Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1080

สรุปบท ตอนที่ 1080 บังคับชิงศุภโชคไร้มรณะ: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 1080 บังคับชิงศุภโชคไร้มรณะ จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 1080 บังคับชิงศุภโชคไร้มรณะ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

มรรคพ้องดั่งใจ!

นี่ก็คือพลังวิเศษอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นหลังจากดวงใจฉิวหนิวเปลี่ยนแปลง

ในฐานะร่างที่เก้าของมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร ดวงใจฉิวหนิวไม่ใช่วิธีการต่อสู้ และไม่มีความเกี่ยวข้องกับการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย

ประโยชน์เดียวของมันคือช่วยผู้ฝึกปราณหยั่งรู้แก่นอัศจรรย์มหามรรค สามารถเพิ่มความเร็วในการหยั่งรู้มหามรรคให้กับผู้ฝึกปราณ

ส่วน ‘มรรคพ้องดั่งใจ’ ที่ว่า เป็นวิธีอัศจรรย์อย่างหนึ่งที่กระตุ้นพลังแห่งสภาวะจิตให้สอดคล้องกับมหามรรค หยั่งถึงมหามรรค

อย่างเช่นก่อนหน้านี้ยามหลินสวินหยั่งรู้พลังมหามรรคธาตุไฟ ต้องใช้เวลาถึงครึ่งปีจึงสามารถบรรลุถึงระดับ ‘ท่วงทำนองแห่งมรรค’ ได้

แต่หากมีความช่วยเหลือของมรรคพ้องดั่งใจ อย่างมากใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวก็สามารถทำได้ถึงขั้นนี้แล้ว!

ความวิเศษอัศจรรย์เช่นนี้ทำให้หลินสวินเองก็อดหวั่นไหวไม่ได้

เขารู้ดีว่าวิธีการหยั่งมหามรรคอันวิเศษอัศจรรย์ระดับนี้ หากเผยแพร่ออกไป จะต้องเป็นเหตุให้ผู้ฝึกปราณทั่วหล้าแย่งชิงกันอย่างแน่นอน!

ถึงอย่างไรสำหรับผู้ฝึกปราณทุกคน การแจ้งมรรคก็เป็นเรื่องที่ยากเย็นและลำบากแสนเข็ญที่สุด

เพียงแค่เวลาที่ใช้ หากไม่มีความสามารถในการหยั่งรู้ที่จุดประกายขึ้นมา ก็ไม่สามารถสัมผัสแก่นอัศจรรย์มหามรรคได้แน่

แต่ถ้ามีความช่วยเหลือจากมรรคพ้องดั่งใจ ย่อมสามารถทำให้การแจ้งมรรคง่ายขึ้นมากอย่างไม่ต้องสงสัย!

‘มรรคแห่งเจินหลงมหัศจรรย์มากจริงๆ หลังจากหลอมรวมเข้าไปในมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร จึงทำให้อานุภาพของวิชาลับนี้ปรากฏออกมาอย่างเต็มที่’

‘และในฐานะร่างที่เก้าอย่างดวงใจฉิวหนิว ย่อมมหัศจรรย์ที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย!’

เดิมทีหลินสวินยังกังวลว่าเวลาจะไม่พอ ไม่สามารถบรรลุมรรคดับดารากลืนกินให้ถึงระดับแก่นมรรคได้ในแดนลับไร้มรณะแห่งนี้

ตอนนี้ความกังวลเช่นนี้ก็ได้หายวับไปหลังจากครอบครองแก่นอัศจรรย์ของมรรคพ้องดั่งใจ

……

เวลาล่วงเลย ผ่านไปอีกหนึ่งเดือนแล้ว

หลินสวินเข้าถึงนัยเร้นลับของกระบวนเฉือนเกิดดับอย่างสมบูรณ์แล้ว!

