ตอน ตอนที่ 1210 เป็นตายไม่เที่ยงแท้ จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 1210 เป็นตายไม่เที่ยงแท้ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
เพียงหลินสวินสั่นข้อมือคราหนึ่ง คมทวนที่ถูกหักก็พุ่งใส่อูหลิงเต้า
ปัง!
ระหว่างที่อูหลิงเต้ากำลังเร่งรีบ แม้จะจะโจมตีทวนนี้ได้ แต่ตอนนี้หลินสวินก็พุ่งปราดเข้ามาแล้ว หมัดหนึ่งกระแทกใส่หน้าอกเขาอย่างรุนแรง
ต่อให้ต้านทานเต็มกำลัง อูหลิงเต้าก็ยังคงถูกซัดจนปากกระอักเลือดคำโต สีหน้าซีดเซียวขึ้นมากะทันหัน
ทุกคนต่างสูดหายใจเย็น
อานุภาพของเทพมารหลินทำเอาพวกเขารู้สึกได้ถึงแรงกระเทือนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จิตใจต่างสั่นสะท้าน ไม่กล้าเชื่อว่าพลังต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไร
และความพ่ายแพ้ที่อูหลิงเต้าเผชิญ กลับทำให้พวกเขาสิ้นหวัง
ไม่ว่าใครต่างรู้ดีว่าพลังต่อสู้ของอูหลิงเต้าแข็งกร้าวมาก แข็งแกร่งยิ่งกว่าอู่ซานหลินเสียอีก แต่ยังคงถูกพลังของเทพมารหลินกำราบ นี่จะไม่ให้ทุกคนสิ้นหวังได้อย่างไร
เพียงแต่ตอนนี้เอง หลินสวินที่หมายจะรุกโจมตีต่อจู่ๆ ก็ชะงักเท้า ดวงตาดำหรี่ลงกะทันหัน
ในเวลาเดียวกันบนร่างของอูหลิงเต้าพรั่งพรูอานุภาพรุนแรงปานทะลวงฟ้าออกมา ทั้งตัวอาบไล้อยู่กลางแสงทอง
ระหว่างที่เขาหายใจเข้าออก ก็ทำให้ห้วงอากาศกู่ก้อง พลิกม้วนไม่หยุด
โดยเฉพาะตรงท้ายทอยของเขา วงแหวนเทพวงหนึ่งลอยขึ้น ตรงกลางวงแหวนเทพปรากฏรูปจำลองอีกาทอง กางปีกสยาย อาบไล้เปลวเพลิง แผ่อานุภาพสะท้านฟ้าสะเทือนดิน!
“รูปจำลองอมตะ! เขา… ผ่านอมตะเคราะห์ขั้นแรกแล้ว!”
เจิ้นอวิ๋นเฟิงร้องด้วยความตกใจ
คนอื่นๆ ในที่นั้นก็เบิกตาโต
เหยียบย่างสู่มรรคาอมตะ ขอเพียงก้าวผ่านอมตะเคราะห์ขั้นแรกไปได้ เมล็ดพันธุ์มรรคในร่างกายจะฝังราก สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณรอบตัวจะควบรวมเป็นรูปจำลององค์หนึ่ง ควบคุมดูแลจิตวิญญาณ
ภายในรูปจำลองสามารถสลักนัยเร้นลับวิชามรรคอมตะที่เหมาะกับตน ในการต่อสู้สามารถสำแดงอานุภาพที่น่าเหลือเชื่อ
นี่ก็คือสัญลักษณ์ของราชันระดับอมตะเคราะห์!
ผู้แข็งแกร่งระดับอมตะเคราะห์ทั่วไป ในโลกภายนอกไม่ถือเป็นเรื่องใหม่แล้ว
แต่ในแดนมกุฎนี้ คนที่เป็นมกุฎราชันและเหยียบย่างสู่ระดับอมตะเคราะห์ได้นั้น กลับน้อยมาก!
