เทือกเขารกร้างนอกชานเมือง ปรากฏต้นไม้เทพแสงชาดแหวกผ่านเวิ้งฟ้าข้ามด่านเคราะห์ก็เพียงพอสะเทือนใต้หล้าแล้ว
แต่ตอนนี้ไม้เทพอสนีบาตที่แปรสภาพจากความพินาศกลายเป็นพลังชีวิตต้นกำเนิดท่อนหนึ่ง ถึงกับแปลงร่างเป็นเด็กสาวแรกแย้มในบัดดล ทำให้คนตกตะลึงอ้าปากค้างเสียยิ่งกว่า
แปลกประหลาดนัก!
อาหลู่ตกใจจนตะโกนลั่น “เฮ้ย! อสูรมารสาวที่ไหนกัน”
นัยน์ตาดำของหลินสวินพลันหดรัด เผยความระแวดระวัง รูปโฉมภายนอกของเด็กสาวนี่งามอรชรยิ้มเริงร่า เยาว์วัยและอ่อนหวานหาใดเปรียบ แต่กลิ่นอายบนร่างกลับไม่ธรรมดายิ่ง!
และเวลานี้เองเจ้าคางคกได้จัดเสื้อเรียบร้อย กระแอมเล็กน้อยยิ้มแย้มกล่าว “สาวน้อย แล้วเจ้ามาทำอะไรที่นี่เล่า ในเทือกเขารกร้างนอกชานเมือง ไม่กลัวถูกคนลักพาตัวรึ”
เขาสวมชุดคลุมเขียว ใบหน้างดงามราวปีศาจ ท่าทางหล่อเหลา เปลี่ยนเป็นหญิงสาวธรรมดาคงถูกดึงดูดจนลุ่มหลงไปแล้ว
กลับเห็นนัยน์ตาเด็กสาวผมเพลิงมีแสงแวววับวาดผ่าน เม้มปากกัดเบาๆ หัวเราะคิกคักกล่าว “พี่ชายหล่อเหลาปานนี้กลับคิดจะลักพาตัวข้า คงไม่คิดทำเรื่องน่าอายบางอย่างกับข้ากระมัง”
นางผิวขาวดุจหิมะ กลิ่นอายราวกล้วยไม้ ในรอยยิ้มอ่อนหวานเจือความยั่วยวนแปลกประหลาด
เจ้าคางคกเบิกตากว้าง “ตรงไปตรงมาเช่นนี้เชียว? สาวน้อยทำแบบนั้นได้จริงหรือ”
เด็กสาวผมเพลิงกล่าวตำหนิ “พี่ชาย ไม่ใช่ว่าท่านมีใจคิดสัปดนแต่ไม่กล้าลงมือหรอกนะ”
“ข้า…”
เจ้าคางคกลูกตากลอกกลิ้งหมุนวน
“เขาชอบผู้ชาย”
อาหลู่สอดปากกล่าวงึมงำ
“เอ่อ”
เด็กสาวผมเพลิงอึ้งงัน
เจ้าคางคกเกือบคลุ้มคลั่ง แทบอยากเตะเจ้าคนเถื่อนนี่ให้ตาย เขารีบร้อนอธิบาย “สาวน้อย เจ้าอย่าเข้าใจผิด ข้าน่ะสนใจในตัวเจ้ามาก ใจนี้ฟ้าดินพิสูจน์ได้ ตะวันจันทราเป็นพยาน!”
เด็กสาวผมเพลิงหลุดขำพรืด เปล่งประกายราวแสงแดดยามเช้า “เอาเถอะ นึกว่าข้าไม่รู้ความคิดท่านรึ คิดจับข้าแล้วทำเป็นวัตถุดิบเทพกินใช่ไหม”
เจ้าคางคกตะลึงงัน รู้ว่าเด็กสาวนี่ไม่ได้หลอกง่ายเช่นนั้น พลันยกหัวแม่มือกล่าว “สาวน้อยสายตาเฉียบแหลม เช่นนั้นเจ้าเห็นว่าอย่างไร”
“ลูกหลานเผ่าคางคกทองสามขาล้วนไร้ยางอายเช่นนี้หรือ” เด็กสาวผมเพลิงไม่โกรธเคือง มองเจ้าคางคกอย่างสนอกสนใจ แววตาบริสุทธิ์วาวระยับ
“ไร้ยางอายอะไรกัน สาวน้อยเจ้าอย่าพูดส่งเดช” เจ้าคางคกสีหน้าขรึมทันที ในใจกลับตื่นตะลึงอยู่บ้าง ยัยหนูคนนี้ร้ายกาจนัก ถึงกับสามารถมองความเป็นมาของเขาออก!
“เช่นนั้นข้าบอกท่านเลยว่า คิดจะทำร้ายข้า ผลที่ตามมาไม่ใช่สิ่งที่ใครต่างสามารถแบกรับ” เด็กสาวผมเพลิงยิ้มหวานกล่าว
ฟุ่บ!
ยังไม่ทันสิ้นเสียง อสรพิษปราดเปรียวดุจเปลวไฟพลันพุ่งขึ้นมาจากใต้เท้าเจ้าคางคก
เจ้าคางคกตกใจรีบกระโดดหลบ ฝ่ามือตบออกไปอย่างแรง
แต่เหนือความคาดหมายของเขา เปลวเพลิงนั่นเปลี่ยนเป็นมังกรเพลิงตัวหนึ่งทันที ร่างพลันทะยานพุ่งเข้าหา ตัวใหญ่มหึมาดุจสันเขาเคี้ยวคดแผ่แสงเพลิงท่วมฟ้าเบียดเสียดห้วงอากาศทั้งแถบ!