หากสำแดงออกมาอย่างเต็มกำลัง เขามั่นใจว่า แม้ในสถานการณ์ที่ไม่มีความช่วยเหลือจากพลังมรรคดับดารากลืนกิน ก็สามารถทลาย ‘ดุจภาพภูผาธารา’ ของเยี่ยเฉินและ ‘ไปไร้หวน’ ของเซี่ยวชางเทียนได้

เวลาล่วงเลยไป

เดือนที่หกในการปิดด่านฝึกปราณในแดนลับ

หลินสวินครอบครองนัยเร้นลับของ ‘กระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้’ ในขั้นต้นแล้ว

ไม่เที่ยงแท้ คือไม่สามารถกำหนดตัวแปรได้!

เหมือนกับโชคชะตาที่ไม่อาจทำนาย ราวกับผลกรรมที่ลึกลับเกินคาดเดา

เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลก การผันเปลี่ยนของฤดูกาลทั้งสี่ การเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่ง ล้วนก้าวไปตามลำดับระหว่างความเที่ยงและความไม่เที่ยง พาให้เกิดตัวแปรมากมายนับไม่ถ้วน

ดังคำกล่าวที่ว่า ‘สังขตธรรมทั้งปวง ดุจเงาฟองฝันมายา ดุจนิศาชลและอสนี ควรพินิจด้วยอาการเช่นนี้แล’ สิ่งที่บรรยายก็คือแก่นแห่ง ‘ความไม่เที่ยง’

อริยะในอดีตถึงขั้นกล่าวว่า ‘ความไม่เที่ยงมาเยือน หมื่นวิชาล้วนถูกทำลาย!’

กระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้ก็เช่นกัน เมื่อโจมตีออกไป ว่างเปล่าเลือนราง เปลี่ยนแปลงได้ดั่งใจ ราวกับตัวแปรมาเยือน มีไอสังหารที่เทพผียังไม่อาจคาดเดา!

สิ่งที่ควรค่าแก่การพูดถึงคือ นัยเร้นลับของกระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้ มีความเกี่ยวข้องอย่างแนบแน่นกับนัยเร้นลับของกระบวนเฉือนเกิดดับ

มีเพียงผ่านการ ‘เกิดดับชั่วพริบตา’ จึงจะรู้ถึงแก่นแท้แห่ง ‘ความไม่เที่ยง’!

แก่นมหัศจรรย์ที่สั่งสมอยู่ในกระบวนเฉือนนี้ ไม่สามารถเปรียบเทียบด้วยคำว่ายากลำบากตามความหมายทางโลกได้อีกต่อไปแล้ว แต่เกี่ยวโยงไปถึงโอกาสแห่งตัวแปรมหามรรค เรียกได้ว่าพลิกฟ้า

แม้ด้วยความสามารถในการหยั่งถึงของหลินสวิน ใช้เวลาหนึ่งเดือน ยังหยั่งรู้ได้เพียงแก่นอัศจรรย์เสี้ยวหนึ่งของกระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้เท่านั้น

แต่แค่แก่นอัศจรรย์เสี้ยวนี้ก็ทำให้หลินสวินใจสั่นแล้ว

ไม่มีเหตุผลอื่น นอกจากแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

กระบวนเฉือนนี้ เหมือนกับตัวแปรที่เลือนรางลวงตา ปรากฏในชั่วพริบตา ราวกับหลบไม่พ้น สกัดกั้นไม่อยู่ ถูกกำหนดให้ถูกสังหาร!

‘เสียดายที่ไม่สามารถใช้เวลาทั้งหมดในการหยั่งรู้กระบวนเฉือนนี้…’

หลินสวินถอนหายใจในใจ นัยเร้นลับของกระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้คลุมเครือเกินไป เขามีลางสังหรณ์ว่า แม้ใช้เวลาหนึ่งปีก็อาจไม่สามารถครอบครองแก่นอัศจรรย์หนึ่งในสิบส่วนได้!

