สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1091 เมฆลมรวมตัว ณ ทะเลหมากดารา – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
บท ตอนที่ 1091 เมฆลมรวมตัว ณ ทะเลหมากดารา ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
เหล่าอริยะออกเดินทาง สร้างความฮือฮาตกใจทั่วดินแดนรกร้างโบราณ
ไม่เพียงตระกูลเยี่ยแห่งเขาจื่อเวย แดนลับโบราณแห่งหนึ่งในแดนดาราอุดร เซี่ยวชางเทียนเองก็กำลังยืนอยู่ต่อหน้าหญิงชราผู้หนึ่งอย่างน่าเวทนา
หญิงชราผมขาวโพลนราวหยาดน้ำค้าง แต่ผิวพรรณกลับเรียบเนียนดุจทารก คล่องแคล่วกระปรี้กระเปร่า บุคลิกน่าเกรงขามอย่างยิ่ง
เพียงนั่งสบายๆ อยู่ตรงนั้นก็มีพลังเหยียดหยันจักรวาล อานุภาพสะท้านสิบทิศ
“ท่านย่าเสวียน ท่านเองก็ทราบ ข้าไม่ยอมก้มหัวให้หลินสวินคนนี้อย่างที่สุด ในการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ เพราะข้าพลาดแค่กระบวนท่าเดียวถึงตกไปอยู่อันดับสอง แล้วจะให้ข้าทำใจได้อย่างไร”
ในโลกภายนอก ดาบคลั่งเซี่ยวชางเทียนยโสเหยียดโลกหล้า ท่วงท่าสง่างามไร้ทัดเทียม แต่ยามนี้กลับปั้นหน้าขมขื่น พรั่งพรูความคับแค้นออกมายกใหญ่
ตรงข้ามกันลิบลับ เพียงพอจะพาให้ผู้คนปากอ้าตาค้างได้
“แต่ถ้าหากครั้งนี้หลินสวินถูกฆ่า ต่อไปข้าก็ไม่อาจไปกู้หน้าได้อีกแล้ว ที่ผ่านมาท่านเป็นคนที่สงสารเด็กมากที่สุด…”
หญิงชราคล้ายจะเริ่มทนไม่ไหว โบกมือตัดบทเป็นพัลวัน “เอาล่ะๆ เจ้าหนูนี่ไม่ใช่อยากให้ข้าช่วยเหลือหรือ”
เซี่ยวชางเทียนพยักหน้าหงึกๆ “ท่านผู้เฒ่าชาญฉลาดดุจดวงประทีปจริงๆ ด้วย เรื่องอะไรก็ล้วนปิดบังท่านไม่ได้”
หญิงชราแค่นเสียงเย็น “หยุดประจบเสียที ข้าจะบอกเจ้าให้ เจ้าเฒ่าที่หมกมุ่นอยู่กับการปลูกดอกไม้ใบหญ้าบนเขาจื่อเวยนั่น เมื่อครู่ได้ส่งข่าวมาแล้ว เรื่องนี้มีความเร้นลับอื่นอีก พวกเราแค่ต้องรอดูก็พอ”
เจ้าเฒ่าที่หมกมุ่นกับการปลูกดอกไม้ใบหญ้า?
