Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1163

สรุปบท ตอนที่ 1163 ขอบเขตมกุฎระดับราชันคนแรก: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 1163 ขอบเขตมกุฎระดับราชันคนแรก จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 1163 ขอบเขตมกุฎระดับราชันคนแรก คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

โลกภายนอกกำลังเกิดความโกลาหล ทว่าชีวิตของหลินสวินกลับคืนสู่ความสงบ

ทุกวันนอกจากนั่งสมาธิฝึกตน ก็ศึกษาวิชาของตน อนุมานมรรคาอย่างละเอียด บางคราวก็ซื้อขายกับผู้ฝึกปราณที่ตั้งใจมาหาถึงที่

วันเวลาเคลื่อนคล้อย เมืองโบราณเผาเซียนค่อยๆ กลับมามีบรรยากาศคึกคักมีชีวิตชีวา เป็นระเบียบเรียบร้อยดังวันวาน

เพียงแต่ไม่ว่าผู้ใด ขอเพียงผ่านมายังที่พำนักของหลินสวินล้วนแต่สำรวมกาย สีหน้าท่าทางเจือความเคารพนบนอบไม่มากก็น้อย

แม้หลินสวินยังไม่ได้ก้าวสู่ขอบเขตมกุฎระดับราชัน ทว่าอย่างน้อยภายในเมืองโบราณเผาเซียนตอนนี้ ก็แทบไม่มีใครกล้าหาเรื่องเขาอีกแล้ว!

นั่นก็คืออานุภาพแห่งการสังหาร!

วู้ม

วันนี้หลินสวินลืมตาตื่นจากสมาธิ ชี้นิ้วแตะอากาศแผ่วเบา หุบเหวใหญ่แห่งหนึ่งปรากฏขึ้นเสียงดังโครมครามอย่างน่าอัศจรรย์

หุบเหวใหญ่คลุมเครือ รอบด้านมีร่องรอยแห่งดาราดับสิ้น ลึกจนไม่อาจคาดเดา

ให้หลัง พลังมหามรรคสองแบบคือน้ำและไฟปรากฏ ราวกับมัจฉาหยินหยางยอดเอกอุ ต่างไล่ตามซึ่งกันและกัน ภายในการหมุนวนของหุบเหวลึกก่อร่างเป็นความสมดุลอย่างยอดเยี่ยมอย่างหนึ่ง

เสียงมังกรครวญดังก้องมาจากก้นบึ้งหุบเหวลึก เสมือนกับมีเจินหลงจำศีลอยู่ในนั้น

หุบเหวลึกกำลังส่งเสียงกังวาน น้ำไฟไล่ตาม มังกรครวญดังสะเทือน ไม่มีหยุดหย่อน ไร้สิ้นสุด ในห้วงอากาศบังเกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่ทำให้ผู้คนต้องไหวหวั่น

นี่ก็คือมรรคาที่หลินสวินแสวงหาออกมาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรง หลังผ่านการอนุมานอยู่หลายหน

ใช้พลังมรรคดับดารากลืนกินเป็นรากฐาน

ใช้พลังมหามรรคน้ำและไฟเป็นตัวนำ

ใช้พลังมหามรรคเจินหลงเป็นวิญญาณ

ใช้พลังมหามรรคไร้มรณะเป็นเจตจำนง!

พลังมหามรรคทั้งสี่หล่อหลอมรวมเป็นหนึ่ง ทว่าสิ่งที่หลินสวินเสาะหาและรอคอยบนมรรคาของตน ย่อมไม่ง่ายดายเพียงเท่านี้

กระนั้นมรรคาที่อยู่ตรงหน้านี้ยังเป็นเพียงต้นแบบ ทว่ากลับปรากฏอานุภาพที่ ‘สามารถรองรับหมื่นมรรคา กลืนกินสรรพสิ่งในโลกหล้า’ อย่างหนึ่ง

“มรรคนี้ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต ไร้จำกัด… ฉะนั้นจึงสามารถรองรับสิ่งที่ไม่อาจรองรับ กลืนกินสิ่งที่ไม่อาจกลืนกิน!”

