แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ
ที่ราบผาเขียว ตำหนักยอดยุทธ์
บรรดาคนใหญ่คนโตระดับสูงรวมตัวกันเต็มโถง มีทั้งชายทั้งหญิง ทั้งแก่ทั้งเด็ก พลังที่ต่ำที่สุดยังอยู่ในระดับราชัน
ผู้ที่อยู่ตำแหน่งสูงสุดคือเด็กหนุ่มชุดคลุมหยกสวมเกี้ยวประดับคนหนึ่ง
เด็กหนุ่มท่าทางองอาจ คิ้วตาใสกระจ่าง นั่งสบายๆ อยู่ตรงนั้น กลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาอย่างไร้รูปกลับบีบคั้นจนบรรดาคนใหญ่คนโตในที่นี้หายใจไม่ทั่วท้อง
หนำซ้ำคนใหญ่คนโตเหล่านี้แต่ละต่างนั่งคุกเข่าวางมือบนตัก สีหน้าเจือแววเคร่งขรึมถึงขั้นเคารพยำเกรง
เด็กหนุ่มหาใช่เด็กหนุ่ม แต่เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่เหยียบย่างระดับอริยะตั้งแต่หลายพันปีก่อน นามว่าอวี้อวี่จวิน พลังปราณลึกล้ำสุดหยั่ง
“อัปยศนัก!”
อวี้อวี่จวินเอ่ยปาก ทำลายความเงียบในโถงใหญ่ พาให้ทุกคนในที่นี้ล้วนใจเต้นโครมคราม หน้าเปลี่ยนสีไม่มั่นคง
“แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณของข้าดำรงอยู่นับตั้งแต่บรรพกาลจนบัดนี้ ยังไม่เคยพบเจอเรื่องอัปยศอดสูใหญ่หลวงเช่นนี้มาก่อน!”
เสียงอวี้อวี่จวินเรียบเฉย แต่ละคำหนักแน่นกังวานราวอสนีบาต เผยแววน่าเกรงขามที่ชวนอกสั่นขวัญผวา สะเทือนเลือนลั่นภายในโถง
“แต่ว่า…”
จากนั้นอวี้อวี่จวินพลันเปลี่ยนประเด็น น้ำเสียงอ่อนลง “นี่ก็โทษใครไม่ได้ ใครจะไปคิดว่าข้างกายมดเล็กจ้อยตัวหนึ่งจะถึงกับมีบุคคลเทียมฟ้าน่าทึ่งอยู่ด้วย”
ทุกคนต่างลอบถอนหายใจ สีหน้าซับซ้อน
“ใต้เท้า เช่นนั้นพวกเราควรทำอย่างไร รอตาปริบๆ ให้ผู้หญิงคนนั้นมา… เยี่ยมเยียนหรือ” มีคนอดเอ่ยถามไม่ได้
“นอกจากรอยังมีวิธีไหนอีก”
อวี้อวี่จวินทอดถอนใจ “อริยะเต้าคุนยังอยู่ในมือของนาง ไม่ว่าเดือดดาลและอดสูแค่ไหน ครั้งนี้พวกเราก็ได้แต่จำทน”
คนอื่นๆ ได้ยินเช่นนี้ ในใจล้วนทวีความเดือดดาล
ในฐานะสำนักโบราณชั้นนำแห่งใต้หล้า พวกเขาเคยต้องพบเจอกับการกระทำเช่นนี้เสียที่ไหน
“ใต้เท้า ท่านพอเดาได้หรือไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นอริยเทพจากไหนกันแน่ หรือว่ารากฐานของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณของพวกเราก็ไม่อาจมีเรื่องด้วยอย่างนั้นหรือ” มีคนเอ่ยถาม
“นั่นก็ต้องได้เจออีกฝ่ายก่อน อาจจะพอสอดส่องเบาะแสได้ส่วนหนึ่ง”
อวี้อวี่จวินกล่าวถึงตรงนี้นัยน์ตาพลันหดรัด ดีดตัวดังผึงกล่าวว่า “ผู้หญิงคนนั้นมาแล้ว พวกเจ้าออกไปหานางพร้อมกับข้า!”
กล่าวจบพลันเดินออกนอกโถงใหญ่
ที่ราบผาเขียว ห้วงอากาศพลันปรากฏมหามรรคที่สร้างจากรุ้งเทพสายหนึ่ง เงาร่างอรชรและคลุมเครือสายหนึ่งเดินออกมาจากในนั้น
เบื้องหน้านางยังต้อนแกะอยู่ตัวหนึ่ง
แม้จะรู้ข่าวที่เกิดขึ้นริมฝั่งทะเลหมากดารากันหมดแล้ว แต่ตอนที่เห็นภาพนี้ บรรดาคนใหญ่คนโตแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณก็ยังคงรู้สึกอดสูและเดือดดาลหาใดเปรียบ
เสกอริยะเป็นเดรัจฉาน!
ผู้หญิงคนนี้ถึงกับต้อนแกะตัวหนึ่งซึ่งแปลงร่างมาจากอริยะเต้าคุนมาจริงๆ ด้วย หนำซ้ำยังมาคนเดียว ท่าทางมั่นใจไร้ห่วง
เงาร่างอรชรสายนี้แม้จะเป็นร่างแยกของหญิงลึกลับ แต่ก็ไม่ได้ต่างกับร่างเดิมของนางเลย
เวลานี้สายตานางกวาดสำรวจทุกคนที่เดินมาจากที่ไกลๆ กล่าวน้ำเสียงราบเรียบ “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าคล้ายจะโกรธยิ่ง”
“ไยจะกล้า” มีคนกล่าวสีหน้าไร้อารมณ์
ตูม!