เซี่ยวชางเทียนกระจ่างทันที คนที่ท่านย่าเสวียนพูดถึงน่าจะเป็นผู้อาวุโสตระกูลของเขาจื่อเวยคนนั้น ผู้เฒ่าระดับดึกดำบรรพ์คนนั้น
“ความเร้นลับอะไรหรือ” เขาอดถามไม่ได้
“มังกรเร้นหุบเหว ขับเคลื่อนด้วยเคราะห์”
นัยน์ตาหญิงชราไหลเวียนด้วยประกายแวววาวอย่างมีเลศนัย “เพื่อนเจ้าคนนี้… อยากฆ่าให้ตายไม่ใช่เรื่องง่ายดายขนาดนั้น”
“เพื่อน? เพื่อนอะไร ข้าไม่ยอมรับ!” เซี่ยวชางเทียนโพล่ง
หญิงชราปรายตามองเขาปราดหนึ่ง กล่าวว่า “หากไม่ใช่เพื่อน เจ้าจะยอมให้คนแก่อย่างข้าไปสู้สุดชีวิตกับพวกอริยะเหล่านั้นได้หรือ”
เซี่ยวชางเทียนพิพักพิพ่วนทันที รู้สึกเก้ๆ กังๆ เล็กน้อย
เขากลับลอบทอดถอนใจอยู่ในใจ แม้กระทั่งผู้อาวุโสเขาจื่อเวยคนนั้นยังให้ความสนใจต่อเรื่องนี้ ดูท่า ต่อให้สถานการณ์ของเจ้าหลินสวินนั่นจะเลวร้ายเพียงใด แต่ก็ยังพอมีหวังรอดอยู่บ้าง
“เสี่ยวเทียน ข้าขอถามเจ้า หากหนนี้เด็กคนนั้นประสบเคราะห์หนักจนตาย เจ้าจะเป็นอย่างไร” จู่ๆ หญิงชราก็เอ่ยถาม
เซี่ยวชางเทียนสั่นเทิ้มทั้งร่าง สีหน้าไหววูบ เนิ่นนานเขาจึงกล่าวว่า “ข้าจะไม่มีความสุขมาก!”
“ไม่มีความสุขแล้วอย่างไรอีก”
“ใครทำให้ข้าไม่มีความสุข ข้าก็จะทำให้คนผู้นั้นไม่สุขด้วย!”
เซี่ยวชางเทียนตอบกลับอย่างเฉียบขาดมาดมั่น
มุมปากหญิงชราผุดรอยยิ้มน้อยๆ
……
ขณะที่สี่แดนวิภูทั่วดินแดนรกร้างโบราณล้วนจมสู่ความปั่นป่วน ทางฝั่งทะเลหมากดารา ห้วงอากาศที่เดิมทีเงียบสงบจู่ๆ ก็บังเกิดเสียงระเบ็งเซ็งแซ่
ทันใดนั้นผู้ฝึกปราณส่วนหนึ่งในที่นั้นร่างกายสั่นเทิ้ม หันขวับมองไปยังเวิ้งนภา
ผู้ฝึกปราณเหล่านี้ต่างมาตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนเพื่อสืบข่าว สังเกตการณ์และตรวจสอบร่องรอยศึกใหญ่ที่เคยเกิดขึ้นในพื้นที่แถบนี้
ตูม!
ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน กลางห้วงอากาศนั้นระเบิดแตกกะทันหัน วิถีใหญ่รุ้งวิเศษสีทองอร่ามสายหนึ่งโฉบพุ่งดิ่งลงมา
บนวิถีใหญ่ เงาร่างที่ทั่วกายชโลมประกายแสงศักดิ์สิทธิ์สายหนึ่งยืนปักหลักอยู่ ฟ้าดินเสมือนมืดมัวลง กำลังก้มหัวสวามิภักดิ์!
ทุกคนสั่นเทิ้ม ร่างกายและจิตใจกดดันถึงที่สุด ทอดมองไกลออกไป เงาร่างนั้นล่ำสันดั่งขุนเขา ทั้งมีกลิ่นอายบีบคั้นแกร่งกร้าวปานฉกชิงจิต ตัดทำลายวิญญาณของผู้คน
“ที่นี่เป็นสถานที่วุ่นวาย พวกเจ้าจงถอยไป!”
