สรุปตอน ตอนที่ 1197 ฝันไปเถอะ – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
ตอน ตอนที่ 1197 ฝันไปเถอะ ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
เคร้ง!
โม่เทียนเหอโคจรพลังถึงขีดสุดเพื่อต้านทาน แต่สุดท้ายกระบี่โบราณสามสิบหกเล่มก็ถูกดาบหักทลายออกจากกันในดาบเดียว ส่งเสียงปะทะอึกทึกสนั่นหู
โม่เทียนเหอลุกลนหลบหลีกถึงได้เลี่ยงกระบวนเฉือนนี้ได้อย่างหวุดหวิด
ทว่าเขาก็ถูกโจมตีอย่างหนัก กล้ามเนื้อกระดูกทั่วร่างเจ็บปวด ภายในกายเลือดลมตีกลับไม่หยุด ทันทีที่ยืนมั่นก็กระอักเลือดออกมาคำโต
เหล่าผู้สืบทอดเรือนกระบี่เร้นปุจฉาต่างตะลึงงัน
ก่อนหน้านี้โม่เทียนเหอหยิ่งทะนงและแข็งแกร่งระดับใด ประหนึ่งนายเหนือหัวกลางกระบี่
แต่เพียงชั่วครู่ก็ถูกอัดจนมือไร้แม้แรงต้านทาน ผมเผ้าสยายยุ่ง หลบหนีอเนจอนาถกระอักเลือดไม่หยุด แตกต่างกับก่อนหน้านี้ราวกับเป็นคนละคน
“สนุกไหม”
หลินสวินพุ่งเข้าหา กดฝ่ามือประทับปี้อั้น ฉวยโอกาสนี้ซัดโม่เทียนเหอกระเด็นในคราเดียว ร่างลอยปะทะเขาหมอกทองคำที่อยู่ไม่ไกลอย่างหนักหน่วง
ทั้งตัวเขาถูกอัดติดกำแพง สภาพพิลึกพิลั่น
“สนุกๆ อย่าสู้อีกเลย!” เหล่าผู้สืบทอดเรือนกระบี่เร้นปุจฉาตะโกนลั่น
พวกเขาต่างตระหนักได้ว่า หากสู้ต่อโม่เทียนเหอได้ประสบหายนะแน่
“เช่นนั้นก็สนุกต่ออีกหน่อย”
หลินสวินยิ้มน้อยๆ ขณะกล่าวเขาก็พุ่งทะยานออกไปแล้ว จับข้อเท้าของโม่เทียนเหอทุ่มลงกับพื้นเต็มแรงราวกับเหวี่ยงท่อนมนุษย์
โครม!
พื้นดินแตกระแหง เครื่องหน้าทั้งห้าอันงดงามของโม่เทียนเหอแนบกับผืนดิน เจ็บจนทั่วร่างกระตุก ส่งเสียงร้องอนาถออกมา
เมื่อมองไปก็เห็นเขาล้มลุกคลุกฝุ่น จมูกเขียวหน้าบวม ช่าง… น่าอนาถเกินไปแล้ว!
“หลินสวิน เจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว!” โม่เทียนเหอส่งเสียงคำรามเกือบจะคลุ้มคลั่ง
“ต่อให้รังแกเจ้า แล้วเจ้าจะทำอะไรข้าได้”
หลินสวินสะบัดข้อมือ ออกแรงที่ฝ่ามือ ร่างโม่เทียนเหอก็ถูกเหวี่ยงไปมาอย่างรุนแรง เขย่าจนเขาน้ำลายฟูมปาก หน้ามืดวิงเวียนตาเหลือก
ก็ได้ยินเสียงดังครืนพักหนึ่ง สมบัติบางส่วนร่วงหล่นลงไปกองกับพื้น
โครม!
จากนั้นโม่เทียนเหอก็ถูกเหวี่ยงกระเด็นออกไป สายตาหลินสวินเหลือบมองไปยังสมบัติที่อยู่บนพื้น
ผู้สืบทอดเรือนกระบี่เร้นปุจฉาที่อยู่ห่างออกไปสูดหายใจเย็น จิตใจสะท้านไหว เทพมารหลินนี่ป่าเถื่อนเกินไปแล้วจริงๆ!
แต่พวกเขากลับไม่มีใครกล้าเข้าไปขวาง
แม้แต่โม่เทียนเหอยังไม่ใช่คู่ต่อกร พวกเขาไหนเลยจะกล้าแส่หาเรื่อง
“กำไลเก็บของวงนี้ไม่เลวทีเดียว” ไม่ทันไรหลินสวินก็เจอสมบัติที่ถูกใจ นั่นคือกำไลโบราณเขียวมรกตวงหนึ่ง เขาเก็บเอาไปโดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย
เห็นดังนี้โม่เทียนเหอส่งเสียงร้องแหลมปานจะขาดใจ พุ่งทะยานเข้ามาหมายสู้ตายกับหลินสวิน
ด้วยในกำไลเก็บของนั้นซ่อนสมบัติที่เขาเก็บไว้เต็มไปหมด เป็นสินทรัพย์ประจำตัวของเขา!