หลินสวินพึมพำ ในใจยิ่งเกิดความมุ่งมั่นต่อมรรคาที่ตนแสวงหา

มาบัดนี้ เขาขาดแค่เพียงโอกาสเท่านั้น!

โอกาสในการบรรลุขอบเขตมกุฎระดับราชัน สิ่งอื่นนั้นต่างไม่ได้ขาดเหลือแต่อย่างใด!

“ไม่รู้ว่าเจ้าคางคกจะออกมาจากแดนศุภโชคที่เซียนผลาญทิ้งไว้เวลาไหนกันแน่…”

“ไหนจะยังอาหลู่ เจ้านี่ก็จากไปนานหลายเดือนแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้หาเงื่อนงำเกี่ยวกับแดนโบราณหมื่นคชาเจอหรือยัง”

จู่ๆ หลินสวินพลันนึกถึงเจ้าคางคกและอาหลู่ขึ้นมา

ทันใดนั้นเขาก็ส่ายหน้า ทั้งสองต่างมีมรรคาของตนที่ต้องการเสาะหา กังวลไปก็ไรประโยชน์ แม้แต่เขาก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้

การเสาะหามหามรรค ล้วนแต่ต้องพึ่งตนเองเท่านั้น!

หลินสวินเลิกคิดฟุ้งซ่าน ลุกขึ้นและออกจากตำหนักไป

เขาตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังหอมกุฎ

บนท้องถนนคึกคักรุ่งเรืองกว่าเมื่อก่อนมาก

“ข่าวใหญ่ สัตว์ประหลาดยุคโบราณนามว่าชื่อหลิงเซียวออกด่าน ชักนำเคราะห์มกุฎราชัน ภายหลังข้ามด่านเคราะห์กลายเป็นราชัน!”

“ผู้กล้าที่ก้าวสู่ขอบเขตมกุฎระดับราชันได้เป็นคนแรกนับตั้งแต่อดีตจวบจนบัดนี้!”

เมื่อข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ทำให้ทั้งเมืองเกิดความตกตะลึง

ขณะที่หลินสวินเดินออกมาก็ได้ยินข่าวในทันใด

ชื่อหลิงเซียว!

เขาเคยได้ยินชื่อคนผู้นี้มาก่อน ความแข็งแกร่งน่ากลัวอย่างที่สุด จำศีลเก็บตัวเงียบในกาลเวลาไร้สิ้นสุด ยามปรากฏตัวสู่โลกปัจจุบัน ได้สำแดงพลังต่อสู้สะท้านสะเทือนโลก

โดยเฉพาะ ‘คัมภีร์หกนรกดับโลกา’ ที่คนผู้นี้ครอบครอง ได้รับฉายาว่าเป็นยอดวิชานับแต่อดีตถึงปัจจุบัน น่าหวาดกลัวสุดจะคาดเดา

‘เขาถึงกับเป็นคนแรกที่ก้าวสู้ขอบเขตมกุฎระดับราชัน…’

ภายในใจของหลินสวินก็ไหวหวั่นอยู่บ้าง

สมัยบรรพกาล แดนมกุฎปรากฏขึ้นหลายครั้ง ทว่ากลับไม่มีผู้ใดเหยียบย่างในระดับขอบเขตนี้ได้แม้สักคน ฉะนั้นระดับมกุฎราชันจึงถูกมองว่าเป็นตำนานที่เลือนรางไม่อาจจับต้องได้

มาบัดนี้การผงาดขึ้นของชื่อหลิงเซียว ทำให้ตำนานนั้นกลายเป็นจริงแล้วโดยไม่ต้องสงสัย!

