ปีกอินทรีฟ้ากิเลนเขียวยาวสิบกว่าจั้ง ทั่วร่างปกคลุมด้วยเกราะเกล็ดเขียวเลื่อมพราย แข็งแกร่งดุดันและป่าเถื่อน ยามร่อนลงฝุ่นฟุ้งตลบเศษหินกระจาย
คนไม่น้อยโดยรอบต่างถอยไม่หยุด สัมผัสได้ถึงพลังอันน่ากลัวจนหน้าเปลี่ยนสีอย่างอดไม่อยู่
หญิงสาวสีหน้าเย็นชาครัดเคร่งคนนี้ยังไม่ลงมือ พาหนะนางก็ทำให้คนใจสั่นแล้ว ข่มพลานุภาพของผู้ฝึกปราณบางส่วน
พวกหลินสวินก็อยู่ในบริเวณนั้น แต่ไม่ได้ถอยหลบ
“นางเป็นใครกัน”
“เป็นไปไม่ได้กระมัง พวกเจ้าไม่รู้จักแม้แต่เทพธิดาหลิงหวาแห่งสำนักยุทธ์นครนิลรึ”
“เทพธิดาหลิงหวา? คงไม่ใช่ผู้กล้าหญิงขอบเขตมกุฎที่ช่วงนี้เพิ่งออกมาจากการเก็บตัวนั่นกระมัง”
“เป็นนางนี่แหละ!”
ผู้คนละแวกใกล้เคียงวิพากษ์วิจารณ์ สายตาที่มองไปยังหญิงสาวบนอินทรีฟ้ากิเลนเขียวล้วนเจือความยำเกรงวูบหนึ่ง
สัตว์ประหลาดยุคโบราณแต่ละคนต่างมีรากฐานพลังพอจะทำให้ผู้ฝึกปราณคนใดก็ตามหวาดกลัว
ก็เหมือนเทพธิดาหลิงหวาเบื้องหน้า แม้สันโดษ แต่ในที่นั้นกลับไม่มีคนกล้าดูหมิ่น!
“ช่างวิ่งมาหาที่ตายยิ่งนัก”
หลิงหวาเหลือบมองพวกหลินสวินวูบหนึ่งพลางกล่าว “ข้าเองไม่อยากหาเรื่องพวกเจ้า แต่ตอนนี้พวกเจ้าหายไปจากสายตาข้าจะดีที่สุด”
น้ำเสียงสบายอารมณ์ แต่กลับเผยมาดออกคำสั่งสูงส่งเหนือคนอื่น
“เจ้าจะยึดครองอาณาเขตนี้คนเดียวรึ” เจ้าคางคกเลิกคิ้ว เพลิงโทสะในใจเดือดพล่าน ผู้หญิงคนนี้กำเริบเสิบสานเสียจริง
“ไม่ใช่ยึดครอง แค่ไม่อยากเกลือกกลั้วกับพวกเจ้า เข้าใจไหม”
วาจาเทพธิดาหลิงหวาราบเรียบ แฝงความเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด
อันที่จริงเวลานี้สถานที่ในรัศมีหลายสิบจั้ง นอกจากพวกหลินสวินแล้วก็ไม่มีคนกล้าเข้าใกล้ ถูกพลานุภาพของเทพธิดาหลิงหวาเขย่าขวัญ
และตอนนี้นางยังเอ่ยปากขับไล่พวกหลินสวินโดยตรง ท่าทีโอหังอวดดีเช่นนี้ทำให้คนไม่น้อยตื่นตระหนกไม่หยุด
ไม่อาจไม่พูดถึงว่าหญิงสาวผู้นี้ทรงพลังนัก พลานุภาพที่แผ่ออกมาจากร่างทำให้ผู้ฝึกปราณทั่วทิศต่างแบกรับไม่อยู่ ทยอยถอยอย่างต่อเนื่อง
อินทรีฟ้ากิเลนเขียวที่นางนั่งอยู่ก็องอาจไม่โอนอ่อน กวาดมองเหล่าผู้กล้าอย่างหยิ่งทะนง บนปีกรัศมีสายฟ้าอัศจรรย์ไหลบ่าแหวกผ่านอากาศ กร้าวแกร่งหาใดเปรียบ
ผู้ฝึกปราณบริเวณนี้ต่างถอยหลีกห่างไกล มีเพียงพวกหลินสวินที่ยังอยู่ราวกับไม่ได้ยินคำพูดนาง หรือกล่าวได้ว่ามองข้ามไปทั้งอย่างนั้น
ชั่วขณะเดียวนัยน์ตาหลิงหวาเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นหาใดเปรียบ อินทรีฟ้ากิเลนเขียวใจ้ร่างพลันทะยาน ทั่วร่างเปล่งแสงสายฟ้าบาดตา เหยียดกรงเล็บคมกริบเยียบเย็นดุดันตะปบไปทางหลินสวินเต็มแรง
หมายฉีกกระชากเขาราวอินทรีตะปบกระต่าย!