ปัง!
หลินสวินใช้เท้าข้างหนึ่งเตะเขาลอยละลิ่วแล้วกล่าว “อย่าบีบให้ข้าสังหารเจ้า”
โม่เทียนเหออึ้งงันก่อน จากนั้นสีหน้าก็ปรวนแปรไม่หยุด สุดท้ายจึงหดหู่
เขาไม่ได้โง่ เพียงแต่เมื่อครู่เพลิงโทสะจู่โจมจิตใจ ตอนนี้ถึงตาสว่างรู้ว่าหากหลินสวินอยากฆ่าเขา เมื่อครู่ก็สามารถลงดาบสังหารได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องรอถึงตอนนี้
เพียงแต่เมื่อเห็นกำไลเก็บของของตนตกอยู่ในมือหลินสวิน ก็ทำให้เขาเจ็บปวดไม่หยุด เลือดหลั่งรินในใจ!
ขณะเดียวกันในใจหลินสวินก็ตกตะลึง ด้วยในกำไลเก็บของชิ้นนี้ซ่อนโอสถเทพที่ไม่ด้อยไปกว่าผลดารารายถึงสองต้น!
นอกจากนี้ยังมีโอสถราชันสิบกว่าชนิด รวมถึงวัตถุดิบวิญญาณที่หาได้ยากในโลกภายนอกจำนวนมาก มูลค่ามหาศาลไม่อาจประเมิน
‘ดูไม่ออกเลยว่าผลเก็บเกี่ยวของหมอนี่จะอู้ฟู่ทีเดียว’
หลินสวินลูบคาง กำลังใคร่ครวญว่าจะจับเขาเป็นตัวประกันไปเรียกค่าไถ่ที่อาณาเขตของเรือนกระบี่เร้นปุจฉาดีหรือไม่
โม่เทียนเหอขนลุกไปทั้งตัว นี่มันสายตาอะไรกัน เห็นตนเป็นแกะอ้วนที่จะปล้นฆ่าอย่างไรก็ได้รึ
น่าชังเกินไปแล้ว!
เขาเป็นถึงสัตว์ประหลาดยุคโบราณที่มาจากเรือนกระบี่เร้นปุจฉา ไม่เคยเห็นบุคคลขอบเขตมกุฎยุคปัจจุบันในสายตา แต่ตอนนี้กลับถูกผู้อื่นกำราบ ปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นแกะอ้วนรอเชือด สิ่งนี้น่าอัปยศโดยไม่ต้องสงสัย ทรมานจนเขาเกือบพังทลาย
เหล่าผู้สืบทอดเรือนกระบี่เร้นปุจฉาที่อยู่ห่างออกไปก็สีหน้าปรวนแปรไม่หยุด ในใจตึงเครียดหาใดเปรียบ พูดได้ว่าเวลานี้ความคิดเดียวของเทพมารหลินสามารถตัดสินความเป็นตายได้!
“เอาอย่างนี้แล้วกัน พวกเจ้าส่งโอสถเทพหนึ่งต้นและโอสถราชันมาอีกสิบต้น แล้วข้าจะปล่อยโม่เทียนเหอนี่ไป” หลินสวินทำการตัดสินใจ
ทุกคนอึ้งงันก่อน จากนั้นก็แทบกระอักเลือดอย่างคับข้องใจ เจ้าหมอนี่เห็นโอสถเทพเป็นผักกาดขาวที่ได้มาง่ายๆ อย่างนั้นรึ
ไม่ต้องพูดถึงโอสถเทพ แม้แต่โอสถราชันก็ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ!
“หรือพวกเจ้าคิดว่าชีวิตเขาไม่มีค่าพอ” หลินสวินถาม
โม่เทียนเหอโกรธจนกัดฟันเกือบแตก นี่เทียบกันได้รึ
เห็นว่าเขาพูดพล่ามจะหยิบยกเรื่องน่าอายนั้นขึ้นมาอีกรอบ จี้ซิงเหยาพลันขุ่นเคืองทันที ไม่อาจควบคุมสภาวะจิตได้แล้ว “หุบปาก! เจ้า… ทำไมเจ้าถึงยังหน้าด้านและไร้ยางอายเหมือนแต่ก่อน”
เดิมทีนางเหมือนเทพธิดามาเยือนโลก ว่างเปล่าหลุดพ้นโลกีย์
แต่ตอนนี้กลับถลึงตาถมึงทึงจนคิ้วตั้ง แค้นเสียจนกัดฟันกรอด
ท่าทางเช่นนี้เป็นสิ่งที่ผู้สืบทอดเรือนกระบี่เร้นปุจฉาคนอื่นในที่นั้นไม่เคยเห็นมาก่อน
โดยเฉพาะบทสนทนาของนางกับหลินสวินยังมีถ้อยคำที่มีนัยลึกซึ้งมากมาย ตัวอย่างเช่น ‘คนคุ้นเคย’ ‘อันธพาลหน้าเหม็น’ ‘เข้าใจผิด’ …
ไม่อยากให้คนคิดเพ้อเจ้อล้วนยากนัก!