ขนานนามเขาว่าเป็นราชันแห่งมกุฎนับแต่โบราณจวบจนบัดนี้ ก็ไม่ใช่เกินจริงแต่อย่างใด

“สถานที่ที่ชื่อหลิงเซียวอยู่คือ ‘แดนคีรีขาว’ ตอนนี้กลายเป็นจุดรวมสายตาของสามพันแดน ส่วนชื่อหลิงเซียวผู้นี้ก็ทำให้สัตว์ประหลาดยุคโบราณคนอื่นๆ ต่างหวาดหวั่นขึ้นมา”

“มีเรื่องน่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าอีก วันแรกที่ชื่อหลิงเซียวกลายเป็นราชัน ก็ทำการสังหารผู้แข็งแกร่งระดับราชันไปสิบกว่าคนอย่างง่ายดายประหนึ่งเด็ดดอกหญ้าก็ไม่ปาน!”

“สวรรค์ ระดับมกุฎราชันน่าหวาดกลัวขนาดนี้เชียวหรือ”

เสียงวิจารณ์เกิดขึ้นทั่วทุกหัวระแหง เรื่องเกี่ยวกับ ‘ชื่อหลิงเซียว’ และ ‘ระดับมกุฎราชัน’ ดูเหมือนกลายเป็นประเด็นร้อนที่สุดภายในเมืองโบราณเผาเซียน

ด้วยเพราะนี่คือการมีอยู่ของขอบเขตมกุฎระดับราชันคนแรกเท่าที่รู้!

เมื่อพิจารณาให้ถี่ถ้วน เรื่องที่เกิดขึ้นในแดนคีรีขาวกลับสามารถแพร่กระจายไปทั่วสามพันแดน ชักนำให้ผู้ฝึกปราณมากมายสะท้านสะเทือน

แค่คิดก็รู้ ชื่อหลิงเซียวที่บรรลุขอบเขตมกุฎระดับราชันเป็นคนแรก จะได้รับความสนใจล้นหลามเพียงใด

หลินสวินเกิดลางสังหรณือย่างแรงกล้าอย่างหนึ่งขึ้นในใจ

ภายภาคหน้า จะยิ่งปรากฏคนอย่างชื่อหลิงเซียวมากขึ้นเป็นแน่ คนที่สามารถกลายเป็นราชันด้วยขอบเขตมกุฎ

‘การแข่งขันที่แท้จริงจะเริ่มขึ้นในไม่ช้าแล้ว…’

นัยน์ตาหลินสวินวาบประกายลุ่มลึก คิดเรื่องมากมาย

หากกล่าวว่าสามพันแดนคือสถานที่แห่งศุภโชคที่เหล่าผู้แข็งแกร่งระดับต่ำกว่าระดับราชันต่างเสาะแสวงหาวาสนา เช่นนั้นแดนเก้าบนย่อมเป็นสนามทดลองการแก่งแย่งกันกลายเป็นขอบเขตมกุฎ!

……

ถึงอย่างไรจำนวนคนที่จำกัดไว้ก็มีเท่านั้น ใครจะอยู่เฉยมองดูคนอื่นฉกไปตาปริบๆ

“ข้ามาขอคำชี้แนะ!”

ในลานชายหนุ่มตัวสูงชะลูดกลิ่นอายเฉียบคมคนหนึ่งก้าวออกมา ท้าประลองกับผู้แข็งแกร่งสำนักอนธการคนหนึ่ง

ลั่วชวนที่ยืนกอดอกอยู่ยิ้มแสยะขึ้นมาอย่างนึกสนุก เอ่ยว่า “ศิษย์น้องเฟิง ในเมื่อสหายผู้นี้ท้าประลองกับเจ้า เจ้าก็ไปเล่นสนุกเป็นเพื่อนเขาสักหน่อย”

ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าศิษย์น้องเฟิงรูปร่างผอมบาง สีหน้าซีดเซียวเล็กน้อย ดูแล้วเหมือนไร้เรี่ยวแรงต้านลม

