เพียงหลินสวินสั่นข้อมือคราหนึ่ง คมทวนที่ถูกหักก็พุ่งใส่อูหลิงเต้า
ปัง!
ระหว่างที่อูหลิงเต้ากำลังเร่งรีบ แม้จะจะโจมตีทวนนี้ได้ แต่ตอนนี้หลินสวินก็พุ่งปราดเข้ามาแล้ว หมัดหนึ่งกระแทกใส่หน้าอกเขาอย่างรุนแรง
ต่อให้ต้านทานเต็มกำลัง อูหลิงเต้าก็ยังคงถูกซัดจนปากกระอักเลือดคำโต สีหน้าซีดเซียวขึ้นมากะทันหัน
ทุกคนต่างสูดหายใจเย็น
อานุภาพของเทพมารหลินทำเอาพวกเขารู้สึกได้ถึงแรงกระเทือนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จิตใจต่างสั่นสะท้าน ไม่กล้าเชื่อว่าพลังต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไร
และความพ่ายแพ้ที่อูหลิงเต้าเผชิญ กลับทำให้พวกเขาสิ้นหวัง
ไม่ว่าใครต่างรู้ดีว่าพลังต่อสู้ของอูหลิงเต้าแข็งกร้าวมาก แข็งแกร่งยิ่งกว่าอู่ซานหลินเสียอีก แต่ยังคงถูกพลังของเทพมารหลินกำราบ นี่จะไม่ให้ทุกคนสิ้นหวังได้อย่างไร
เพียงแต่ตอนนี้เอง หลินสวินที่หมายจะรุกโจมตีต่อจู่ๆ ก็ชะงักเท้า ดวงตาดำหรี่ลงกะทันหัน
ในเวลาเดียวกันบนร่างของอูหลิงเต้าพรั่งพรูอานุภาพรุนแรงปานทะลวงฟ้าออกมา ทั้งตัวอาบไล้อยู่กลางแสงทอง
ระหว่างที่เขาหายใจเข้าออก ก็ทำให้ห้วงอากาศกู่ก้อง พลิกม้วนไม่หยุด
โดยเฉพาะตรงท้ายทอยของเขา วงแหวนเทพวงหนึ่งลอยขึ้น ตรงกลางวงแหวนเทพปรากฏรูปจำลองอีกาทอง กางปีกสยาย อาบไล้เปลวเพลิง แผ่อานุภาพสะท้านฟ้าสะเทือนดิน!
“รูปจำลองอมตะ! เขา… ผ่านอมตะเคราะห์ขั้นแรกแล้ว!”
เจิ้นอวิ๋นเฟิงร้องด้วยความตกใจ
คนอื่นๆ ในที่นั้นก็เบิกตาโต
เหยียบย่างสู่มรรคาอมตะ ขอเพียงก้าวผ่านอมตะเคราะห์ขั้นแรกไปได้ เมล็ดพันธุ์มรรคในร่างกายจะฝังราก สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณรอบตัวจะควบรวมเป็นรูปจำลององค์หนึ่ง ควบคุมดูแลจิตวิญญาณ
ภายในรูปจำลองสามารถสลักนัยเร้นลับวิชามรรคอมตะที่เหมาะกับตน ในการต่อสู้สามารถสำแดงอานุภาพที่น่าเหลือเชื่อ
นี่ก็คือสัญลักษณ์ของราชันระดับอมตะเคราะห์!
ผู้แข็งแกร่งระดับอมตะเคราะห์ทั่วไป ในโลกภายนอกไม่ถือเป็นเรื่องใหม่แล้ว
แต่ในแดนมกุฎนี้ คนที่เป็นมกุฎราชันและเหยียบย่างสู่ระดับอมตะเคราะห์ได้นั้น กลับน้อยมาก!