ถึงอย่างไรเหล่าผู้ฝึกปราณก็เข้าสู่แดนมกุฎยังไม่ถึงสองปี สามารถเหยียบย่างลงบนขอบเขตมกุฎระดับราชันได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงเท่านี้ ก็ถือว่าน่าทึ่งมากแล้ว
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้แข็งแกร่งที่กลายเป็นราชันระดับอมตะเคราะห์จากขอบเขตมกุฎ ย่อมเรียกได้ว่าหายากดั่งขนหงส์หางกิเลน!
ทันใดนั้นสายตาที่ทุกคนมองอูหลิงเต้าก็เปลี่ยนไป
ในการแสวงหามกุฎมรรคา อูหลิงเต้าได้ชิงก้าวนำไปก้าวใหญ่ ไปถึงขั้นที่สูงยิ่งกว่าแล้ว!
“เดิมทีข้าคิดจะให้สิ่งนี้เป็นไพ่ไม้ตาย ใช้เล่นงานพวกคนอย่างชื่อหลิงเซียว ธิดาเทพหลิ่นเสวี่ย อวิ๋นชิ่งไป๋”
ตอนนี้อานุภาพของอูหลิงเต้าราวกับมหาสมุทร ครอบฟ้าคลุมดิน เสียงต่ำลึกและเย็นชา “เจ้าสามารถบีบให้ข้าใช้ก่อนกำหนดได้ ก็ถือว่าเป็นคนที่เยี่ยมยอดแล้ว น่าเสียดายที่อย่างไรเจ้าก็ต้องตาย!”
คำว่าตายนี้มีไอสังหารพลุ่งพล่าน ทำให้เหล่าผู้กล้าใจสั่น
ในสถานการณ์เช่นนี้ยังจะสู้ได้อย่างไร
เดิมทีระดับมกุฎราชันก็เรียกได้ว่าวิปริตแล้ว ตอนนี้อูหลิงเต้ายังก้าวผ่านอมตะเคราะห์ขั้นแรกไปอีก พลังปราณเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกดินแล้ว
เทพมารหลินจะเอาอะไรไปสู้
“อย่างไรก็ยังอยู่ในขอบเขตของระดับราชัน เพียงแค่ผ่านอมตะเคราะห์มาครั้งหนึ่งก็คิดว่าสามารถกำเริบเสิบสานได้แล้วหรือ”
หลินสวินสีหน้านิ่งเฉยไร้อารมณ์
การที่อูหลิงเต้าก้าวสู่ระดับอมตะเคราะห์ขั้นแรกทำให้เขาประหลาดใจจริงๆ แต่กลับไม่ถึงขั้นหวาดกลัว
ตั้งแต่ตอนที่ยังมีพลังปราณอยู่ในห้าระดับใหญ่ เขาก็เคยสังหารศัตรูข้ามระดับไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ตอนนี้เขากลายเป็นมกุฎราชัน เดินบนเส้นทางมรรคาของตน ได้บ่มเพาะปณิธาณความเชื่อมั่นว่าเป็นหนึ่งไม่มีสองมาตั้งนานแล้ว จะกลัวได้อย่างไร
พูดได้ว่าตั้งแต่ก้าวสู่ระดับมกุฎราชันจนถึงตอนนี้ ยังไม่เคยมีคนในระดับเดียวกันสามารถบีบให้เขาใช้พลังสูงสุดออกมาได้!
รวมถึงอูหลิงเต้าก็ไม่สามารถ
หลินสวินกลับอยากดูนัก ว่าเมื่อห่างกันหนึ่งขั้นอูหลิงเต้านี่จะมีความสามารถมากเพียงใด
“ไม่รู้จักกลัวตาย!”
ในเสียงที่เย็นเยียบ อูหลิงเต้าก้าวผ่านห้วงอากาศเข้ามา หลังศีรษะวงแหวนเทพหมุนวน รูปจำลองอีกาทองแผ่อานุภาพไร้สิ้นสุด สะเทือนสยบทั้งที่นั้น
“เฉือน!”