ได้ยินดังนั้นสีหน้าเขากลับเคร่งขรึม แววตาไม่เป็นมิตร จ้องไปยังชายหนุ่มเฉียบคมที่ท้าประลองกับตนแล้วเอ่ยว่า “คนตั้งมากมาย เจ้าเลือกข้าเป็นคู่ต่อสู้เพียงคนเดียวเพราะคิดว่าข้าอ่อนแอที่สุดอย่างนั้นหรือ”

น้ำเสียงฟังดูอึมครึมนัก

ชายหนุ่มเฉียบคมกล่าว “หากเจ้าไม่ยอมรับการท้าประลอง ก็สามารถเปลี่ยนคนได้”

ศิษย์น้องเฟิงทำเป็นแสร้งยิ้มออกมาเอ่ยว่า “เยี่ยม ข้าชอบคนกระดูกเหล็กอย่างเจ้า!”

ตูม!

ยังไม่ทันสิ้นเสียงเขาก็ลงมือแล้ว

เขาดูเหมือนอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง ทว่าเมื่อโจมตีออมากลับเหมือนอัสนีระเบิดกราดเกรี้ยว ทั่วร่างแผ่ไอสังหารเย็นเยียบพวยพุ่ง ปกคลุมทั่วทั้งฟ้าดิน

แย่แล้ว!

ชายหนุ่มเฉียบคมหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย รับรู้ว่าคู่ต่อสู้ที่ตนเลือกมาคนนี้ไม่ได้กระจอกอย่างที่เห็น แต่เป็นบุคคลที่น่ากลัวอย่างยิ่งคนหนึ่ง

เพียงแต่มานึกเสียใจตอนนี้ก็สายไปแล้ว

เขาทุ่มกำลังทั้งหมดออกไปโดยไม่มีลังเล

ทั้งสองต่อสู้อย่างดุเดือด เพียงแต่ไม่ทันไรชายหนุ่มเฉียบคมก็ถูกกำราบ กระดูกทั่วร่างส่งเสียงระเบิดแตกออกมาไม่หยุด เลือดสดๆ สาดกระเซ็น

วิธีต่อสู้ของศิษย์น้องเฟิงอำมหิตมาก เมื่อถึงตอนท้ายถึงกับทำลายกระดูกทั้งร่างของชายหนุ่มเฉียบคมผู้นั้น ทั้งตัวร่วงกองอยู่บนพื้นราวกับโคลนตมก็ไม่ปาน

นี่ทำให้ทุกคนหนาวสะท้านในใจ!

อีกทั้งศิษย์น้องเฟิงยังกล่าวยิ้มๆ ว่า “กระดูกเหล็กทั่วตัวล้วนแตกไปหมดแล้ว ตอนนี้เจ้ายังมีอะไรอยากพูดอีกไหม”

บนพื้น ชายหนุ่มเฉียบคมหน้าซีดเซียวราวกับสีดิน เจ็บปวดรวดร้าวและสิ้นหวัง

ปัง!

ศิษย์น้องเฟิงย่ำลงไปหนึ่งก้าว ทำให้ศีรษะของอีกฝ่ายระเบิดแตกสิ้นชีพในทันที เลือดแดงฉานสาดกระเซ็นออกมา

คนที่มองดูอยู่โดยรอบต่างตัวแข็งทื่อ หน้าเปลี่ยนสี อำมหิตเกินไปแล้ว แค่ท้าประลองครั้งเดียวก็ถูกอีกฝ่ายลงมือโหดเหี้ยม ใช้วิธีที่โหดร้ายทารุณสังหาร พาให้ผู้คนมากมายรู้สึกไม่ดี

ผู้สืบทอดสำนักอนธการอย่างพวกลั่วชวนหัวเราะเยาะ ไม่สนใจเรื่องนี้อย่างยิ่ง

กล้ามาท้าทายพวกเขา ย่อมต้องตายอย่างสาสม!

ส่วนหลินสวินกลับขมวดคิ้วแล้ว

……………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์