ถึงอย่างไรเหล่าผู้ฝึกปราณก็เข้าสู่แดนมกุฎยังไม่ถึงสองปี สามารถเหยียบย่างลงบนขอบเขตมกุฎระดับราชันได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงเท่านี้ ก็ถือว่าน่าทึ่งมากแล้ว
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้แข็งแกร่งที่กลายเป็นราชันระดับอมตะเคราะห์จากขอบเขตมกุฎ ย่อมเรียกได้ว่าหายากดั่งขนหงส์หางกิเลน!
ทันใดนั้นสายตาที่ทุกคนมองอูหลิงเต้าก็เปลี่ยนไป
ในการแสวงหามกุฎมรรคา อูหลิงเต้าได้ชิงก้าวนำไปก้าวใหญ่ ไปถึงขั้นที่สูงยิ่งกว่าแล้ว!
“เดิมทีข้าคิดจะให้สิ่งนี้เป็นไพ่ไม้ตาย ใช้เล่นงานพวกคนอย่างชื่อหลิงเซียว ธิดาเทพหลิ่นเสวี่ย อวิ๋นชิ่งไป๋”
ตอนนี้อานุภาพของอูหลิงเต้าราวกับมหาสมุทร ครอบฟ้าคลุมดิน เสียงต่ำลึกและเย็นชา “เจ้าสามารถบีบให้ข้าใช้ก่อนกำหนดได้ ก็ถือว่าเป็นคนที่เยี่ยมยอดแล้ว น่าเสียดายที่อย่างไรเจ้าก็ต้องตาย!”
คำว่าตายนี้มีไอสังหารพลุ่งพล่าน ทำให้เหล่าผู้กล้าใจสั่น
ในสถานการณ์เช่นนี้ยังจะสู้ได้อย่างไร
เดิมทีระดับมกุฎราชันก็เรียกได้ว่าวิปริตแล้ว ตอนนี้อูหลิงเต้ายังก้าวผ่านอมตะเคราะห์ขั้นแรกไปอีก พลังปราณเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกดินแล้ว
เทพมารหลินจะเอาอะไรไปสู้
“อย่างไรก็ยังอยู่ในขอบเขตของระดับราชัน เพียงแค่ผ่านอมตะเคราะห์มาครั้งหนึ่งก็คิดว่าสามารถกำเริบเสิบสานได้แล้วหรือ”
หลินสวินสีหน้านิ่งเฉยไร้อารมณ์
การที่อูหลิงเต้าก้าวสู่ระดับอมตะเคราะห์ขั้นแรกทำให้เขาประหลาดใจจริงๆ แต่กลับไม่ถึงขั้นหวาดกลัว
ตั้งแต่ตอนที่ยังมีพลังปราณอยู่ในห้าระดับใหญ่ เขาก็เคยสังหารศัตรูข้ามระดับไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ตอนนี้เขากลายเป็นมกุฎราชัน เดินบนเส้นทางมรรคาของตน ได้บ่มเพาะปณิธาณความเชื่อมั่นว่าเป็นหนึ่งไม่มีสองมาตั้งนานแล้ว จะกลัวได้อย่างไร
พูดได้ว่าตั้งแต่ก้าวสู่ระดับมกุฎราชันจนถึงตอนนี้ ยังไม่เคยมีคนในระดับเดียวกันสามารถบีบให้เขาใช้พลังสูงสุดออกมาได้!
รวมถึงอูหลิงเต้าก็ไม่สามารถ
หลินสวินกลับอยากดูนัก ว่าเมื่อห่างกันหนึ่งขั้นอูหลิงเต้านี่จะมีความสามารถมากเพียงใด
“ไม่รู้จักกลัวตาย!”
ในเสียงที่เย็นเยียบ อูหลิงเต้าก้าวผ่านห้วงอากาศเข้ามา หลังศีรษะวงแหวนเทพหมุนวน รูปจำลองอีกาทองแผ่อานุภาพไร้สิ้นสุด สะเทือนสยบทั้งที่นั้น
“เฉือน!”