เจ้าคางคกและอาหลู่เดิมก็โกรธจนแทบควบคุมไม่อยู่ หากไม่ใช่หลินสวินห้ามไว้คงลงมือไปนานแล้ว แต่ตอนนี้อีกฝ่ายยังไม่ยอมเลิกรา ทำให้ทั้งคู่อดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป
ทว่าหลินสวินที่เดิมแน่นิ่งไม่ขยับกลับชิงลงมือก่อน พลันเอื้อมมือคว้าทันที
เร็วเกินไปแล้ว ชั่วพริบตาก็จับกรงเล็บคมกริบของอินทรีฟ้ากิเลนเขียวนั่นอยู่หมัด ทำจนฝ่ายหลังดิ้นรนเท่าไรก็ไม่อาจสลัดหลุด!
หืม?
นัยน์ตาหลิงหวาพลันหดเกร็ง
พร้อมกันนี้แขนหลินสวินพลันส่งแรงเหวี่ยง ทุ่มอินทรีฟ้ากิเลนเขียวลงกับพื้นทันใด
ในกระบวนการนี้เงาร่างหลิงหวาพลันซวนเซเกือบถูกเหวี่ยงกระเด็น ร่างกายพริบไหวขยับตัวไปกลางอากาศตามจิตใต้สำนึก
ปึง!
พื้นดินสั่นสะเทือนเกิดหลุมยุบมหึมาหลุมหนึ่ง อินทรีฟ้ากิเลนเขียวนั่นถูกกระแทกจนคอเกือบหัก ส่งเสียงครวญกระชั้นถี่และโหยหวน ปีกทั้งสองขาดสะบั้น
จากนั้นร่างกายมันก็อ่อนยวบ ถึงกับถูกการโจมตีเดียวซัดสลบ!
โลหิตแดงสดไหลหลั่งชวนตระหนก หลินสวินยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้นไม่ไหวติง โยนปักษาเทพที่สลบเหมือดตัวนี้ออกไปราวทิ้งขยะ
ฝุ่นควันบนพื้นแผ่คลุ้งพร้อมเสียงดังตึง
ในบริเวณใกล้เคียงมีเสียงฮือฮา ในใจทุกคนตระหนกหวาดผวา ใครก็คาดไม่ถึงว่าเจ้าหนุ่มที่ไม่พูดจาสักคำตั้งแต่ต้นจนจบคนนี้ ทันทีที่ลงมือจะป่าเถื่อนเช่นนี้
ถึงแม้หลิงหวาจะหลบการโจมตีนี้ได้ แต่สีหน้ากลับเยียบเย็นจนน่ากลัวในชั่วขณะเดียว ทั่วร่างแผ่ไอสังหารมืดฟ้ามัวดินเตรียมกระโจนสังหาร
“เป็นเขา เทพมารหลิน!” มีคนร้องเสียงหลง
และเสียงนี้เองที่ทำให้หลิงหวาผงะในใจวูบหนึ่ง หยุดกระทำการในมือลง ยามมองหลินสวินอีกครั้งสายตาก็เปลี่ยนไป
เทพมารหลิน!
เพียงสามคำราวกับมีเวทมนตร์ ดึงดูดสายตาผู้คนใกล้เคียงมาจนหมด ชั่วขณะเดียวบรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นเงียบสงัดไม่น้อย
ใต้หล้าทุกวันนี้ใครกล้าพูดว่าไม่เคยได้ยินเรื่องราวของเทพมารหลินคงถูกคนหัวเราะเยาะแน่
และด้วยรู้ผลงานการต่อสู้ที่ผ่านมาของหลินสวิน ยามได้ยินว่าเจ้าหนุ่มนั่นก็คือเทพมารหลินที่ชื่อเสียงสะเทือนดินแดนรกร้างโบราณในปัจจุบัน ผู้ฝึกปราณ ณ ที่นั้นจึงไหวหวั่นอย่างเลี่ยงไม่ได้
“มิน่าถึงได้ไม่เกรงกลัวสิ่งใดเช่นนี้ ที่แท้ก็เป็นเขา”
มีคนพูดเสียงเบา
ก่อนหน้านี้ไม่นานเรื่องที่เทพมารหลินเอาชนะสัตว์ประหลาดยุคโบราณจินเซี่ยวหมิงได้สั่นสะเทือนใต้หล้า เปิดฉากความปั่นป่วนโกลาหลอยู่ก่อนแล้ว!
“ทุกวันนี้คงมีเพียงเทพมารหลินที่ไม่หวาดกลัวการประลองกับสัตว์ประหลาดยุคโบราณ”
มีคนทอดถอนใจ
เมื่อแน่ใจฐานะของหลินสวิน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าก็เห็นได้ว่าปกติ เทพธิดาหลิงหวานั่นบางทีอาจน่ากลัว แต่คู่ต่อสู้นางเป็นถึงเทพมารหลิน!
แค่สัตว์หน้าขนตัวหนึ่งข้างกายนางยังกล้าล่วงเกินเทพมารหลิน นี่ไม่ใช่ว่ารนหาที่ตายรึ
ในจุดที่ห่างออกไป ชายผมเทาที่แบกธนูยาวกระดูกสัตว์หน้าเปลี่ยนสีผิดธรรมชาติ เขานึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ที่เคยดูถูกพวกหลินสวิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์