ทุกคนรวมถึงโม่เทียนเหอต่างแปลกใจสงสัยอยู่บ้าง นี่มันเรื่องอะไรกัน
จี้ซิงเหยาเป็นถึงธิดาเทพคนปัจจุบันของเรือนกระบี่เร้นปุจฉา งามบริสุทธิ์เจิดจรัสหาใครเปรียบ ไม่รู้ถูกคนเท่าไหร่ชื่นชมและยกย่อง เห็นนางเป็นเทพธิดาที่ได้แค่มองไกลๆ ไม่อาจดูหมิ่น
หากข่าวแพร่ออกไป ว่าจี้ซิงเหยาและเทพมารหลินมีความเป็นไปได้สูงว่าจะมีเรื่องบางอย่างที่ซับซ้อนเกี่ยวข้องกัน นั่น… ต้องเป็นเรื่องใหญ่ที่อึกทึกครึกโครมหาใดเปรียบ ทำให้คนมากมายคลุ้มคลั่งแน่!
หลินสวินอึ้งงันไปเล็กน้อย ทอดถอนใจกล่าว “เฮ้อ ข้าเดาผิดไปแล้ว ที่แท้เจ้ายังไม่ลืมเรื่องในอดีต อันที่จริงตอนนั้นทุกคนยังเด็ก ทำผิดพลาดเล็กน้อยโดยไม่ตั้งใจก็เป็นเรื่องที่อภัยกันได้ เหมือนกับครั้งนี้ เมื่อรู้ว่าคนพวกนี้เป็นผู้สืบทอดของเรือนกระบี่เร้นปุจฉาของเจ้า ข้าก็ไม่ได้เปิดฉากเข่นฆ่า นี่ยังไม่ถือว่าเห็นแก่ฐานะที่เราเคยรู้จักกันอีกหรือ”
ทันทีที่คำพูดนี้กล่าวออกมาก็ทำให้สีหน้าพวกโม่เทียนเหอผิดแปลกยิ่งกว่าเดิม จริงดังว่า ด้วยนิสัยดุดันป่าเถื่อนของเทพมารหลิน เมื่อครู่กลับไม่สังหารพวกเขา เห็นได้ชัดว่าผิดปกตินัก!
และตอนนี้ก็ได้คำอธิบายแล้ว เขาเห็นแก่หน้าจี้ซิงเหยาจึงไม่ได้ทำเช่นนั้น
สันนิษฐานเช่นนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ต้องไม่ธรรมดาแน่!
เมื่อในใจคิดเช่นนี้ สีหน้าทุกคนก็ซับซ้อนขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ จี้ซิงเหยาเป็นถึงบุคคลซึ่งประหนึ่งเทพธิดาที่พวกเขาชื่นชมและยกย่อง
แต่ตอนนี้กลับมีเรื่องพัวพันกับเทพมารหลิน นี่… ทำให้ใจพวกเขาทั้งขมขื่นทั้งอิจฉา รู้สึกหดหู่อยู่บ้าง
จี้ซิงเหยาไม่รู้ความคิดในใจทุกคน หากรู้เข้าจะต้องโมโหจนเป็นบ้าแน่
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น เมื่อได้ยินคำพูดของหลินสวินก็ทำเอานางโกรธจัด “พูดเช่นนี้ ข้ายังต้องสำนึกบุญคุณเจ้าอีกรึ”
หลินสวินส่ายศีรษะ ท่าทางใจกว้างโบกมือกล่าว “ไม่ต้องถึงขั้นนั้น ในใจเจ้ารู้สาเหตุที่ข้าทำเช่นนี้ก็พอแล้ว”
จี้ซิงเหยาถลึงตาทันที รู้สึกคับข้องใจนัก เจ้าหมอนี่ฟังไม่ออกว่าตนกำลังประชดรึ
ขณะที่นางกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็เห็นนัยน์ตาดำหลินสวินหดรัด เงยหน้ามองไปยังจุดที่ห่างออกไปทันที “ที่นี่ไม่เหมาะจะอยู่นาน แม่นางจี้ มิสู้พวกเราเปลี่ยนที่คุยกันเป็นอย่างไร”
“ฝันไปเถอะ!”
จี้ซิงเหยาโกรธจนพูดโพล่งออกมา เจ้าหมอนี่ยังคิดจะคุยกับตน ไม่กลัวว่านางจะควบคุมตัวเองไม่อยู่เข้าจัดการเขารึ
…………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์