มกุฎราชัน!
แต่ละคำดุจอสนี!
จากท่าทางตื่นตระหนกระคนหวาดกลัวจนวิญญาณไม่อยู่กับเนื้อกับตัวของรุ่ยม่านหรง ไปจนถึงกระบวนมรรคราชันที่ปกคลุมตัวภูเขาซึ่งถูกทำลายลงอย่างง่ายดาย
และมาถึงตอนนี้ที่ได้ยินคำที่เจือกลิ่นอายแห่งตำนานและความสั่นสะท้านอยู่แล้วคำนี้ แรงกระเทือนต่อเนื่องเหมือนทะเลพิโรธคลื่นคลั่งส่งผลให้ผู้แข็งแกร่งเขาวิญญาณหมื่นอสูรเหล่านี้ล้วนนิ่งอึ้ง สะเทือนไปทั้งกายใจยิ่งนัก
บรรยากาศก็แปรเปลี่ยนเป็นเงียบสงัดตามไปด้วย กดข่มจนทุกหายใจติดขัด
เดิมทีมีคนอวดดีว่าตัวเป็นราชัน ดูถูกดูแคลนหลินสวิน ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา
เดิมทีทุกคนพอได้ยินว่าหลินสวินมาเยือนถึงที่เอง ยังประหลาดใจและยินดี
ตอนนี้ล้วนดวงตาเบิกกว้าง ท่าทางไม่ทันตั้งตัว สับสนงงงวยทันทีเหมือนเป็ดถูกบีบคอไว้
หลินสวินกวาดสายตามองพวกเขาปราดหนึ่ง ก็ถูกบริเวณหน้าผาตรงยอดเขาดึงดูด ที่นั่นมีต้นไม้โบราณต้นหนึ่ง ลำต้นเหมือนฉิวหลง เปลือกไม้แก่แตกออกเป็นแผ่น เก่าแก่ผิดธรรมดา
บนกิ่งก้านโล้นเลี่ยนมีเพียงดอกตูมสีขาวราวหิมะน้ำแข็งสลักดอกหนึ่งควบรวมอยู่ ประกายแสงไหลหลั่ง แสงเทพดุจมายาสายแล้วสายเล่าลู่ลงมา กลิ่นหอมเย็นๆ ซึบซาบเข้าไปในหัวใจผู้คน
เพียงมองปราดเดียวก็ทำให้หลินสวินประหลาดใจ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นไม้เทพต้นหนึ่ง ดอกตูมที่ควบรวมอยู่บนนั้นต้องไม่ธรรมดาถึงที่สุด
“นี่เป็นไปไม่ได้ แดนอัคคีทักษิณจวบจนตอนนี้มีเคราะห์มกุฎราชันปรากฏมาหลายร้อยครั้ง มีเพียงคนกลุ่มน้อยที่ข้ามผ่านด่านเคราะห์กลายเป็นมกุฎราชัน ส่วนมากล้วนพ่ายแพ้ ตายไปด้วยความคับแค้นใจ”
ทันใดนั้นมีคนเอ่ยเสียขรึม “แต่ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว ไม่มีเคราะห์มกุฎราชันที่เทพมารหลินชักนำสักเคราะห์เดียว!”
คนผู้นี้คือชายหนุ่มชุดแดงผู้หนึ่ง สีหน้ากราดเกรี้ยว ไม่อาจเชื่อทุกอย่างนี้
ทุกคนกระสับกระส่าย ฉงนใจไม่ว่างเว้น
หากไม่ใช่ระดับมกุฎราชัน เทพมารหลินผู้นี้จะแข็งแกร่งปานนี้ได้อย่างไร
หลินสวินชักสายตากลับมา ยิ้มน้อยๆ แล้วพูดว่า “คำที่ข้าเพิ่งพูดไปที่ตีนเขาข้าพูดจริงนะ ขอเพียงพวกเจ้าสวามิภักดิ์ ก็จะหลีกเลี่ยงไม่ให้การนองเลือดมากมายเกิดขึ้นที่นี่ได้”
เพิ่งพูดจบก็มีคนตะคอกดาลเดือดว่า “ละเมอเพ้อพก!”
ปึง!
เงาร่างหลินสวินไม่ได้เคลื่อนไหว แต่ใต้เท้ากลับมีชือน้ำแข็งตัวหนึ่งผุดขึ้นมา ทะยานขึ้นไปในอากาศ หางดุจแส้เทพมหามรรคตบกะโหลกคนผู้นั้นจนแหลกตายคาที่ เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว
เสียงหวีดร้องดังขึ้นในที่นั้น ทุกคนแตกตื่น ทั้งตระหนกทั้งหวาดกลัว เทพมารหลินผู้นี้ถึงกับกล้าฆ่าคนอย่างเหิมเกริมไม่หวั่นเกรงเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา!
