อ่านสรุป ตอนที่ 1153 ไอสังหารเมืองโบราณ จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 1153 ไอสังหารเมืองโบราณ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
หลินสวินยืนเงียบๆ
ในหัวประสบการณ์ตลอดหนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมาราวกับกระแสน้ำที่ไหลออกมา ฉายชัดอย่างละเอียด
จากนั้นล้วนแปรเป็นสัมผัสรับรู้อย่างหนึ่ง ตกตะกอนอยู่ในใจ
เขาตามหามรรคาของตนเจอแล้ว!
ไฉไฉ่อึ้งงันอยู่ตรงนั้น ก่อนหน้านี้หลินสวินดินโคลนเต็มตัว หนวดเครารกรุงรัง มองรูปลักษณ์ที่แท้จริงไม่ชัด ดูเลอะเลือนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
แต่เขาในตอนนี้ราวกับถอดรยางค์เปลี่ยนกระดูก ทั้งตัวไม่แปดเปื้อนฝุ่นดิน บริสุทธิ์กระจ่างราวกับเซียนจุติลงมาองค์หนึ่ง โดดเด่นเหนือโลกีย์
นี่ทำให้ไฉไฉ่แทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง
“เจ้าถือมีดทำไม”
หลินสวินยิ้มถาม
เขาได้สติอย่างแท้จริงแล้ว ฟื้นตื่นจากสภาวะ ‘ว่างเปล่าไร้ตัวตน’
ไฉไฉ่ร้องอาทีหนึ่ง ดวงหน้างามแดงระเรื่อ พูดอย่างอึดอัด “ข้า… เมื่อครู่นี้ข้าคิดว่าจะช่วยท่านตัดหนวดเครากับผมสักหน่อย เอ่อ ท่านอย่าได้เข้าใจผิดนะ”
นางรีบเก็บดาบเล็กในมือ
จากนั้นไฉไฉ่พลันฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้ ยื่นดอกไม้ประหลาดดอกนั้นออกมาพร้อมพูดว่า “คุณชาย นี่ของท่าน”
นั่นเป็นโอสถวิญญาณที่ไม่ธรรมดามากต้นหนึ่ง เหนือกว่าคุณลักษณะทั่วไปมาก แต่ไฉไฉ่กลับเหมือนไม่สนใจเลยสักนิด เพียงคิดอย่างไร้เดียงสาว่านี่ไม่ใช่ของตนจึงต้องคืน
หลินสวินอึ้งไปก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นเอ่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม “โอสถราชันต้นนี้ขายให้เจ้าแล้ว”
ไฉไฉ่พูดพร้อมยิ้มขื่น “แต่ข้าไม่มีเงินซื้อ”
“แค่น้ำค้างวิญญาณแสงเพลิงอัคคีก็พอแล้ว คราวก่อนเจ้าเป็นคนพูดว่า ต่อไปหากเก็บน้ำค้างวิญญาณแสงเพลิงได้ จะแลกเปลี่ยนกับข้าอีก”
หลินสวินสายตาอ่อนโยน นึกถึงยายหนูซย่าเสี่ยวฉง แต่เมื่อเปรียบกับไฉไฉ่แล้ว ซย่าเสี่ยวฉงก็คือหนอนเลอะเลือนที่ไม่มีหัวจิตหัวใจตัวหนึ่ง
“ท่านคือคุณชายคนนั้น!” ไฉไฉ่พูดอย่างประหลาดใจ
หลินสวินพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
สุดท้ายภายใต้การยืนหยัดของหลินสวิน ไฉไฉ่จึงเก็บโอสถราชันต้นนั้น ส่วนหลินสวินได้น้ำค้างวิญญาณแสงเพลิงอัคคีกระปุกใหญ่มา
สำหรับผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ สมบัตินี้ไม่ถือว่าล้ำค่าอะไร แต่สำหรับหลินสวิน ความตั้งใจที่อยู่ในนั้นยิ่งใหญ่กว่าทุกสิ่ง
“ไปกันเถอะ ข้าพาเจ้ากลับเมือง”
หลินสวินพูด
ไฉไฉ่ตอบรับอย่างตรงไปตรงมา
ทั้งสองเคลื่อนไหวทันที ระหว่างทางหลินสวินอดถามไม่ได้ “แดนมกุฎอันตรายมาก เหตุใดเจ้าไปมาเพียงลำพัง”
ไฉไฉ่ตอบเหมือนเป็นเรื่องปกติ “เพื่อฝึกปราณก็ต้องแบบนี้แหละ”
เสียงใสกังวานกลับทำให้หลินสวินอดทอดถอนใจในใจไม่ได้
ใช่ เพื่อฝึกปราณ!