หากลงแรงและเวลากับมัน จะเป็นการเสียเวลาในการปิดด่านครั้งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

‘ทว่าเพียงท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์เพียงเสี้ยวเดียว อานุภาพของมันก็เพียงพอจะเป็นอาวุธสังหารแล้ว จากนี้ค่อยๆ ฝึกไป อานุภาพนี้จะต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน’

หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ คราหนึ่ง พยายามข่มกลั้นความวู่วามที่จะหยั่งรู้กระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้ต่อ เพ่งสมาธิไปที่การหยั่งรู้มรรคดับดารากลืนกินแทน

วู้ม

นัยเร้นลับแห่งมรรคพ้องดั่งใจของดวงใจฉิวหนิวถูกหลินสวินขับเคลื่อน ทำให้เขาปรับเข้ากับพลังมรรคดับดารากลืนกินในตัวได้ทันที จมอยู่ภายใน อนุมานและหยั่งรู้นัยเร้นลับในนั้น

เวลากำลังล่วงเลยไป หลินสวินที่กำลังหยั่งรู้มหามรรคไม่สังเกตเลยว่า เงาร่างที่คลุมเครือและเลือนรางสายหนึ่งเคลื่อนออกจากห้วงนิมิตของเขาอย่างไร้สุ้มเสียง

ร่างกายของนางเพรียวยาวและสง่า ราวกับโซ่เทพกฎระเบียบที่ชัดเจนบริสุทธิ์และพร่างพราวสายแล้วสายเล่าพันอยู่ ละอองแสงเซียนสวรรค์โปรยปราย บรรยากาศเทพไท้ลุกโชน ลำแสงต่างๆ แผ่ประกายออกจากรอบตัว

เพราะการปรากฏตัวของนาง ในแดนลับไร้มรณะที่ราวกับราตรีนิรันดร์นี้ จู่ๆ ก็มีสีสันที่หลากหลายและงดงามเพิ่มเข้ามา

นางยืนอยู่ตรงนั้นตามสบาย แต่กลับมีอานุภาพพลังที่เย่อหยิ่งเหนือเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ทำให้กาลเวลายังทำได้เพียงก้มหัวให้

“แดนลับไร้มรณะ เวลาผ่านไปรวดเร็ว… ร่องรอยการต่อสู้แห่งใต้หล้าในตอนนั้นกลับหลงเหลือมาถึงวันนี้… เพียงแต่คนพวกนั้นกลับ… ตายไปนานแล้ว”

ก็ไม่รู้ว่านางคิดถึงอะไร จึงถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง

จากนั้นสายตาของนางก็ไปหยุดที่หลินสวิน ไม่ได้มีอานุภาพใดๆ จึงไม่ได้รบกวนหลินสวินที่กำลังแจ้งมรรค

นางมองเงียบๆ อยู่นานถึงค่อยผละสายตาออก ราวกับจมสู่ภวังค์ความคิด

“เข้าภูเขาสมบัติจะกลับมือเปล่าได้อย่างไร… ช่างเถอะ เสียผลกรรมบางส่วน ให้วาสนาเจ้าสักหน่อย มหายุคกำลังจะมาเยือน หากเจ้าร่วงหล่น ข้าก็ไม่มีเวลารออีกต่อไปแล้ว…”

สุดท้ายนางราวกับตัดสินใจได้ ยื่นมืองดงามข้างหนึ่งออกมา

ทันใดนั้นหญิงสาวราวกับเปลี่ยนเป็นนายเหนือหัว กลิ่นอายสยบสิบทิศ

ฮูม

อวิ๋นชิ่งไป๋ไม่มีทางครอบครองมรรคนี้ได้แน่!

หลินสวินมั่นใจจุดนี้มาก ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดอาจจะเหมือนกัน แต่มรรคดับดารากลืนกิน เป็นมรรคที่เขาหยั่งรู้มาจากป้ายหินในเทศกาลโคมกถามรรค

พูดได้เพียงว่า ไม่มีพลังแห่งชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดก็ไม่สามารถหยั่งรู้มรรคนี้ได้ แต่ถ้าไม่มีป้ายศิลาหลักนั้น ไม่ว่าจะเป็นเขาหรืออวิ๋นชิ่งไป๋ล้วนไม่สามารถครอบครองมรรคนี้!