“หลินสวิน เจ้าไม่กังวลว่าเมื่อศิษย์พี่เวินเอ้าไห่กลับมาจะกำจัดเจ้าทิ้งหรือ”
ชายหนุ่มชุดแดงผู้นั้นหน้าคล้ำเขียว ตาแทบหลุดจากเบ้า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้หลินสวินก็กระจ่างทันที พูดกับตัวเองว่า “มิน่าก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ คนที่ปรากฏถึงมีแต่หมูหมากาไก่อย่างพวกเจ้า ที่แท้เวินเอ้าไห่อะไรนั่นก็ไม่อยู่ที่นี่”
หมูหมากาไก่?
ผู้สืบทอดเขาวิญญาณหมื่นอสูรต่างรู้สึกอับอายและกราดเกรี้ยวหาใดเทียบ
“ไม่ยอมแพ้หรือ เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่ปรานีแล้วกัน” หลินสวินเอ่ยเสียงเรียบ
เขากำลังจะลงมือ ชายหนุ่มชุดแดงผู้นั้นก็พูดออกมาแล้วว่า “ช้าก่อน!”
จากนั้นเขามีสีหน้าเจ็บปวด เผยให้เห็นความไม่ยินยอม พูดเสียงต่ำเบาว่า “พวกข้า… ยอมสวามิภักดิ์!”
“ศิษย์พี่เมิ่ง!”
ผู้อื่นพากันหน้าสลด ยอมรับได้ยาก
ชายหนุ่มชุดแดงสูดหายใจลึก พูดอย่างแน่วแน่ว่า “ก็ทำเช่นนี้แล้วกัน!”
ทุกคนไม่อาจสงบใจได้
ตัวมีฐานะเป็นผู้สืบทอดเขาวิญญาณหมื่นอสูร ตอนนี้กลับถูกผู้อื่นบีบบังคับ กดดันจนต้องยอมสยบให้ นี่ใครจะยอมได้กัน
ย่อมเป็นความอัปยศใหญ่หลวง!
“คุกเข่า”
หลินสวินน้ำเสียงเรียบเฉย
เพียงสองคำทำให้ชายหนุ่มชุดแดงแทบจะตะบึงออกไปอย่างอดไม่ได้ ยอมสวามิภักดิ์แล้ว เทพมารหลินผู้นี้ยังอยากทำให้พวกเขาอับอายอีกหรือ
“เทพมารหลิน เจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว!”
มีคนเก็บกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ ตะโกนออกมาอย่างขัดเคือง
ปึง!
หลินสวินสะบัดแขนเสื้อ แสงมรรคแถบหนึ่งเคลื่อนออกมากำจัดคนผู้นี้ ไม่หลงเหลือแม้แต่ร่างกาย แปรสภาพเป็นเถ้าธุลีปลิวว่อน
“เจ้า…”
คนอื่นแทบเสียสติ ทั้งโกรธทั้งอายถึงที่สุด และประหวั่นพรั่นพรึงอย่างยิ่งด้วย
หลินสวินเอามือไพล่หลัง ดวงตาดำเยียบเย็นกวาดมองทุกคน “ในเมื่อสวามิภักดิ์ก็ควรมีท่าทีสวามิภักดิ์ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้แผนการในใจพวกเจ้าว่าคิดจะอดทนไว้ชั่วคราวเท่านั้น รอเวินเอ้าไห่นั่นกลับมาช่วยพวกเจ้า”
เมื่อพูดคำนี้ออกมา สีหน้าของทุกคนล้วนทั้งซีดขาวคล้ำเขียวปนเปกันไปครู่หนึ่ง เงียบเชียบไม่ส่งเสียง
“ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้า รอเวินเอ้าไห่กลับมาเสียที่นี่”
หลินสวินน้ำเสียงเฉยชา “แต่ก่อนหน้าสิ่งนี้ พวกเจ้าว่านอนสอนง่ายจะเป็นการดีที่สุด แม้ว่าเวินเอ้าไห่จะกลับมาก็เกรงว่าจะช่วยพวกเจ้าไม่ได้!”
ตุ้บ!
ในที่สุดชายหนุ่มชุดแดงผู้นั้นก็นำคุกเข่า หน้าถอดสี
คนอื่นเห็นเช่นนี้ สิ่งที่ค้ำจุนภายในจิตใจเหมือนถล่มลงมา จึงคุกเข่าตามกันอย่างต่อเนื่อง
หลินสวินไม่ได้ตั้งใจทำให้อับอาย แต่เป็นการทำตามแผนของเขาแต่เดิม ให้แน่ใจว่าจะไม่หลงเหลือปัญหาในอนาคตแม้แต่นิดเดียว
แต่เขาเพิ่งมาถึง ไม่คุ้นเคยกับแดนอัคคีทักษิณโดยสิ้นเชิง จำเป็นต้องรู้ข่าวสารต่างๆ อย่างเร่งด่วน ด้วยเหตุนี้สุดท้ายจึงตัดสินใจไว้ชีวิตคนพวกนี้สักครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์