ทุกคนต่างฉุนเฉียวไม่สงบ คิดว่าหญิงลึกลับเรียกร้องมากเกินไป เห็นชัดว่าคิดว่าเผ่าพวกเขารังแกได้ง่ายๆ!
หมาดำบนพื้นตัวนั้น นอกจากเส้นขนดำขลับนุ่มลื่นแล้ว ดูลักษณะอย่าเอ่ยถึงเลยว่าใจเสาะปานใด ตั้งแต่ปรากฏตัวจนป่านนี้ก็เอาแต่หมอบฟุบกับพื้น หัวแทบจะมุดเข้าไปในรอยแยกชั้นดินอยู่แล้ว
ของห่วยๆ พรรค์นี้มีค่ามากถึงไผ่เทพต้นกำเนิดสิบปล้องด้วยหรือ
ห่วยๆ? หากให้อริยะเซวี่ยถูที่อยู่บนพื้นรู้ถึงความคิดความอ่านของพวกเขา คงโกรธจนแทบคลั่งกระอักเลือดเป็นแน่
นี่มันทนไม่ได้เลยสักนิด!
“สหายยุทธ์ เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬของข้ามีทายาทมากมายหลายหมื่น เจ้าเลือกส่งๆ ออกมาสักคนก็เรียกร้องเอาไผ่เทพต้นกำเนิดสิบปล้อง นี่… ออกจะเกินไปหน่อยหรือไม่”
อริยะเซวี่ยซิงเอ่ยปากเนิบช้า ถึงแม้ตัวเขาจะแก่ชราหาใดเปรียบ ท่าทางดูเหมือนไม้ใกล้ฝั่ง แต่กลับมีความน่าเกรงขามไร้รูปแฝงอยู่
“กล่าวเช่นนี้ เจ้าคิดว่าสุนัขตัวนี้ไม่คุ้มค่ากับราคานี้หรือ” หญิงลึกลับเอ่ยถาม
“ไม่คุ้ม ไม่คุ้มเลยสักนิด”
อริยะเซวี่ยซิงกล่าว “อย่างมาก… ก็แค่ไผ่เทพต้นกำเนิดสามปล้อง นี่ยังเห็นแก่หน้าสหายยุทธ์ หาไม่ เฮอะๆ…”
คำพูดไม่ได้กล่าวจนจบ แต่ความหมายก็เปิดเผยอย่างแจ่มแจ้ง
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬคนอื่นๆ ในลานก็ยังคงสีหน้าไม่น่าดู
ถูกคนบุกรุกประตูเขา ระหว่างทางโจมตีคนในเผ่าบาดเจ็บไปไม่รู้เท่าไหร่ ตอนนี้ยังมาถูกอีกฝ่ายรีดไถอีก นี่น่าคับแค้นเกินไปแล้วชัดๆ!
หลินสวินก็เกือบกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ สีหน้าแปลกพิกล หากให้เจ้าเฒ่านี่รู้ตัวตนของสุนัขตัวนี้ เกรงว่าคงต้องตบปากตัวเองเป็นแน่แท้
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นสุนัขตัวนี้ข้าก็ไม่ขายแล้ว” หญิงลึกลับกล่าว
“โฮ่ง! โฮ่ง!”
เวลานี้อริยะเซวี่ยถูที่กลายร่างเป็นหมาดำบนพื้นตาตั้งทันที เงยหัวขึ้นมา เห่าใส่อริยะเซวี่ยซิงอย่างบ้าคลั่ง ท่าทางโกรธจัดหาใดเปรียบ
“บังอาจนัก! ถึงขั้นกล้าเสียมารยาทกับผู้อาวุโส!” โก่วหยางไห่ที่อยู่ข้างๆ ข่มกลั้นอารมณ์มาตลอด พอเห็นเช่นนี้ก็ถีบเท้าเข้าใส่คราหนึ่งอย่างไม่ลังเล
ตุ้บ!
หมาดำลอยคว้างทันที กระแทกลงบนโขดหินไกลออกไปสิบกว่าจั้ง ฝุ่นดินลอยคลุ้ง หมดสภาพอย่างที่สุด
หลินสวินอึ้งงัน เกือบยกนิ้วโป้งให้โก่วหยางไห่ สมกับเป็นหัวหน้าเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ ถีบเดียวก็เตะอริยะคนหนึ่งลอยคว้างอย่างจัง!
“โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง!” กลับเห็นหมาดำเหมือนเสียสติ กระโจนออกมา เสียงขู่คำรามยิ่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ คล้ายกับโรคพิษสุนัขบ้ากำเริบขึ้นอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าเจ้าหมอนี่ยังไม่รู้ภาษาเช่นนี้ โก่วหยางไห่ก็โกรธจนหน้าเขียวคล้ำ ตั้งท่าจะจัดการเขางามๆ สักตั้ง กลับเห็นอริยะเซวี่ยซิงคล้ายเอะใจอะไรขึ้นมา พลันร้องเสียงหลง “หยุดก่อน!”
เสียงตวาดลั่นสายนี้ดุจดั่งสายฟ้า สะเทือนฟ้าดิน ซัดจนโก่วหยางไห่เซเสียหลัก เกือบหกคะเมนลงกับพื้น
คนอื่นๆ ต่างพากันขวัญหนีดีฝ่อ หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ ไม่เข้าใจที่มาที่ไป
“เจ้า… เจ้าคือเซวี่ยถู?” นัยน์ตาเซวี่ยซิงวาบประกายชวนสยอง จ้องหมาดำที่เห่าอย่างบ้าคลั่งตัวนั้น
ชั่วขณะนี้หลินสวินเห็นชัดเจนว่าขอบตาของหมาดำมีร่องรอยน้ำตาวาบผ่าน ก็ไม่รู้ว่าตื้นตันจนน้ำตาไหลหรืออะไรกันแน่
ทั่วลานเงียบกริบ ทุกคนงงตาค้าง จ้องหมาดำบนพื้นอย่างอึ้งงัน ล้วนสงสัยว่าตัวเองหูเพี้ยนไปแล้วใช่หรือไม่
ใต้เท้าเซวี่ยถู?