‘คนในโลกล้วนรู้ว่า มรรคดับดารากลืนกินของข้าคล้ายคลึงกับพลังมหามรรคที่อวิ๋นชิ่งไป๋ครอบครอง จากเรื่องนี้อนุมานได้ว่า พลังมหามรรคที่เขาครอบครอง จะต้องเกี่ยวข้องกับการกลืนกิน แต่กลับไม่รู้ว่าเมื่อเทียบกับมรรคดับดารากลืนกินแล้ว อันไหนจะแข็งแกร่งอ่อนแอกว่ากัน…’

หลินสวินพึมพำในใจ

สองเดือนหลังจากนั้น หลินสวินไม่ได้ยกระดับด้านพลังปราณและวิชายุทธ์อีก แต่เคี่ยวกรำและทำพลังให้มั่นคง

ไม่ว่าเรื่องใดหากทำเลยเถิดเท่ากับไปไม่ถึงไหน การฝึกปราณก็เช่นกัน

ปิดด่านครั้งนี้ทำให้เขาบรรลุในทุกๆ ด้าน เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ สิ่งที่ต้องทำตอนนี้ก็คือสร้างความมั่นคงให้กับพลังที่เปลี่ยนแปลงนี้

มีเพียงเช่นนี้จึงจะสามารถควบคุมพลังได้อย่างคล่องมือ ถึงขั้นสั่งการด้วยปลายนิ้ว เก็บปล่อยได้ดั่งใจ

อันที่จริงหลินสวินในตอนนี้ ก็แทบจะฝึกฝนถึงขั้นสุดแล้ว

ในการฝึกยุทธ์ ขาดเพียงกระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้ที่ยังไม่ถึงขั้นสมบูรณ์

ในการฝึกมหามรรค มีเพียงมหามรรคแห่งเจินหลงที่ยังไม่ถึงระดับแก่นมรรค แน่นอนว่าตอนนี้มหามรรคเจินหลงก็ถึงระดับ ‘ท่วงทำนองมรรค’ แล้ว มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด

หืม?

ใกล้เวลาหนึ่งปีเข้ามาเรื่อยๆ วันนี้ตอนที่หลินสวินตัดสินใจจะฝึกพลังจิตวิญญาณ พลันพบว่าในห้วงนิมิตมีสัญลักษณ์สีดำแปลกประหลาดและบิดเบี้ยวหนึ่งเพิ่มเข้ามาไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่

ทันทีที่สัมผัส ก็พรั่งพรูกลิ่นอายประหนึ่งไร้มรณะที่แทบจะไม่ดับสลาย ไม่เสื่อมคลาย!

นี่…

หลินสวินหรี่ตาลง หรือจะเป็นนัยเร้นลับไร้มรณะ

ในใจเขาสั่นไหว คาดไม่ถึงเลยจริงๆ

และตอนนี้เองเสียงของข้ารับใช้วิญญาณก็ดังมาจากในแดนลับไร้มรณะ “ข้าเองก็ไม่รู้ว่าใครช่วยให้เจ้าได้รับพลังมหามรรคไร้มรณะ แต่ในเมื่อเจ้าได้ไปแล้ว ก็เป็นศุภโชคของเจ้า ข้าไม่อาจจะเก็บคืนได้”

หลินสวินลืมตาขึ้นมาทันควัน มองไปยังข้ารับใช้วิญญาณที่ปรากฏตัวในระยะไกล สีหน้าของอีกฝ่ายยังคงไร้อารมณ์

เป็นพลังมหามรรคไร้มรณะจริงๆ หรือนี่

ในใจหลินสวินยิ่งตะลึง อีกทั้งเขาเข้าใจความหมายในคำพูดของข้ารับใช้วิญญาณ มีคนแอบช่วยตนช่วงชิงพลังอันยอดเยี่ยมและเป็นหนึ่งเดียวในโลกระดับนี้มา!

หรือจะเป็นนาง

ในใจหลินสวินสะท้าน นึกถึงหญิงสาวลึกลับในห้องโถงมรรคาสวรรค์

เขาคิดไปคิดมา ก็มีแค่นางที่อาจจะครอบครองวิธีไร้เทียมทานเหลือเชื่อเช่นนี้!

“ได้เวลาแล้ว เจ้าควรไปแล้ว” ข้ารับใช้วิญญาณไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงบอกหลินสวินว่าการปิดด่านหนึ่งปีกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว!

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์