อูหลิงเต้าตายแล้ว!
มกุฎราชันผู้มีฉายา ‘ราชันสงครามน้อย’ แห่งเผ่าอีกาทองผู้นี้ บรรลุระดับอมตะเคราะห์ด้วยท่วงท่าสง่างามน่าตื่นตาหาใดเทียบ เดิมมีอนาคตอันเจิดจรัสยิ่งนัก
แต่ตอนนี้ พร้อมๆ กับความตายของเขา ทุกอย่างล้วนสลายกลายเป็นฝุ่น
ในที่นั้นเงียบสงัด ทุกคนจิตใจสะท้านสะเทือนเหม่อลอย
พลังต่อสู้ที่หลินสวินสำแดงออกมาแทบจะพลิกความเข้าใจของทุกคน
ตอนนี้พวกเขาถึงรู้ว่า แม้ทุกคนจะมีฐานะเป็นมกุฎราชัน แต่ก็มีความแตกต่างราวฟ้าดินอยู่ระหว่างมรรคาที่แตกต่างกันไป
ก่อนหน้านี้ ชายชุดขาวและอู่ซานหลินที่ตายด้วยน้ำมือหลินสวินล้วนถือเป็นบุคคลกร้าวแกร่ง
แต่ยามเผชิญหน้ากับหลินสวิน กลับไม่มีแรงแม้แต่ตั้งกระบวนท่า
ส่วนผู้แข็งแกร่งที่บรรลุระดับอมตะเคราะห์อย่างอูหลิงเต้า ก็ถูกหลินสวินปลิดชีพข้ามขั้นข้ามระดับ!
นี่ช่างเย้ยฟ้า
ใช้คำว่าปีศาจยังไม่เพียงพอจะบรรยายความวิปริตของหลินสวิน
ตอนนี้สายตาของทุกคนรวมทั้งเจิ้นอวิ๋นเฟิง โม่เทียนเหอที่มองไปยังหลินสวิน ล้วนซับซ้อนแปลกประหลาด เหมือนจับจ้องสัตว์ประหลาดที่ไม่เป็นไปตามหลักการตนหนึ่ง
ส่วนหลินสวิน ลมหายใจกลับติดขัดเล็กน้อย
การต่อสู้นี้สังหารสามคนอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญที่สุดก็คือใช้วิธีสังหารเด็ดขาดสองชนิดอย่างดรรชนีมหาอุดมสลายมายากับกระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้ ทำให้เขาผลาญพลังไปมากยิ่ง
นอกจากเรื่องนี้ บนร่างก็ไม่มีส่วนที่บุบสลายไปแม้แต่ปลายขน!
“หนี!”
ทันใดนั้นบนยานรบเพลิงลามลำนั้นมีคนหวีดร้อง แตกตื่นหลบหนี
อู่ซานหลินตายแล้ว อูหลิงเต้าก็ตายแล้ว ทำให้พวกเขาต่างสูญเสียที่พึ่ง จะยังกล้าอ้อยอิ่งได้อย่างไร
โครม!
ยานรบเพลิงลามออกตัว ส่งเสียงโครมครามออกมาเหมือนกระต่ายป่าที่ถูกทำให้ตื่นตระหนก บดขยี้ห้วงอากาศแล้วเคลื่อนไปไกลลิบ
“คิดจะหนีหรือ เคยถามปู่เจ้าหรือยัง”
มุมปากเจิ้นอวิ๋นเฟิงยกยิ้มเหี้ยมเกรียม พุ่งกระโจนออกไปก่อนแล้ว
คนอื่นต่างก็หัวเราะเหี้ยม ตามไปติดๆ
ก่อนหน้านี้เจ้าพวกนี้ล้วนกำเริบเสิบสาน ไม่ให้ความสำคัญกับพวกเขา ทำให้พวกเจิ้นอวิ๋นเฟิงล้วนรู้สึกอับอาย
ดีชั่วอย่างไรพวกเขาก็เป็นถึงระดับมกุฎราชัน! อีกทั้งเจิ้นอวิ๋นเฟิงและโม่เทียนเหอยังเป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณ รากฐานพลังไม่ด้อยไปกว่าอู่ซานหลิน
ในเวลาแบบนี้ พวกเขาย่อมไม่พลาดโอกาสที่จะซ้ำเติมเช่นนี้!
