มรรคพ้องดั่งใจ!
นี่ก็คือพลังวิเศษอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นหลังจากดวงใจฉิวหนิวเปลี่ยนแปลง
ในฐานะร่างที่เก้าของมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร ดวงใจฉิวหนิวไม่ใช่วิธีการต่อสู้ และไม่มีความเกี่ยวข้องกับการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย
ประโยชน์เดียวของมันคือช่วยผู้ฝึกปราณหยั่งรู้แก่นอัศจรรย์มหามรรค สามารถเพิ่มความเร็วในการหยั่งรู้มหามรรคให้กับผู้ฝึกปราณ
ส่วน ‘มรรคพ้องดั่งใจ’ ที่ว่า เป็นวิธีอัศจรรย์อย่างหนึ่งที่กระตุ้นพลังแห่งสภาวะจิตให้สอดคล้องกับมหามรรค หยั่งถึงมหามรรค
อย่างเช่นก่อนหน้านี้ยามหลินสวินหยั่งรู้พลังมหามรรคธาตุไฟ ต้องใช้เวลาถึงครึ่งปีจึงสามารถบรรลุถึงระดับ ‘ท่วงทำนองแห่งมรรค’ ได้
แต่หากมีความช่วยเหลือของมรรคพ้องดั่งใจ อย่างมากใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวก็สามารถทำได้ถึงขั้นนี้แล้ว!
ความวิเศษอัศจรรย์เช่นนี้ทำให้หลินสวินเองก็อดหวั่นไหวไม่ได้
เขารู้ดีว่าวิธีการหยั่งมหามรรคอันวิเศษอัศจรรย์ระดับนี้ หากเผยแพร่ออกไป จะต้องเป็นเหตุให้ผู้ฝึกปราณทั่วหล้าแย่งชิงกันอย่างแน่นอน!
ถึงอย่างไรสำหรับผู้ฝึกปราณทุกคน การแจ้งมรรคก็เป็นเรื่องที่ยากเย็นและลำบากแสนเข็ญที่สุด
เพียงแค่เวลาที่ใช้ หากไม่มีความสามารถในการหยั่งรู้ที่จุดประกายขึ้นมา ก็ไม่สามารถสัมผัสแก่นอัศจรรย์มหามรรคได้แน่
แต่ถ้ามีความช่วยเหลือจากมรรคพ้องดั่งใจ ย่อมสามารถทำให้การแจ้งมรรคง่ายขึ้นมากอย่างไม่ต้องสงสัย!
‘มรรคแห่งเจินหลงมหัศจรรย์มากจริงๆ หลังจากหลอมรวมเข้าไปในมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร จึงทำให้อานุภาพของวิชาลับนี้ปรากฏออกมาอย่างเต็มที่’
‘และในฐานะร่างที่เก้าอย่างดวงใจฉิวหนิว ย่อมมหัศจรรย์ที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย!’
เดิมทีหลินสวินยังกังวลว่าเวลาจะไม่พอ ไม่สามารถบรรลุมรรคดับดารากลืนกินให้ถึงระดับแก่นมรรคได้ในแดนลับไร้มรณะแห่งนี้
ตอนนี้ความกังวลเช่นนี้ก็ได้หายวับไปหลังจากครอบครองแก่นอัศจรรย์ของมรรคพ้องดั่งใจ
……
เวลาล่วงเลย ผ่านไปอีกหนึ่งเดือนแล้ว
หลินสวินเข้าถึงนัยเร้นลับของกระบวนเฉือนเกิดดับอย่างสมบูรณ์แล้ว!
หากสำแดงออกมาอย่างเต็มกำลัง เขามั่นใจว่า แม้ในสถานการณ์ที่ไม่มีความช่วยเหลือจากพลังมรรคดับดารากลืนกิน ก็สามารถทลาย ‘ดุจภาพภูผาธารา’ ของเยี่ยเฉินและ ‘ไปไร้หวน’ ของเซี่ยวชางเทียนได้
เวลาล่วงเลยไป
เดือนที่หกในการปิดด่านฝึกปราณในแดนลับ
หลินสวินครอบครองนัยเร้นลับของ ‘กระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้’ ในขั้นต้นแล้ว
ไม่เที่ยงแท้ คือไม่สามารถกำหนดตัวแปรได้!
เหมือนกับโชคชะตาที่ไม่อาจทำนาย ราวกับผลกรรมที่ลึกลับเกินคาดเดา
เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลก การผันเปลี่ยนของฤดูกาลทั้งสี่ การเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่ง ล้วนก้าวไปตามลำดับระหว่างความเที่ยงและความไม่เที่ยง พาให้เกิดตัวแปรมากมายนับไม่ถ้วน
ดังคำกล่าวที่ว่า ‘สังขตธรรมทั้งปวง ดุจเงาฟองฝันมายา ดุจนิศาชลและอสนี ควรพินิจด้วยอาการเช่นนี้แล’ สิ่งที่บรรยายก็คือแก่นแห่ง ‘ความไม่เที่ยง’
อริยะในอดีตถึงขั้นกล่าวว่า ‘ความไม่เที่ยงมาเยือน หมื่นวิชาล้วนถูกทำลาย!’
กระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้ก็เช่นกัน เมื่อโจมตีออกไป ว่างเปล่าเลือนราง เปลี่ยนแปลงได้ดั่งใจ ราวกับตัวแปรมาเยือน มีไอสังหารที่เทพผียังไม่อาจคาดเดา!