เสียงก้องกระหึ่มดังสนั่นทั่วฟ้าดินราวกับฟ้าคำราม เงาร่างปานอริยเทพนั้นโบกแขนเสื้อหนึ่งครา หอบม้วนทุกคนในลานลงสู่รัศมีศักดิ์สิทธิ์ ขับไล่ออกจากที่แห่งนี้โดยไม่ยอมให้ปฏิเสธสักนิด
จากนั้นแสงศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆ จางหายไป เงาร่างนั้นโรยตัวลงพื้นแผ่วเบา กลายเป็นชายชราสวมชุดผ้าป่านเปลือยเท้าเปล่า รูปร่างผอมคนหนึ่ง
เขาเอามือไพล่หลัง ทอดมองทะเลหมากดารา กลางนัยน์ตามีภาพน่าสะพรึงเช่นสุริยันจันทราผลุบโผล่ ภูผาธาราผันเปลี่ยนไหลเวียน น่าสะพรึงไร้ใดเปรียบ
ชายชราคนนี้ย่อมเป็นฟางหลิงซู่แห่งสำนักกระบี่เทียมฟ้า บุคคลน่าสะพรึงที่เหยียบย่างระดับอริยวิถีกระบี่เมื่อสามพันปีก่อน
“ข้าสัมผัสได้แล้วว่ากระบี่เทียมฟ้าถูกจองจำอยู่ที่นี่ กำลังรอคอยให้ข้าช่วยออกมา!”
ฟางหลิงซู่พึมพำ บนตัวเขาเจตกระบี่สะท้านฟ้าสายหนึ่งพุ่งทะยานฟ้า ฉีกทึ้งชั้นเมฆ เฉือนผ่าเวิ้งนภา นี่คือฤทธิ์เดชของวิถีกระบี่ระดับอริยะ สะท้านจิตวิญญาณ บีบคั้นสิบทิศ!
“ทะเลนี้ปกคลุมด้วยค่ายกลอริยะสูงสุด มีข่าวลือว่าบุคคลยิ่งใหญ่ปานเทียมฟ้าในยุคบรรพกาลคนหนึ่งรังสรรค์ขึ้น หากคิดจะเสาะหาสมบัติอริยะกลับไป ก่อนเข้าสู่ค่ายกลนี้ ไม่ทราบสหายยุทธ์มีวิธีรับมือหรือไม่”
ตามหลังเสียงนี้ ปักษาเทพตัวหนึ่งร่อนลงมาจากฟ้า บนหลังปักษาเทพมีหญิงสาวสวมชุดคลุมกระเรียน รูปโฉมเด่นสง่าคนหนึ่งนั่งอยู่ นัยน์ตาสีทองอร่ามทั้งคู่ประหนึ่งดวงอาทิตย์น้อยๆ
อริยะเมี่ยวหวาแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์!
นางเยื้องกายลงจากปักษาเทพมาถึงเบื้องหน้าฟางหลิงซู่ นัยน์ตาทอดมองไปทางทะเลหมากดาราที่อยู่ไกลๆ
“ค่ายกลนี้ชื่อว่าแผนภาพวัฏจักรดารา เบื้องบนเชื่อมสวรรค์หมื่นดารา เบื้องล่างครอบคลุมกระแสปราณพิภพ นับแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ไม่มีผู้ใดทำลายได้”
อีกเสียงที่ลุ่มลึกและหนักแน่นดังก้องฟ้าดินอีกครั้ง
รถศึกคันหนึ่งบดขยี้ห้วงอากาศดังกึกก้องมาเยือน เจือกลิ่นอายโบราณเก่าแก่ ยังมีไอสังหารทะยานฟ้า ในนั้นมีเงาร่างสายหนึ่งนั่งอยู่ พลานุภาพปกคลุมฟ้าดิน
อริยะเต้าคุนแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ!
จังหวะที่เขาเดินออกจากรถศึก ฟ้าดินล้วนสั่นสะเทือน คล้ายจวนจะรับอานุภาพบีบคั้นบนตัวเขาไม่ไหว
“ไม่มีใครทำลายได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอะไรจัดการไม่ได้”
อริยะโผล่มาอีกคนแล้ว ครานี้เป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ทั่วร่างไหลเวียนด้วยลักษณ์ประหลาดแห่งภูเขาศพทะเลเลือด ยามก้าวย่างเทพร้องครวญผีโหยไห้กลางฟ้าดิน สะท้อนภาพน่าสะพรึงปานนรกสีเลือด
อริยะเซวี่ยถู เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ!
“ส่วนเรื่องสมบัติอริยะในมือเด็กคนนี้ พวกเราก็อาศัยฝีมือของแต่ละคนช่วงชิงมา!”