หมาดำตัวนี้… เป็นใต้เท้าเซวี่ยถูได้อย่างไร
โดยเฉพาะโก่วหยางไห่ เมื่อครู่เขาเพิ่งเตะหมาดำตัวนี้เต็มเหนี่ยวไปหนึ่งครา หนำซ้ำยังตั้งใจจะจัดการมันงามๆ สักตั้งด้วย ไหนเลยจะคิดว่าดันเกิดเรื่องผิดคาดสุดขั้วเช่นนี้!
ครู่ต่อมาสีหน้าเขาดำมืดเหมือนก้นหม้อ
สุดท้ายหลินสวินก็กลั้นหัวเราะไม่อยู่ ภาพเบื้องหน้านี้ช่างน่าสนใจเหลือเกิน หยิบยกกลับมาเล่าซ้ำได้หลายครั้งแน่นอน
ท้ายที่สุดอริยะเซวี่ยซิงก็ยืนยันเรื่องนี้ได้ ครู่ต่อมาสีหน้าเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นมืดทะมึนหาใดเปรียบ แววตาปานสายฟ้าจับจ้องหญิงลึกลับ “สหายยุทธ์! เจ้ามาหยามหน้าเผ่าของข้าอย่างนั้นหรือ”
คนอื่นๆ ก็เดือดดาลยากระงับเช่นกัน รู้สึกอดสูหาใดเปรียบ อริยะคนหนึ่งกลับถูกมองเป็นหมา ถูกไล่ต้อนและซื้อขาย เรื่องนี้ใครจะทนไหว
หญิงลึกลับสีหน้านิ่งสนิทไร้ความตกใจ กล่าวว่า “หยามหน้า? ไม่ขนาดนั้น ก็แค่บทลงโทษของเขาเท่านั้นเอง หากพวกเจ้าไม่ยอม จะสู้กันสักคราก็ได้”
คำกล่าวแสนเรียบง่าย แต่กลับเผยความเผด็จการผงาดผยองอย่างไม่อาจบรรยาย พาให้ฟ้าดินล้วนสั่นโคลง คล้ายกำลังก้มหัวศิโรราบ
ผู้แข็งแกร่งที่ระดับต่ำกว่าอริยะในลานเหล่านั้นล้วนรู้สึกพียงว่าในสมองเกิดเสียงดังวู้ม เบื้องหน้าสายตาปรากฏดาวสีทอง รู้สึกโดนกดบีบหาใดเปรียบ เกือบหายใจไม่ออก!
ชั่วขณะนี้หญิงลึกลับประหนึ่งกลายเป็นนายเหนือหัว อานุภาพปานเหนือสุดนั้นทำให้อริยะเซวี่ยซิงยังหน้าเปลี่ยนสี
“โฮ่ง! โฮ่ง!”หมาดำเห่าขึ้นมาอีกครั้ง คล้ายร้อนรนหาใดเปรียบ
อริยะเซวี่ยซิงใช้พลังจิตวิญญาณสื่อสารกับเขา ก็ไม่รู้ว่าทั้งคู่พูดอะไรกัน ทำเอาอริยะเซวี่ยซิงสีหน้าวูบไหวไม่มั่นคง
ตอนที่เงยหน้าขึ้นมองหญิงลึกลับอีกครั้ง นัยน์ตาของเขาเจือแววตกใจอย่างสุดซึ้ง คล้ายไม่อยากจะเชื่อ
หลินสวินพอจะเดาออก เกรงว่าอริยะเซวี่ยซิงคงเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ชายฝั่งทะเลหมากดาราแล้ว
“ได้ ตามที่สหายยุทธ์ว่า!”
ในที่สุด อริยะเซวี่ยซิงสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง ทำการตัดสินใจ สั่งคนไปหยิบกล่องไม้ทรงสี่เหลี่ยมใบหนึ่งออกมา ด้านในกล่องวางไผ่สิบปล้องอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ไผ่นี้ตัวไผ่ขาวแวววาวเจิดจ้า แต่ละปล้องประทับลายมรรคแปลกประหลาดตามธรรมชาติเอาไว้ มีแสงอสนีเป็นริ้วๆ ดุจเส้นผมไหลเวียนอยู่บนนั้น แผ่พลังชีวิตเข้มข้นหาใดเปรียบ
นี่ก็คือไผ่เทพที่ฟูมฟักในถิ่นกำเนิดบรรพบุรุษของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ สามพันปีจึงจะงอกออกมาหนึ่งปล้อง เป็นวัตถุดิบเทพที่ได้แต่เฝ้าฝันไม่อาจครอบครอง
หญิงลึกลับเหลือบมองปราดหนึ่ง แล้วสั่งให้หลินสวินไปรับมันไว้
ในใจอริยะเซวี่ยซิงเจ็บปวด ไผ่เทพต้นกำเนิดสิบปล้อง นี่เท่ากับของที่สั่งสมมาสามหมื่นปีปลิวหายไปในพริบตา!
“สหายยุทธ์ ตอนนี้พอใจหรือยัง” อริยะเซวี่ยซิงกล่าวเสียงเข้ม
“ค่อยยังชั่วแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์