แม้แต่จี้ซิงเหยายังออกเคลื่อนไหวแล้ว ไอสังหารเดือดพล่านจากเนตรดารา เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้เทพธิดาจี้ก็เก็บกลั้นความโกรธเคืองไว้เต็มอก จำเป็นต้องระบายออกมาสักหน่อย
‘เจ้าก็พักผ่อนที่นี่เสีย เจ้าพวกนี้ให้พวกเราจัดการเอง’
ก่อนไปจี้ซิงเหยาสื่อจิตให้หลินสวิน คล้ายกังวลว่าเขาจะลงมือต่อ ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสลงมือซ้ำเติม
หลินสวินอึ้งไป แล้วจึงเลือกอยู่ที่เดิม
เขาปล้นสิ่งของที่อยู่บนร่างชายชุดขาว อู่ซานหลิงและอูหลิงเต้ารอบหนึ่งก่อน ปริมาณอันมากมายของทรัพย์หลังศึกที่ได้มาทำให้เขาออกจะประหลาดใจ
เมื่อจัดเรียงดู ถึงกับมีโอสถเทพสี่ต้น รวมถึงโอสถราชันสิบกว่าต้น
นอกจากนี้ยังมีวัตถุดิบวิญญาณและวัตถุดิบเทพนานาชนิด ล้วนเป็นของชั้นดีมีมูลค่าสูงล้ำ หาได้ยากในโลกภายนอก
หลินสวินเก็บทรัพย์หลังศึกเหล่านี้ แล้วนำโสมราชันเก้าใบต้นหนึ่งออกมาแทะกินอย่างกรุบกรอบเหมือนเคี้ยวหัวไชเท้า ในปากเต็มไปด้วยแสงพิสุทธิ์กับกลิ่นโอสถไหลทะลัก
หากเป็นแต่ก่อนที่ยังไม่เลื่อนระดับเป็นราชัน โอสถราชันย่อมเป็นสิ่งที่หรูหราฟุ่มเฟือยหาใดเทียบ เป็นไพ่ตายช่วยชีวิต
แต่ตอนนี้ แค่โอสถราชันที่เขารวบรวมมาไว้ในครอบครองก็มีมากถึงหลักร้อยต้น!
โดยมากเป็นทรัพย์หลังศึกที่ริบมาจากศัตรู และมีที่ตนเก็บมาได้เอง
จากจุดนี้ก็เห็นได้ว่าการปล้นศัตรูย่อมเป็นวิธีรวบรวมทรัพย์สินที่ง่ายดายและหยาบกระด้างที่สุด แน่นอนว่ายังคาวเลือดมากด้วย ทั้งจำเป็นต้องรับความเสี่ยงแห่งความเป็นความตาย
หลินสวินกินโสมราชันเสียงดังกรุบๆ จนหมดเกลี้ยงเพื่อเติมเต็มพลังที่เสียไปในร่างกาย จากนั้นถึงทะยานขึ้นฟ้าไป สายตามองไปยังเพลิงมรรคที่อยู่บนยอดเขาสีเงินดวงนั้น
สวบ!
ทว่าตอนที่เขาเพิ่งเตรียมจะลงมือ เงาดำเหมือนผีเงาหนึ่งก็โฉบมาอย่างรวดเร็ว ยกกระทะดำใบใหญ่ใบหนึ่งขึ้นเสียงดังเคร้ง ก็เก็บเพลิงมรรคสีเงินลูกนั้นไป
เป็นนกทมิฬตัวนั้น!
ขนาดหลินสวินยังคิดไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่จะโผล่มาปุบปับในเวลาแบบนี้ หนำซ้ำยังเข้าใจแก่นแห่งการขโมยเป็นอย่างดี เคลื่อนไหวลื่นไหลไม่สะดุด เก็บเพลิงมรรคสีเงินที่ตนหมายตาไว้ไปแล้ว!
เจ้านกทมิฬตัวนี้ผิวปากอย่างพวกอันธพาลได้ใจ แล้วจึงกระพือปีกบินจะหนีไป
“ต้าเฮย เจ้าหยุดอยู่ตรงนั้นนะ!”
หลินสวินไม่เหมือนแต่ก่อนนานแล้ว ทั้งมีการเตรียมป้องกันเจ้านกทมิฬขี้ขโมยตัวนี้ไว้ก่อนแล้ว จึงชิงนำหน้าก้าวหนึ่ง เข้าไปขวางหน้านกทมิฬ
“อุ๊ย สหายน้อย เราเจอกันอีกแล้วนะ บังเอิญจริงๆ”
นกทมิฬท่าทางเหนือความคาดหมาย ดูประหลาดใจราวกับเพิ่งเห็นหลินสวิน
“เลิกเสแสร้งเสียที เอามา!”