เจ้าคางคกตกใจสะดุ้งโหยงอีกครา รอโต้กลับเต็มกำลัง
เวลานี้เองมังกรเพลิงมหึมานั่นพลันเปลี่ยนเป็นเพลิงพิรุณพร่างพรมทั่วฟ้า
พร้อมกันนั้นเสียงหัวเราะราวกระดิ่งลมของเด็กสาวผมเพลิงก็ดังขึ้น “ล้อท่านเล่นเท่านั้น นี่คิดต่อยตีกับข้าจริงหรือ”
“สาวน้อย เจ้านี่ซุกซนจริง!”
เจ้าคางคกสีหน้าประเดี๋ยวดีประเดี๋ยวร้าย แค้นจนกัดฟันกรอด ถึงกับถูกยัยหนูน้อยนี่ทำตกอกตกใจ นี่ทำให้เขาเสียหน้าอยู่บ้าง แววตาที่มองเด็กสาวผมเพลิงเปลี่ยนเป็นไม่น่าดู
เด็กสาวผมเพลิงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างมีชีวิตชีวา เม้มปากอมยิ้ม ทว่าสายตากลับมองไปยังหลินสวินพลันกล่าว “ข้าชื่อชื่อเหยา วันนี้โชคดีอาศัยการเปลี่ยนแปลงแห่งฟ้าดินทำลายพันธนาการที่ผูกมัดมาหลายปี สุดท้ายจึงได้ตื่นขึ้นมา ไม่เคยคิดทำให้พี่ชายทั้งสามตื่นตระหนก ต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
ประโยคเดียวทำให้หลินสวินใจกระตุกวูบ
ที่แท้ต้นไม้เทพแสงชาดเมื่อครู่ไม่ได้ข้ามด่านเคราะห์ แต่อาศัยพลังแห่งด่านเคราะห์อสนีมาฉีกกระชากพันธนาการ ทำให้ชื่อเหยาผู้นี้ตื่นขึ้นมาจากความเงียบงัน!
ก่อนหน้านี้พวกเขาล้วนเข้าใจผิดโดยไม่ต้องสงสัย เด็กสาวเยาว์วัยงามผุดผ่องนี่ ความจริงคือสัตว์ประหลาดยุคโบราณที่หลับใหลมานานไม่รู้กี่กาลเวลาคนหนึ่ง!
“กินยารึ ชื่อดี!” (*กินยา ภาษาจีนออกเสียงว่า ชือเย่า)
เจ้าคางคกหัวเราะ เห็นชัดว่าเขายังคาใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่
ชื่อเหยากลอกตาใส่ชัดๆ กล่าวว่า “ท่านสิต้องกินยา”
“แม่นางไม่จำเป็นต้องขอโทษ เมื่อครู่เป็นพวกเราที่ล่วงเกินไปบ้าง ในเมื่อปรับความเข้าใจกันแล้วพวกเราก็ขอลา”
หลินสวินประสานมือ เตรียมพาเจ้าคางคกและอาหลู่จากไป
“พี่ชายทั้งสามพาข้าไปด้วยได้หรือไม่”
ใครจะคิดว่าชื่อเหยาจะตามมา อีกทั้งยามนางเคลื่อนไหวยังมีเสียงโซ่ตรวนตีกระทบ
พวกหลินสวินถึงได้เห็นว่าที่ข้อเท้าขาวดุจหิมะของนางถูกโซ่ดำประหลาดเส้นหนึ่งพันธนาการไว้ ล้อมด้วยไอมรณะที่พาให้คนใจสั่น
เมื่อนางยืนนิ่งไม่ขยับโซ่ก็ราวไร้รูป ไม่อาจสังเกตเห็น แต่ทันทีที่เคลื่อนไหวก็จะเผยออกมาในทันใด
เมื่อเห็นสายตาพวกหลินสวิน ชื่อเหยากล่าวง่ายๆ “แค่พันธนาการโดยกำเนิดท่อนหนึ่งเท่านั้น เมื่อข้ากลายเป็นราชันก็จะสามารถดึงมันออกไปได้”
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ในความเห็นข้าเจ้าดูไม่เหมือนร่างวิญญาณที่แปลงมาจากต้นไม้เทพแสงชาดสักนิด” เจ้าคางคกมุ่นคิ้ว แววตาทองอร่ามกำลังประเมินชื่อเหยา
ชื่อเหยาตรงไปตรงมายิ่ง กล่าวเจื้อยแจ้ว “เดิมข้าก็ไม่ใช่ร่างวิญญาณอะไร แค่เพียงถูกบรรพชนผนึกไว้ในต้นไม้เทพแสงชาดนี้เท่านั้น อาศัยพลังแห่งการร่วงโรยรุ่งโรจน์ของมันต้านการกัดกร่อนแห่งกาลเวลา พร้อมกับหยั่งรู้มรรคแห่งร่วงโรยรุ่งโรจน์”
“โซ่นี้คือสิ่งที่บรรพชนเจ้าทิ้งไว้รึ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์