หญิงลึกลับสาวเท้าก้าวออกมาหนึ่งก้าว
ชั่วอึดใจ อานุภาพน่าสะพรึงไร้ที่สิ้นสุดแผ่กว้างออกมาจากเงาร่างอรชรของนาง พาให้ฟ้าดินแถบนี้กู่ก้อง
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
ในลานไม่รู้มีคนใหญ่คนโตระดับสูงมากน้อยเท่าไหร่ถูกสยบหมอบราบพื้นในเวลานี้ ล้มกลิ้งระเนระนาด แม้แต่พลังต่อต้านก็ยังไม่มี
“สหายยุทธ์ นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
อวี้อวี่จวินสีหน้าขรึมลง รอบกายแผ่อานุภาพอริยะออกมาสลายกลิ่นอายน่าสะพรึงจากตัวหญิงลึกลับ
แต่ที่ทำให้เขาตกใจกลัวคือ เมื่ออานุภาพต่อต้านกัน ทันทีที่พลังของเขาเฉียดใกล้ก็ถูกดันต้านกลับมาอย่างจัง!
ตูม!
ทันใดนั้นร่างอวี้อวี่จวินซวนเซ ราวกับถูกอาทิตย์ดวงใหญ่กดข่ม ลมฝนสมุทรคลั่งกำราบ
พลังที่คล้ายสูงสุดขีดเช่นนี้ทำเอาเขาหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง ในที่สุดก็ตระหนักถึงความน่ากลัวของหญิงลึกลับคนนี้แล้ว
ส่วนคนใหญ่คนโตอื่นๆ ที่อยู่ในลาน เวลานี้ล้วนถูกสยบราบลงกับพื้น ทั้งตกใจทั้งโกรธ หมดสภาพหาใดเปรียบ ไม่มีใครกล้าพูดมากความอีก
อานุภาพอริยะระดับนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะต่อกรได้สักนิด!
และในเวลานั้นหญิงลึกลับเก็บกลิ่นอายรอบตัวลง กล่าวว่า “ผู้ใหญ่รังแกผู้น้อย ดูไม่ออกหรือ”
สีหน้าอวี้อวี่จวินพลันเปลี่ยนเป็นมืดทะมึนขึ้นมาทันที
นี่หาใช่แค่ผู้ใหญ่รังแกผู้น้อย แต่ไม่เห็นแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณของพวกเขาอยู่ในสายตาชัดๆ!
แต่แม้ในใจจะโกรธแค้น ทว่ายามเห็นแกะตัวนั้นที่หมอบราบอยู่ข้างๆ หญิงลึกลับ สุดท้ายอวี้อวี่จวินก็อดกลั้นเอาไว้
…
ภาพเหตุการณ์คล้ายคลึงกันเกิดขึ้นในสำนักกระบี่เทียมฟ้า แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ สำนักยุทธ์สมุทรคราม และแดนพิสุทธิ์อมตะเกือบจะในเวลาเดียวกัน
ไม่ว่าสำนักเหล่านี้จะรู้สึกเดือดดาลและอดสูปานใด ท้ายที่สุดก็ได้แต่พากันเก็บงำเอาไว้
หญิงลึกลับเพียงแค่มาเยี่ยมเยียนถึงที่ หาได้เปิดศึกล้างบาง อีกอย่างในมือยังกำชีวิตอริยะที่กลายร่างเป็นแกะห้าคนอีก สำนักเหล่านี้จึงได้แต่ข่มใจ!
สุดท้ายตอนที่หญิงลึกลับจากไป ก็ได้รับ ‘เงินขายแกะ’ ที่เพียงพอจะทำให้สำนักเหล่านี้เจ็บปวดใจ
อย่างเช่น ‘น้ำค้างหยกลมทอง’ หนึ่งขวดจากแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ถึงจะมีเพียงเก้าหยด ทว่ามูลค่าของแต่ละหยดต่างเรียกได้ว่าประเมินค่าไม่ได้ ไม่ด้อยไปกว่า ‘ของเหลววิญญาณปฐมอสนี’ ที่บรรจุอยู่ในไผ่อสนีหมื่นเคราะห์ปล้องหนึ่งเลยสักนิด
หรืออย่าง ‘น้ำยาควบรวมจิต’ หนึ่งกาจากสำนักกระบี่เทียมฟ้า ก็เป็นสมบัติล้ำค่าชั้นหนึ่งในโลกนี้เช่นกัน พานพบได้แต่ไม่อาจครอบครอง
สรุปแล้วการไล่ต้อนแกะของหญิงลึกลับในครั้งนี้ เรียกได้ว่าหอบผลกำไรกลับไปเป็นกอบเป็นกำ
และพลังน่าสะพรึงที่แผ่ออกมาจากนางก็ทำเอาสำนักเหล่านี้สั่นสะท้านและกริ่งเกรง ต่อให้แค้นเพียงใดก็ได้แต่เก็บซ่อนไว้ภายในใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์