ใครกำหนดว่าคนอ่อนแอไม่สามารถมาขุดหาวาสนาได้
และใครกำหนดว่าผู้ฝึกปราณที่สดใสไร้เดียงสาอย่างไฉไฉ่ จะไม่สามารถผงาดในแดนมกุฎได้
“คุณชายท่านดู แม้ก่อนหน้านี้ข้าจะเจออันตราย แต่กลับมีท่านช่วยเหลือ และท่านยังให้โอสถราชันต้นหนึ่งกับข้า นี่ก็คือวาสนาของข้า ถ้าอยู่ในโลกภายนอกจะมีวาสนาระดับนี้ได้อย่างไร”
ไฉไฉ่พูดอย่างจริงจัง
หลินสวินพยักหน้า ตระหนักได้ว่าแม้เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าจะใสซื่อไร้เดียงสา แต่ความคิดความอ่านกลับเด็ดเดี่ยวและเฉลียวฉลาดมาก
จู่ๆ ในระยะไกลก็มีเสียงทะลวงอากาศเร่งร้อนดังขึ้น แสงเคลื่อนไหวมากมายโฉบมาราวกับรุ้งศักดิ์สิทธิ์ มีถึงสิบกว่าคน
ผู้นำคือชายชุดทองที่ศีรษะสวมเกี้ยวประดับสูง อาจหาญอย่างมาก แผ่อานุภาพสะท้านขวัญไปทั่วทั้งตัว
“ศิษย์พี่เหยียน นางเด็กนั่นแหละ!” ข้างๆ ชายชุดทองมีคนตะโกนอย่างตื่นเต้น
ฮือฮาอยู่ครู่หนึ่งคนพวกนี้พลันพุ่งเข้ามา ปิดล้อมห้วงอากาศบริเวณรอบๆ
คนที่ตะโกนด้วยความตื่นเต้น ก็คือชายหนุ่มชุดดำที่เคยอ้างตัวว่าเป็นผู้สืบทอดสำนักกระบี่รู้ตนตรงหน้าผา
สีหน้าของเขาตื่นเต้นเอ่ยว่า “ข้าเห็นกับตาว่าเจ้าบ้าคนนั้นให้ดอกราชันทองแดงเพลิงกันางเด็กนี่!”
ศิษย์พี่เหยียนขานรับว่าอ้อ เหลือบมองไฉไฉ่แวบหนึ่ง จากนั้นสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่หลินสวินพร้อมพูดอย่างเรียบเฉย “คนผู้นี้เป็นใครอีกเล่า”
ชายหนุ่มชุดคลุมดำชะงักไป ก่อนจะส่ายหน้า “ไม่รู้จัก”
ช่วยไม่ได้ หลินสวินก่อนหน้านี้กับหลินสวินตอนนี้ต่างกันเกินไป เรียกได้ว่าเป็นคนละคน นี่ทำให้ชายหนุ่มชุดคลุมดำยังไม่สามารถแยกแยะได้ไปชั่วขณะ
ทว่าแม้เขาไม่รู้จัก แต่ก็มีคนรู้จัก!
ตอนนี้พอเห็นใบหน้าของหลินสวินชัดแล้ว ผู้ฝึกปราณคนหนึ่งพลันตะโกนออกมา “เขา เขา… เขาคือเทพมารหลิน!”
ประโยคเดียวราวกับสายฟ้าระเบิดดังก้องไปทั่วฟ้าดิน ทำให้สีหน้าของทุกคนรวมถึงศิษย์พี่เหยียนและชายหนุ่มชุดคลุมดำต่างเปลี่ยนไป ใบหน้าเผยความตกใจ
เทพมารหลินหรือ
เขาหายไปในแดนเผาเซียนมาเกือบครึ่งปีแล้วมิใช่หรือ เหตุใดจึงปรากฏตัวอีกแล้ว
“เป็นเขาจริงๆ!”
ไม่นานก็ทยอยมีคนให้การยืนยัน แต่ละคนสีหน้าเคร่งเครียด สายตาที่มองไปทางหลินสวินแฝงความระแวงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
แม้บอกว่าหลินสวินเงียบหายไปช่วงหนึ่ง แต่ผลงานการต่อสู้อันนองเลือดของเขาในหุบเขาผลาญสวรรค์นั้น จนตอนนี้ยังเล่าลืออยู่ในแดนเผาเซียน!
เพียงแต่เทพมารหลินนี่กับเด็กสาวคนนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกัน
อย่าว่าแต่พวกเขา แม้แต่ไฉไฉ่ยังอึ้งจนตาค้าง คิดจนหัวแตกนางก็คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มที่มีรอยยิ้มอบอุ่นข้างๆ ตน กลับเป็นเทพมารหลินที่ชื่อเสียงสะเทือนไปทั่วใต้หล้า!