สิ่งที่ควรค่าแก่การพูดถึงคือ นัยเร้นลับของกระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้ มีความเกี่ยวข้องอย่างแนบแน่นกับนัยเร้นลับของกระบวนเฉือนเกิดดับ
มีเพียงผ่านการ ‘เกิดดับชั่วพริบตา’ จึงจะรู้ถึงแก่นแท้แห่ง ‘ความไม่เที่ยง’!
แก่นมหัศจรรย์ที่สั่งสมอยู่ในกระบวนเฉือนนี้ ไม่สามารถเปรียบเทียบด้วยคำว่ายากลำบากตามความหมายทางโลกได้อีกต่อไปแล้ว แต่เกี่ยวโยงไปถึงโอกาสแห่งตัวแปรมหามรรค เรียกได้ว่าพลิกฟ้า
แม้ด้วยความสามารถในการหยั่งถึงของหลินสวิน ใช้เวลาหนึ่งเดือน ยังหยั่งรู้ได้เพียงแก่นอัศจรรย์เสี้ยวหนึ่งของกระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้เท่านั้น
แต่แค่แก่นอัศจรรย์เสี้ยวนี้ก็ทำให้หลินสวินใจสั่นแล้ว
ไม่มีเหตุผลอื่น นอกจากแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
กระบวนเฉือนนี้ เหมือนกับตัวแปรที่เลือนรางลวงตา ปรากฏในชั่วพริบตา ราวกับหลบไม่พ้น สกัดกั้นไม่อยู่ ถูกกำหนดให้ถูกสังหาร!
‘เสียดายที่ไม่สามารถใช้เวลาทั้งหมดในการหยั่งรู้กระบวนเฉือนนี้…’
หลินสวินถอนหายใจในใจ นัยเร้นลับของกระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้คลุมเครือเกินไป เขามีลางสังหรณ์ว่า แม้ใช้เวลาหนึ่งปีก็อาจไม่สามารถครอบครองแก่นอัศจรรย์หนึ่งในสิบส่วนได้!
หากลงแรงและเวลากับมัน จะเป็นการเสียเวลาในการปิดด่านครั้งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
‘ทว่าเพียงท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์เพียงเสี้ยวเดียว อานุภาพของมันก็เพียงพอจะเป็นอาวุธสังหารแล้ว จากนี้ค่อยๆ ฝึกไป อานุภาพนี้จะต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน’
หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ คราหนึ่ง พยายามข่มกลั้นความวู่วามที่จะหยั่งรู้กระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้ต่อ เพ่งสมาธิไปที่การหยั่งรู้มรรคดับดารากลืนกินแทน
วู้ม
นัยเร้นลับแห่งมรรคพ้องดั่งใจของดวงใจฉิวหนิวถูกหลินสวินขับเคลื่อน ทำให้เขาปรับเข้ากับพลังมรรคดับดารากลืนกินในตัวได้ทันที จมอยู่ภายใน อนุมานและหยั่งรู้นัยเร้นลับในนั้น
เวลากำลังล่วงเลยไป หลินสวินที่กำลังหยั่งรู้มหามรรคไม่สังเกตเลยว่า เงาร่างที่คลุมเครือและเลือนรางสายหนึ่งเคลื่อนออกจากห้วงนิมิตของเขาอย่างไร้สุ้มเสียง
ร่างกายของนางเพรียวยาวและสง่า ราวกับโซ่เทพกฎระเบียบที่ชัดเจนบริสุทธิ์และพร่างพราวสายแล้วสายเล่าพันอยู่ ละอองแสงเซียนสวรรค์โปรยปราย บรรยากาศเทพไท้ลุกโชน ลำแสงต่างๆ แผ่ประกายออกจากรอบตัว
เพราะการปรากฏตัวของนาง ในแดนลับไร้มรณะที่ราวกับราตรีนิรันดร์นี้ จู่ๆ ก็มีสีสันที่หลากหลายและงดงามเพิ่มเข้ามา
นางยืนอยู่ตรงนั้นตามสบาย แต่กลับมีอานุภาพพลังที่เย่อหยิ่งเหนือเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ทำให้กาลเวลายังทำได้เพียงก้มหัวให้
“แดนลับไร้มรณะ เวลาผ่านไปรวดเร็ว… ร่องรอยการต่อสู้แห่งใต้หล้าในตอนนั้นกลับหลงเหลือมาถึงวันนี้… เพียงแต่คนพวกนั้นกลับ… ตายไปนานแล้ว”
ก็ไม่รู้ว่านางคิดถึงอะไร จึงถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง
จากนั้นสายตาของนางก็ไปหยุดที่หลินสวิน ไม่ได้มีอานุภาพใดๆ จึงไม่ได้รบกวนหลินสวินที่กำลังแจ้งมรรค
นางมองเงียบๆ อยู่นานถึงค่อยผละสายตาออก ราวกับจมสู่ภวังค์ความคิด
“เข้าภูเขาสมบัติจะกลับมือเปล่าได้อย่างไร… ช่างเถอะ เสียผลกรรมบางส่วน ให้วาสนาเจ้าสักหน่อย มหายุคกำลังจะมาเยือน หากเจ้าร่วงหล่น ข้าก็ไม่มีเวลารออีกต่อไปแล้ว…”
สุดท้ายนางราวกับตัดสินใจได้ ยื่นมืองดงามข้างหนึ่งออกมา
ทันใดนั้นหญิงสาวราวกับเปลี่ยนเป็นนายเหนือหัว กลิ่นอายสยบสิบทิศ
ฮูม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์