ด้านหลังตัวเขา จู่ๆ ก็ปรากฏปีกอีกาทอง ราวกับดาบตัดสวรรค์ สว่างไสวไร้เทียบเทียม เฉือนสังหารไปข้างหน้า
ตูม!
หลินสวินใช้เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ต้านทานก่อน กลับถูกสะเทือนจนซวนเซ ร่างกายถอยหลัง
สีหน้าของพวกเจิ้นอวิ๋นเฟิงเปลี่ยนไปโดยพลัน หัวใจแขวนลอยขึ้นมา
แม้แต่โม่เทียนเหอที่เคยมีเรื่องบาดหมางกับหลินสวินยังอดกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ ขมวดคิ้วแน่นไม่ได้
“เฉือน!”
อูหลิงเต้าพุ่งเข้าใส่ ท่าทางราวกับอีกาทองที่ปิดคลุมฟ้าดิน ปีกราวกับดาบสวรรค์ มีอานุภาพผ่าเฉือนฆ่าเทพผี
ครั้งนี้หลินสวินใช้มังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรเข้าต้าน อักษรเคราะห์สีทองอร่ามเก้าตัวโอบล้อม แต่กลับยังคงถูกทำลาย
ปีกอีกาทองนั่นกวาดเข้ามา กรีดผ่านไหล่เขาเป็นแผล เลือดสดไหลพรู ลึกจนเห็นกระดูก!
“เยี่ยม!”
ในยานรบ เสียงโห่ร้องราวกับเสียงฟ้าลั่น หนุ่มสาวกลุ่มนั้นต่างดีใจยกใหญ่
นี่ก็คือข้อดีของการมีระดับปราณสูง แม้เป็นแค่ราชันเทียม ก็สามารถดูถูกผู้ฝึกปราณห้าระดับใหญ่ได้
ยิ่งไปกว่านั้นอูหลิงเต้าเป็นถึงมกุฎราชันที่ก้าวสู้ระดับอมตะเคราะห์แล้วเชียวนะ!
“เฉือน!”
อูหลิงเต้าตะโกน พลานุภาพยิ่งน่ากลัวกว่าเดิม รูปจำลองมีเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีทองสว่างไสวไหลเคลื่อน ขยับโบกปีกอีกาทอง ดุร้ายรุนแรงราวกับดาบสวรรค์
เขาย่ามใจอย่างที่สุด สีหน้าเยียบเย็น มีท่าทีประหนึ่งไร้เทียมทาน
ปัง!
หลินสวินถูกซัดกระเด็นอีกครั้ง ริมฝีปากกระอักเลือด
นี่ทำให้พวกเจิ้นอวิ๋นเฟิงต่างอดกังวลไม่ได้ สบสายตากัน ลอบสื่อจิตตัดสินใจว่าหากสถานการณ์อันตรายก็จะลงมือพร้อมกัน พาหลินสวินหนีไปจากที่นี่ก่อน
ราวกับรับรู้ความคิดของพวกเจิ้นอวิ๋นเฟิง หนุ่มสาวบนยานรบเหล่านั้นตาเป็นประกาย ขับเคลื่อนพลังเข้าจับตำแหน่งอย่างไม่ทิ้งร่องรอย
เห็นได้ชัดว่าขอเพียงพวกเจิ้นอวิ๋นเฟิงลงมือ ก็จะต้องถูกพวกเขาขัดขวาง
“หลินสวิน เจ้าตายอย่างวางใจเถอะ ครั้งนี้ไม่ว่าจะบนฟ้าหรือใต้ดินก็ไม่มีใครสามารถช่วยเจ้าได้อีกแล้ว”
เสียงของอูหลิงเต้าเย็นชาแฝงความอำมหิต “และหลังจากเจ้าตาย ข้าจะเอากะโหลกเจ้ามาทำเป็นจอกเหล้า เอาเลือดของเจ้าผสมเหล้า!”
“น่าชังนัก!”
