หนึ่งปีแล้วหรือ
ตอนที่หลินสวินเดินออกจากแดนลับไร้มรณะ นึกถึงประสบการณ์ปิดด่านก่อนหน้านี้แล้วอดงุนงงไม่ได้
ตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่รู้ฤดูกาล
สำหรับผู้ฝึกปราณนั้น ช่วงเวลาที่ฝึกปราณแจ้งมรรคมักราวกับลำแสงที่วิ่งผ่านอย่างรวดเร็ว รู้ตัวอีกทีก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกหน้าพลิกหลังแล้ว
โชคดีที่ช่วงเวลาหนึ่งปีที่ฝึกอยู่ในแดนลับไร้มรณะนั่น โลกภายนอกผ่านไปเพียงหนึ่งวันเท่านั้น
“พ่อหนุ่ม บนตัวเจ้ามีผลกรรมและมารผจญไม่น้อย ตอนนี้มหายุคกำลังจะมาเยือน หวังว่าเจ้าจะมีความยึดมั่น อย่าได้ลืมความตั้งใจแรกในการบำเพ็ญ”
ข้ารับใช้วิญญาณเอ่ยปากพูด
“ขอบคุณอาวุโสที่สั่งสอน”
หลินสวินคารวะอย่างจริงจัง
“ไปเถอะ มหายุคใกล้มาเยือน ก็หมายถึงความวุ่นวายที่กำลังจะปะทุขึ้นเช่นกัน ประทับการต่อสู้ของเจ้ากับคนอื่นๆ อีกสามคนได้สลักในสมรภูมิเก้าดินแดนนี้แล้ว ในอนาคตหากมีโอกาส มีความเป็นไปได้อย่างสูงที่จะเข้าร่วมการชิงชัยเก้าดินแดน”
ข้ารับใช้วิญญาณสะบัดแขนเสื้อ
ทันใดนั้นหลินสวินรู้สึกเพียงว่าร่างกายของเขาถูกพัดขึ้นกลางอากาศอย่างควบคุมไม่อยู่ เคลื่อนออกจากภูเขาเทพไร้มรณะและผ่านเขตหวงห้ามไร้มรณะไปในพริบตา
จนกระทั่งเข้าสู่ทะเลหมากดารา ร่างกายจึงร่อนลงกับพื้น
“เบื้องหน้ามีเคราะห์สังหารรออยู่ จะผ่านไปได้หรือไม่นั้น ก็จะต้องดูความสามารถของเจ้าแล้ว!“
ห่างออกไป เสียงเตือนของข้ารับใช้วิญญาณดังขึ้น
หลินสวินหัวใจสะท้าน พอหันกลับไป เขตหวงห้ามไร้มรณะก็หายวับไปนานแล้ว
“ขอบคุณผู้อาวุโส” หลินสวินก็ยังโค้งคำนับครั้งหนึ่ง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมองเห็นหรือไม่ เขาเพียงอยากแสดงคำขอบคุณจากใจจริงเท่านั้น
แม้ว่าข้ารับใช้วิญญาณจะแปลงมาจากเจตจำนงกฎระเบียบของภูเขาเทพไร้มรณะ ไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก แต่กลับมีบุคลิกที่โดดเด่นเหนือธรรมดา ก่อนและหลังปิดด่าน ทั้งเตือนและชี้แนะหลินสวิน นี่ก็ทำให้เขาประทับใจมากเช่นกัน
เมื่อเทียบกันแล้ว ใบหน้าที่ได้ชื่อว่าเป็นของสำนักโบราณในยุคปัจจุบันเหล่านั้น ดูน่าเกลียดขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างเคราะห์สังหารที่ขวางอยู่บนฝั่งทะเลหมากดาราตอนนี้ หลินสวินไม่ต้องคิดก็รู้ว่าใครกันแน่ที่อยากเล่นงานตน
ปีนั้นตอนออกจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ก็เป็นเช่นนี้
ยามเทศกาลโคมกถามรรคจบลง ก็เป็นเช่นนี้
ประสบการณ์แบบนี้ หลินสวินชินชามานานแล้ว
ทว่าตอนที่เดินออกจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ มีวานรเฒ่าชุดเขียวคอยช่วย ตอนที่ออกจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ มีโอสถราชันโสมขาวที่วิเศษอัศจรรย์อย่างที่สุดต้นหนึ่งช่วยเหลือ
ครั้งนี้ ทำได้แค่พึ่งตัวเองแล้ว
‘ลมพายุกำลังจะมาเยือนหรือ น่าเสียดาย ภายในทะเลหมากดารานี้ แม้ว่าอริยะมาแล้วก็ไม่สามารถทำอะไรข้าได้ ในเมื่อพวกเจ้าดึงดัน เช่นนั้นข้าจะสู้กับพวกเจ้าสักหน่อย!’
หลินสวินหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ดวงตาทอดมองไปยังส่วนลึกของทะเลหมากดารา ในสายตาแฝงไอสังหารที่เย็นเยียบอย่างที่สุด
‘เด็กนี่ทำให้คนอ่านไม่ออกจริงๆ เดิมคิดว่าเขาคือผู้สืบทอดข้ามยุคของ ‘จักรพรรดิสงครามดับดารา’ ใครจะคิดว่าบนร่างเขายังมีผู้สูงส่งพลิกฟ้าคอยคุ้มครองอยู่ เหนือความคาดหมาย…’
บนภูเขาเทพไร้มรณะนั้น ข้ารับใช้วิญญาณใคร่ครวญเงียบๆ
‘น่าเสียดายที่ข้าเป็นเพียงเจตจำนงเสี้ยวหนึ่ง มิอาจจำเรื่องราวในยุคบรรพกาลได้แม่นยำนัก ไม่เช่นนั้นย่อมสามารถรู้ได้ว่า ผู้สูงส่งพลิกฟ้าที่ช่วยเด็กนี่ไขว่คว้านัยเร้นลับไร้มรณะเป็นใครกันแน่…’
เขายืนอยู่อย่างนั้น จมสู่ห้วงความคิดราวกับเจอโจทย์อันยากยิ่ง
ครู่ใหญ่จึงผละสายตาออก ทอดสายตามองไปทางทะเลหมากดาราพร้อมพึมพำว่า ‘ตอนนั้นจักรพรรดิสงครามดับดาราได้หลอมที่แห่งนี้เป็นท้องฟ้าหมื่นดารา วางกระบวนค่ายกลต้องห้ามเพื่อต่อสู้กับพลังพิฆาตมรรค หวังเพียงว่าเด็กนี่จะไม่เดินตามเส้นทางสังหารของจักรพรรดิสงครามดับดารา มิเช่นนั้นเกรงว่าคง… เฮ้อ ช่างเถอะ เมื่อมหายุคมาเยือน บางทีทุกอย่างอาจไม่เหมือนที่ผ่านมา ใครผิดใครถูกไม่มีใครตัดสินได้
พูดถึงตรงนี้เขาพลันส่ายหน้า ถอนหายใจคราหนึ่ง เงาร่างแปรเปลี่ยนเป็นละอองแสงกฎระเบียบเต็มท้องฟ้าโดยพลัน ก่อนจะหายไปในพริบตา
กลางอากาศมีเพียงเสียงถอนหายใจของเขาที่ยังคงก้องสะท้อน
……
บนชายฝั่งทะเลหมากดารา บรรยากาศกดดันอย่างที่สุด
บนชายฝั่งทะเลที่แคบยาวราวกับเข็มขัดหยก มีผู้ฝึกปราณมากมายรออยู่ที่นั่น
สำนักกระบี่เทียมฟ้า แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ แดนพิสุทธิ์อมตะ สำนักยุทธ์สมุทรคราม เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ…
ขุมอำนาจเหล่านี้กระจายอยู่ในบริเวณต่างๆ ปิดกั้นแนวชายฝั่งทะเลหมากดาราจนแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ผ่านเข้าไปไม่ได้
ทุกขุมอำนาจล้วนมีสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันควบคุม อย่างน้อยสองสามคน อย่างมากก็สี่ห้าคน รวมกันแล้วมีมากกว่ายี่สิบคน!
นี่เป็นกองกำลังที่เพียงพอจะทำให้โลกสั่นสะเทือนอย่างไม่ต้องสงสัย หากอริยะไม่ปรากฏตัว ล้วนสามารถกวาดล้างโลกแห่งหนึ่ง สยบแปดทิศ
แต่ตอนนี้พวกเขาต่างมารออยู่ที่นี่ เพียงเพื่อเล่นงานคนรุ่นเยาว์คนหนึ่งเท่านั้น!
ทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็กหรือ
ระดมกำลังหรือ
ไม่มีใครคิดเช่นนี้หรอก!
ตั้งแต่ที่หลินสวินผงาดขึ้นในแดนฐิติประจิมจนถึงตอนนี้ จำนวนของสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันและกึ่งราชันที่ตายและบาดเจ็บในมือเขา สิบนิ้วก็ไม่พอนับ!
ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางชะล่าใจ
แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นขุมอำนาจใดก็ล้วนรู้ดีว่า ที่หลินสวินแผลงฤทธิ์ตามอำเภอใจเช่นนี้ได้ สิ่งที่พึ่งพิงคือสองอย่าง
หนึ่งคือสมบัติอริยะ
สองคือกระบวนผนึกมรรคราชัน
หากไม่มีสองสิ่งนี้ป้องกันตัว ราชันทุกคนในที่นี้กล้ารับประกันว่า สามารถสยบหลินสวินจนตายได้ด้วยนิ้วเดียว!
ถึงอย่างไรระดับกระบวนแปรจุติก็คือระดับกระบวนแปรจุติ ถูกจัดอยู่ในห้าระดับใหญ่ ส่วนราชันนั้นยืนอยู่เหนือระดับทั้งห้า ทั้งสองเดิมทีก็ไม่ได้ดำรงอยู่ในระดับเดียวกัน
บรรยากาศอันตราย ฟ้าดินแถบนี้ล้วนปกคลุมด้วยไอสังหารรุนแรงชวนกดดันชั้นหนึ่ง ทำให้ลมเมฆหยุดนิ่ง จักรวาลกลับคืนสู่ความเงียบงัน
กองกำลังขุมอำนาจทั้งหมดล้วนกำลังรออย่างใจเย็น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์