“ได้เลย”
“อย่างนี้ดีที่สุด”
อริยะคนอื่นๆ ไตร่ตรองสักพักก่อนตกปากรับคำ
เวลานี้นัยน์ตาฟางหลิงซู่ทอดมองไปยังห้วงอากาศอีกด้านหนึ่ง กล่าวว่า “ฝูหยา เจ้าจะนิ่งเงียบไปถึงเมื่อไร”
เหล่าอริยะต่างพากันหันไปมอง
ก็เห็นว่าห้วงอากาศตรงนั้นสั่นกระเพื่อมหนึ่งระลอก พลันปรากฏเป็นเงาร่างผอมแห้งสายหนึ่ง ทั้งตัวคลุมเครือเลือนราง บางจางยิ่งยวด คล้ายไม่มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้
แต่กลิ่นอายของเขากลับน่าตกใจถึงขีดสุด ไม่ด้อยกว่าอริยะคนใดในลานเลย!
คนผู้นี้คืออริยะผู้หนึ่งจากสำนักยุทธ์สมุทรคราม ฉายาธรรมว่าฝูหยา
“ข้าไร้ความคิดเห็น”
เสียงฝูหยาเย็นเยียบ ล่องลอยกลางฟ้าดิน พาให้ผู้คนสั่นเทาทั้งที่ไม่หนาวเหน็บ
ที่แห่งนี้อริยะหกคนต่างมารวมตัวกัน!
“แต่ก่อนอื่น ข้ามีหนึ่งเรื่องอยากถาม”
ฝูหยาเอ่ยปาก เสียงดังขึ้นทางทิศตะวันออกทีตะวันตกที ริบหรี่และมืดมน “หากมีสหายยุทธ์สำนักโบราณอื่นที่อยากร่วมวงด้วยจะทำอย่างไร”
“เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นศัตรูร่วมกันของพวกเรา!”
ฟางหลิงซู่สีหน้าเรียบเฉย ถึงแม้คนอื่นๆ ไม่ได้เอ่ยปาก แต่เห็นชัดว่าล้วนตกลงกันโดยปริยายแล้วทั้งสิ้น
“ดี ตอนนี้ข้าไร้กังวลแล้ว เริ่มลงมือได้!”
ฝูหยาพยักหน้า
พรึ่บ!
เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น อริยะหกคนต่างพากันเบนสายตามองทางไปทะเลหมากดาราที่อยู่ไกลๆ
บนทะเลหมากดารา หมอกดาราราวมายา ลวงตาคลุมเครือ เห็นได้ชัดว่าลึกลับจนพาให้ผู้คนใจสะท้าน
แต่พลังผนึกต้องห้ามที่ปกคลุมบนนั้นย่อมไม่อาจบดบังสายตาของอริยะได้
ถึงแม้พวกเขาจะไร้หนทางทลายค่ายกล แต่หากแค่เก็บสมบัติอริยะคืนและถือโอกาสจู่โจมสังหารมดตัวหนึ่ง กลับไม่เหลือบ่ากว่าแรง
ทว่ายังไม่รอให้พวกเขาเคลื่อนไหว จู่ๆ เสียงตะโกนสนั่นเสียงหนึ่งก็ดังก้องขึ้น “เสียแรงที่พวกเจ้าเป็นถึงอริยะในยุคปัจจุบัน กลับใช้ข้ออ้างแก้แค้น หมายจะฉกชิงสมบัติอริยะในมือเด็กรุ่นหลังคนหนึ่ง หน้าด้านอย่างที่สุดจริงๆ ยังมียางอายอยู่หรือไม่!”
อริยะทั้งหกคนอย่างฟางหลิงซู่ เมี่ยวหวา เต้าคุน เซวี่ยถู อวี่หมิง ฝูหยาต่างขมวดคิ้ว คล้ายรู้สึกประหลาดใจน้อยๆ พากันเบนสายตาไปมองยังจุดเดียว
ที่ตรงนั้นไม่รู้ว่าปรากฏร่างชายหนุ่มในชุดหนังสัตว์ รูปลักษณ์หยาบกร้านราวกับคนป่าคนหนึ่งตั้งแต่เมื่อไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์