อูหลิงเต้าคำราม สีหน้าคล้ำเขียวอย่างที่สุด แววตาเหมือนจะพ่นไฟออกมา
ก่อนหน้านี้มักเป็นเขาที่สังหารผู้แข็งแกร่งข้ามขั้นข้ามระดับ แต่ตอนนี้กลับถูกคนอื่นข้ามขั้นมาโจมตีจนบาดเจ็บ นี่ทำให้เขายากจะยอมรับ!
ตูท!
เขาทะลวงผ่านห้วงอากาศเข้ามา เบื้องหลังแปลงเป็นปีกอีกาทองสองข้าง ตวัดตัดเข้าใส่หลินสวินราวกับกรรไกร
นี่คือการโจมตีขั้นเด็ดขาด สำแดงพลังของเขาถึงขีดสุด!
หากเป็นผู้แข็งแกร่งขอบเขตมกุฎคนอื่นย่อมยากจะต้านทาน จะถูกตัดโดยตรง
ชุดของหลินสวินโบกสะบัดตามสายลม บาดแผลของเขาสมานกลับเป็นปกตินานแล้ว เมื่อเผชิญกับการโจมตีนี้เขาก็ใช้กระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้ออกมาอย่างไม่ลังเล
ไม่เที่ยงแท้ ความหมายคือไร้รูปแบบจำกัด ราวกับตัวแปรมหามรรค!
ตั้งแต่ตอนที่หลินสวินยังอยู่ในระดับกระบวนแปรจุติ กระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้ก็เป็นไพ่ไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาแล้ว
และตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสำแดงกระบวนท่านี้ออกมาตั้งแต่ก้าวสู่ระดับมกุฎราชัน
“เหตุใดเขาไม่หลบ”
โม่เทียนเหอตะโกน
คนอื่นๆ ก็ตกใจเช่นกัน รู้สึกไม่เข้าใจอย่างที่สุด
แต่ทันใดนั้น พวกเขาก็เข้าใจในทันที!
ฟึ่บ!
จู่ๆ ศีรษะของอูหลิงเต้าก็หลุดออกจากบ่าอย่างไร้สุ้มเสียง
ที่น่าประหลาดคือ ตัวเขาเองคล้ายไม่รู้สึกตัว สีหน้ายังคงเจือความเดือดดาลเย็นชาและอำมหิต…
จนกระทั่งมีเสียงร้องด้วยความตกใจดังขึ้น เขาจึงตระหนักได้ถึงความผิดปกติ และเมื่อก้มหน้าลงถึงค่อยพบอย่างน่าตกใจว่า ร่างของตนหายไปแล้ว!
“นี่…”
เขาเบิกตาโพลง เต็มไปด้วยความตกใจ งงงวย แววตาในลูกตาเริ่มพร่าเลือน
จากนั้นสติพลันหลุดลอย ภาพตรงหน้ามืดลง ไร้ความรู้สึกอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ก่อนตาย เขาก็ยังคิดไม่ตกว่าตนถูกตัดหัวได้อย่างไร!
นี่ ก็คือกระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้!
การเปลี่ยนแปลงมากมายมาเยือน หากไม่สังเกตก็จะตัดสินเป็นตายได้ในพริบตา
ตึง!
พร้อมๆ กับการตายของอูหลิงเต้า ปีกอีกาทองคู่นั้นของเขาที่เพิ่งมาถึงตรงหน้าหลินสวินก็สลายไปโดยพลัน หายไปอย่างไร้ร่องรอย
และตั้งแต่ต้นจนจบ หลินสวินไม่เคยหลบหนี เงาร่างไม่ขยับสักนิด
คราวนี้ในที่สุดทุกคนก็เข้าใจแล้ว หลินสวินไม่จำเป็นต้องหลบจริงๆ เพราะอูหลิงเต้าได้ประสบเคราะห์โดยไม่รู้ตัวตั้งนานแล้ว!
เพียงแต่พอนึกถึงการตายที่แปลกประหลาดของอูหลิงเต้า ก็ยังคงทำให้ทุกคนในที่นั้นกลัวจนตัวสั่น ไอหนาวเย็นกระจายไปทั่วทั้งตัว ราวกับตกสู่โพรงน้ำแข็ง!
………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์