ศิษย์พี่เหยียนพูดอย่างมีเหตุมีผล “แน่นอน พวกเจ้าอย่าได้คิดว่าข้ากำลังสาปแช่งเทพมารหลิน ข้าแค่วิเคราะห์ความจริงเรื่องหนึ่งเท่านั้น”
คำพูดรอบคอบไร้ช่องโหว่ แม้หลินสวินได้ยินก็ไม่สามารถกล่าวโทษได้
พูดถึงตรงนี้เขาใคร่ครวญอย่างละเอียดแล้วพูดว่า “แน่นอน หากเทพมารหลินสามารถเข้าเมืองได้อย่างปลอดภัยก็เพียงพอจะหลีกเลี่ยงเคราะห์สังหารครั้งนี้ได้ เพราะผู้แข็งแกร่งระดับราชันถูกการจำกัดของเมืองโบราณเผาเซียน ไม่สามารถเข้าเมืองได้ นี่อาจจะเป็นโอกาสรอดเพียงหนึ่งเดียวของเทพมารหลิน”
ชายหนุ่มชุดคลุมดำพูด “ข้ารู้สึกว่าเขาไม่มีโอกาสแล้ว ช่วงนี้ประตูเมืองถูกควบคุมอย่างหนาแน่น มีผู้แข็งแกร่งระดับราชันบัญชาการอยู่ หากเทพมารหลินปรากฏตัว ก็จะถูกสังหารตั้งแต่นอกเมือง”
“ศิษย์พี่เหยียน พวกเราเองก็รีบกลับเมืองไปดูหน่อยเถอะ นี่ต้องเป็นศึกใหญ่แน่ หากไม่เห็นกับตาจะต้องเสียใจไปทั้งชีวิต”
มีคนทนรอไม่ไหวแล้ว
“ไป!”
ศิษย์พี่เหยียนเองก็หวั่นไหวอย่างมาก โบกมือใหญ่ ตัดสินใจหวนกลับเมืองเผาเซียนทันที
……
ในระยะไกลสามารถมองเห็นเค้าโครงอันเกรียงไกรไร้ที่เปรียบของเมืองโบราณเผาเซียนแล้ว
เพียงแต่ตอนที่หลินสวินเตรียมจะเดินหน้าต่อ พลันสังเกตว่าบริเวณประตูเมืองกลับมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งของผู้แข็งแกร่งระดับราชันวนเวียนอยู่
และไม่ใช่แค่หนึ่งคน!
“ไฉไฉ่ ช่วงนี้เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นหรือเปล่า” หลินสวินหยุดฝีเท้า ถามอย่างสบายๆ
ไฉไฉ่ชะงักไปแล้วเอ่ยว่า “มีเรื่องฮือฮาเกิดขึ้นทุกวัน ไม่รู้ว่าคุณชายหมายถึงด้านไหน”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมหน้าประตูเมืองถึงมีผู้แข็งแกร่งระดับราชันมาดูแลหลายคน” หลินสวินถาม
ไฉไฉ่เผยสีหน้ารังเกียจทันที พูดอย่างขุ่นเคือง “คุณชาย ท่านคงไม่รู้ ผู้แข็งแกร่งระดับราชันเหล่านั้นล้วนเป็นผู้สืบทอดที่มาจากสำนักใหญ่ต่างๆ มาควบคุมประตูเมืองตั้งแต่หนึ่งเดือนกว่าก่อนหน้า”
“มีเพียงผู้สืบทอดขุมอำนาจใหญ่ที่เข้าออกได้ตามใจ ผู้ฝึกปราณที่อยู่ในขุมอำนาจเล็กๆ หรือไม่มีสำนัก อยากเข้าเมืองก็ต้องเสียเงินก้อนใหญ่ เกินไปแล้วจริงๆ!”
“อย่างน้ำค้างวิญญาณแสงเพลิงที่ข้าเก็บมา ทุกครั้งที่เข้าเมืองก็จะถูกพวกเขาชิงไปครึ่งหนึ่ง ผู้ฝึกปราณบางคนแย่กว่าอีก สมบัติที่ได้รับมา ถือยังไม่ทันอุ่นก็ถูกพวกเขาซื้อไปแล้ว”
“ซื้อไปหรือ” หลินสวินอึ้ง
ไฉไฉ่พูดอย่างดูถูก “แน่นอนว่าพวกเขาไม่ปล้นอย่างเปิดเผย เพราะจะสร้างความเสื่อมเสียแก่ชื่อเสียงของสำนักพวกเขา แต่จะบังคับให้ผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ ขายสมบัติให้พวกเขาในราคาที่ต่ำที่สุด”
หลินสวินเพิ่งจะเข้าใจ อดหัวเราะเยาะไม่ได้ “เผด็จการและไร้ยางอายจริงๆ”
ว่าแล้วร่างกายของเขาพลันส่ายทีหนึ่ง แปรเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มที่รูปลักษณ์ธรรมดา จากนั้นพูดกับไฉไฉ่ว่า “ไฉไฉ่ลำบากเจ้าไปก่อนนะ”
เขาสะบัดแขนเสื้อแล้วเก็บไฉไฉ่เข้าไปในเจดีย์สมบัติไร้อักษร
เก็บสมบัติอริยะไว้กับตัว เพียงแค่ไม่แสดงอานุภาพย่อมไม่มีทางละเมิดกฎระเบียบของแดนมกุฎ ไม่ทำให้เจดีย์สมบัติไร้อักษรถูกทำลาย
ทำทุกอย่างนี้เสร็จ หลินสวินจึงมุ่งหน้าไปยังเมืองโบราณเผาเซียนที่อยู่ห่างไป
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์