่ตนอยู่
เขาสวมชุดขนนก ผิวขาวกระจ่าง ใบหน้าหล่อเหลามีเสน่ห์แปลกประหลาด ริมฝีปากบางแดงสดดุจคมดาบเผาไฟแรง
‘เจ้ามาล้างแค้นข้าก็ได้ ทำไมต้องลงมือกับเซียวชิงเหอ’ หลินสวินสีหน้าเยียบเย็น
‘เพราะข้าก็อยากให้เจ้าสัมผัสรสชาติของความโกรธสักหน่อย’
ชิงเหวินเจวี้ยนยิ้มกำเริบเสิบสาน ‘จะว่าไปเจ้าไร้ที่พึ่งพิง ในดินแดนรกร้างโบราณแม้แต่ญาติสักคนก็ไม่มี ทำให้แม้ข้าคิดแก้แค้นก็ต้องปวดหัว ยังดีที่สุดท้ายข้าก็ได้เจอเซียวชิงเหอ’
เห็นชัดว่าก่อนหน้านี้ชิงเหวินเจวี้ยนแอบสืบข่าวเกี่ยวกับหลินสวินไว้ก่อนแล้ว หมายลงมือทำร้ายคนใกล้ตัวหลินสวิน!
‘เจ้าไม่ห่วงว่าจะถูกตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทราโจมตีรึ’ หลินสวินมุ่นคิ้ว รู้สึกว่าเจ้าหมอนี่ดูเหมือนบอบบางนิ่งสงบ อันที่จริงกลับราวคนบ้าวิปริต
‘หากข้ากลัวจะกล้าทำเช่นนี้รึ’
ชิงเหวินเจวี้ยนกล่าวเนิบช้า ‘จุดจบของเซียวชิงเหอเจ้าก็เห็นแล้ว บอกเลยว่าเว้นแต่เจ้าคุกเข่าขอร้องข้าโดยดีเสียตอนนี้ ไม่เช่นนั้นคนที่เกี่ยวข้องกับเจ้า ข้าจะทำให้พวกเขากลายเป็นจิตรกรรมเลือดทีละคน’
กล่าวถึงตอนท้ายเขาอดยิ้มไม่ได้ บนหน้าอ่อนโยนแต่เปี่ยมเสน่ห์เต็มไปด้วยกลิ่นอายบ้าคลั่ง
หลินสวินเงียบไปครู่หนึ่งก็ยิ้มกล่าว ‘เช่นนั้นข้าก็อยากดูนักว่า พวกเจ้าเผ่าหงส์เขียวจะรับไฟโทสะของข้าได้หรือไม่ เจ้ากล้าทำเช่นนี้ ข้าก็กล้าทำลายเผ่าพวกเจ้าให้สิ้นซาก ไม่เชื่อก็ลองดูว่าใครจะหัวเราะทีหลัง’
‘จริงสิ ทางที่ดีเจ้าควรภาวนาว่าอีกเดี๋ยวขออย่าให้ข้าเจอเจ้า’
น้ำเสียงราบเรียบ แต่มีเจตจำนงเด็ดเดี่ยว
พูดจบเขาถอนสายตากลับ ไม่เหลือบมองฝ่ายตรงข้ามอีก
วิธีการของชิงเหวินเจวี้ยนได้สะกิดต่อมโกรธเขาแล้ว ทำให้เขาไม่อาจอดกลั้น ตัดสินใจสังหารทิ้ง
ขณะเดียวกันชิงเหวินเจวี้ยนก็อึ้งไป จากนั้นพลันส่งเสียงหัวเราะคิกคักเหมือนคนบ้า ในดวงตาอ่อนโยนเปี่ยมด้วยความคลั่งระห่ำ ‘เช่นนั้นก็ลองดู!’
…
โครม!
บนยอดเขาอีกลูก อาหลู่ราวสัตว์ปีศาจที่ไม่มีทางอ่อนกำลัง แค่เพียงมือเปล่าก็ซัดสมบัติคู่แข่งกระเด็น เท้าข้างหนึ่งเตะอีกฝ่ายลอยออกนอกแท่นมรรค
จิตต่อสู้เขาทะลุทะลวง ผงาดง้ำทั่วจตุรทิศ ยื่นมือชี้เหล่าผู้กล้าที่อยู่ไม่ไกลซึ่งตระหนกจนไม่กล้าเข้ามานานแล้ว กล่าวไม่สบอารมณ์ “ตาขาวกันไปหมดได้อย่างไร พวกเจ้าไม่พอใจไม่ใช่รึ ทำไมหดหัวเข้ากระดองเหมือนผู้หญิงอยู่ตรงนั้น พวกเจ้ามันผู้กล้าตดหมา!”