ด้านหลังตัวเขา จู่ๆ ก็ปรากฏปีกอีกาทอง ราวกับดาบตัดสวรรค์ สว่างไสวไร้เทียบเทียม เฉือนสังหารไปข้างหน้า
ตูม!
หลินสวินใช้เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ต้านทานก่อน กลับถูกสะเทือนจนซวนเซ ร่างกายถอยหลัง
สีหน้าของพวกเจิ้นอวิ๋นเฟิงเปลี่ยนไปโดยพลัน หัวใจแขวนลอยขึ้นมา
แม้แต่โม่เทียนเหอที่เคยมีเรื่องบาดหมางกับหลินสวินยังอดกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ ขมวดคิ้วแน่นไม่ได้
“เฉือน!”
อูหลิงเต้าพุ่งเข้าใส่ ท่าทางราวกับอีกาทองที่ปิดคลุมฟ้าดิน ปีกราวกับดาบสวรรค์ มีอานุภาพผ่าเฉือนฆ่าเทพผี
ครั้งนี้หลินสวินใช้มังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรเข้าต้าน อักษรเคราะห์สีทองอร่ามเก้าตัวโอบล้อม แต่กลับยังคงถูกทำลาย
ปีกอีกาทองนั่นกวาดเข้ามา กรีดผ่านไหล่เขาเป็นแผล เลือดสดไหลพรู ลึกจนเห็นกระดูก!
“เยี่ยม!”
ในยานรบ เสียงโห่ร้องราวกับเสียงฟ้าลั่น หนุ่มสาวกลุ่มนั้นต่างดีใจยกใหญ่
นี่ก็คือข้อดีของการมีระดับปราณสูง แม้เป็นแค่ราชันเทียม ก็สามารถดูถูกผู้ฝึกปราณห้าระดับใหญ่ได้
ยิ่งไปกว่านั้นอูหลิงเต้าเป็นถึงมกุฎราชันที่ก้าวสู้ระดับอมตะเคราะห์แล้วเชียวนะ!
“เฉือน!”
อูหลิงเต้าตะโกน พลานุภาพยิ่งน่ากลัวกว่าเดิม รูปจำลองมีเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีทองสว่างไสวไหลเคลื่อน ขยับโบกปีกอีกาทอง ดุร้ายรุนแรงราวกับดาบสวรรค์
เขาย่ามใจอย่างที่สุด สีหน้าเยียบเย็น มีท่าทีประหนึ่งไร้เทียมทาน
ปัง!
หลินสวินถูกซัดกระเด็นอีกครั้ง ริมฝีปากกระอักเลือด
นี่ทำให้พวกเจิ้นอวิ๋นเฟิงต่างอดกังวลไม่ได้ สบสายตากัน ลอบสื่อจิตตัดสินใจว่าหากสถานการณ์อันตรายก็จะลงมือพร้อมกัน พาหลินสวินหนีไปจากที่นี่ก่อน
ราวกับรับรู้ความคิดของพวกเจิ้นอวิ๋นเฟิง หนุ่มสาวบนยานรบเหล่านั้นตาเป็นประกาย ขับเคลื่อนพลังเข้าจับตำแหน่งอย่างไม่ทิ้งร่องรอย
เห็นได้ชัดว่าขอเพียงพวกเจิ้นอวิ๋นเฟิงลงมือ ก็จะต้องถูกพวกเขาขัดขวาง
“หลินสวิน เจ้าตายอย่างวางใจเถอะ ครั้งนี้ไม่ว่าจะบนฟ้าหรือใต้ดินก็ไม่มีใครสามารถช่วยเจ้าได้อีกแล้ว”
เสียงของอูหลิงเต้าเย็นชาแฝงความอำมหิต “และหลังจากเจ้าตาย ข้าจะเอากะโหลกเจ้ามาทำเป็นจอกเหล้า เอาเลือดของเจ้าผสมเหล้า!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์