น้ำคำยั่วยุเต็มเปี่ยม ทำให้เหล่าผู้กล้าโกรธจนอกแทบแตก แทบอยากฉีกปากเหม็นเน่าของเจ้าคนป่านี่ให้กระจุย
แต่สุดท้ายกลับไร้คนพุ่งไปเบื้องหน้า
ช่วยไม่ได้ พลังต่อสู้ของคนป่านี่เหมือนกับปากเหม็นเน่าของมัน ทรงอานุภาพจนผิดวิสัย ต่อสู้ถึงตอนนี้ แม้แต่บุคคลแห่งยุคล้วนถูกเขากำราบอย่างแข็งกร้าว ใครยังจะกล้าพุ่งเข้าไปอีก
หลินสวินเห็นดังนี้ก็ถอนสายตากลับ มองไปทางจ้าวจิ่งเซวียนที่อยู่บนยอดเขาอื่น
ไม่เจอกันหลายปี ศักยภาพของจ้าวจิ่งเซวียนก็รุดหน้าเช่นกัน กระทั่งแข็งแกร่งถึงขั้นทำให้หลินสวินรู้สึกตะลึง
นางสวมชุดกระโปรงม่วง เงาร่างสูงโปร่งทรงสง่าร่ายรำดุจหงส์ตื่น แข็งแกร่งราวมังกรเหิน กรำศึกบนแท่นมรรคประหนึ่งเซียนเดินเล่นในสวนบ้าน
กระถางสมบัติเก้ามังกรถูกนางนำมาใช้ สำแดงเงามายาเจินหลงเก้าตัว เชิดศีรษะกลางอากาศ เคลื่อนทะยานแผดคำราม พลานุภาพศักดิ์สิทธิ์ล้นฟ้า สว่างอำไพดั่งอานุภาพสวรรค์มาเยือน
คนที่กำลังต่อกรกับนางคือบุคคลแห่งยุคผู้หนึ่ง แต่ประมือกันแค่ไม่กี่สิบกระบวนท่า ระหว่างที่ฝืนปะทะซึ่งหน้าก็ถูกจ้าวจิ่งเซวียนกำราบสิ้นเชิง!
‘นางมีพลังจักรพรรดิพญามังกรติดตัว ทั้งขัดเกลาฝึกฝนยอดวิชามรดกของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ มีผลสัมฤทธิ์เช่นนี้ก็นับว่าสมเหตุสมผล’
หลินสวินวางใจลง จากการวิเคราะห์ของเขา หากไม่ผิดคาดจ้าวจิ่งเซวียนสามารถเข้าสู่กระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ได้อย่างสบาย
‘ไม่เลว ศิษย์น้องจิ่งเซวียนบรรลุขั้น ‘เข้าถึงชำนาญ’ ของมกุฎมรรคา ห่างจาก ‘บรรลุสูงสุด’ ไม่ไกลแล้ว’
ขณะเดียวกันเยี่ยนจั่นชิวที่ติดตามจ้าวจิ่งเซวียนมาตลอดลอบพยักหน้า ในดวงตาเจือความชื่นชมจากใจ
วู้ม!
ทันใดนั้นบนเขาเทพไร้มรณะส่งเสียงกระหึ่มไม่หยุด ปรากฏพลังกฎระเบียบมหามรรคไม่เสื่อมคลายและสูงส่ง ทำให้เหนือยอดเขาสามสิบหกลูกสว่างไสวโดยพร้อมเพรียง
สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ว่าการต่อสู้บนแท่นมรรคแต่ละแห่งเวลานี้ต่างถูกระงับพร้อมกัน
ขณะเดียวกันผู้แข็งแกร่งที่ท้าชิงไม่สำเร็จก็ถูกพลังไร้รูปขับออกจากแท่นมรรค เหลือเพียงเงาร่างทั้งสามสิบหกแยกกันยืนอยู่บนนั้น
เวลาหนึ่งก้านธูปจบลง การครองภูผาสิ้นสุดแล้ว!
พริบตานั้นกลุ่มคนที่เฝ้ารอตรงเชิงเขา ต่างทอดสายตามองไปยังแต่ละเงาร่างที่ยืนอยู่บนยอดเขานั่นโดยพร้อมเพรียง
เซี่ยวชางเทียน เยี่ยเฉิน จินมู่อวิ๋น ฉู่เป่ยไห่ หลี่ชิงผิง อวี่หลิงคง จี้ซิงเหยา โก่วเหยียนเจิน จ้าวจิ่งเซวียน…
แน่นอนว่ายังมีหลินสวิน
รวมเหล่าผู้กล้าทั้งสิ้นสามสิบหกคนที่ครองภูผาสำเร็จ!
เหล่าผู้กล้าแต่ละสำนักที่แม้ปีนเขาแต่ไม่เคยพุ่งสู่แท่นมรรคเห็นภาพนี้เข้า ไม่มีใครไม่เผยสีหน้าท้อแท้และผิดหวัง
การปีนเขาและครองภูผาดูเหมือนห่างกันเพียงก้าว แต่กลับแตกต่างราวฟ้ากับดิน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์