ดวงตาดำของหลินสวินดุจสายฟ้า จ้องเจ้านกหัวขโมยผู้เจ้าเล่ห์และใจดำหาใดเทียบ ไอสังหารพลุ่งพล่าน
ตอนที่พบกันครั้งแรกคือที่อารามเก่าแก่ผุพังในส่วนลึกของแม่น้ำพรมแดน เจ้านี่ถูกบูชาอยู่ในซุ้มธรรมซุ้มหนึ่ง
การพบกันครั้งที่สองก็คือที่แดนเผาเซียน เจ้านี่แบกกระทะดำใบหนึ่งไว้ คิดจะโจมตีเขาจากข้างหลังสองครั้ง
ตอนนี้ถือว่าเป็นครั้งที่สามที่พวกเขาเจอกันแล้ว
หลินสวินมีความประทับใจเพียงอย่างเดียวต่อเจ้านกหัวขโมยตัวนี้ ใจดำ เจ้าเล่ห์ อันธพาล!
ลูกตานกทมิฬหมุมติ้ว จากนั้นก็พูดอย่างรุนแรงหยาบคายว่า “พ่อหนุ่ม ข้าชื่นชมเจ้านะถึงเรียกเจ้าว่าสหายน้อย เจ้ายังจะคิดว่าตัวเองร้ายกาจมากจริงๆ หรือ รีบหลบไป ถ้ากล้ามาขวางทางข้าอีกก็คงต้องเล่นงานเจ้าให้ตาย”
หลินสวินคร้านจะพูดไร้สาระกับมันจึงพูดว่า “บอกตำแหน่งที่แน่ชัดมา แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป”
นกทมิฬเหมือนสังเกตได้ว่าอารมณ์ของหลินสวินแปลกไป จึงเอ่ยอย่างสงสัยว่า “สหายน้อย หรือว่า…”
“จะพูดไหม” หลินสวินนิ่วหน้า ตัดบทอีกครั้ง
นกทมิฬเกือบอดไม่อยู่จะสบถด่าอีกครั้งหนึ่ง เจ้าหมอนี่ถึงกับกล้าพูดจากระโชกโฮกฮากกับตนหลายครั้งหลายครา ช่างไร้การอบรมจริงๆ
แต่สุดท้ายมันก็อดกลั้นไว้แล้วบอกตำแหน่งนั้นไป
หลินสวินทำตามสัญญาจริงๆ ไม่สร้างความลำบากให้อีก นี่กลับทำให้นกทมิฬออกจะเหนือความคาดหมาย
ก่อนไปมันหันหน้ามาแล้วพูดว่า “ยังจำกู่ฝอจื่อที่ข้าเคยบอกเจ้าได้ไหม เจ้าต้องระวังเขาไว้นะ”
พูดจบมันก็กระพือปีกแล้วโฉบไปในอากาศ
กู่ฝอจื่อหรือ
ประกายเย็นเยียบไหวเคลื่อนในดวงตาดำของหลินสวิน เขาไม่มีความรู้สึกดีกับผู้สืบทอดอารามกษิติครรภ์สักนิด
ที่ทำให้หลินสวินตะลึงก็คือ เจ้านกทมิฬนั่นจากไปแล้วแต่ดันย้อนกลับมาอีกครั้ง
มันมีท่าทางซับซ้อนหาใดเทียบ กล่าวว่า “สมมตินะ ข้าจะบอกว่าสมมติถ้าเจ้าเอาชนะกู่ฝอจื่อไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำลายคัมภีร์มหาครรภ์จุติกับไม้โพธิ์ทิ้งให้หมด!”
พูดจบมันก็กัดฟันโกรธเกรี้ยว
“ในนี้มีอะไรสำคัญหรือ” หลินสวินนิ่วหน้า
“เฮ้อ เรื่องนี้พูดไปก็ยุ่งยากนัก เจ้าแค่ต้องรู้ว่าถ้าเจ้าไม่ตาย อารามกษิติครรภ์จะไม่รามือเด็ดขาด!”
พูดจบนกทมิฬก็กระพือปีกเคลื่อนตัดอากาศไป
คราวนี้มันไม่ได้กลับมาอีก
หลินสวินเงียบไป ในใจว้าวุ่นอยู่บ้าง
ในคัมภีร์มหาครรภ์จุติกับไม้โพธิ์ท่อนนั้นมีความลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่ ทำไมถึงทำให้อารามกษิติครรภ์ยึดติดกับการกำจัดตนนัก
‘ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ก่อนก็คงจับเจ้านกหัวขโมยนี่ไว้แล้ว…’
หลินสวินทอดถอนใจในใจ สิ่งที่นกหัวขโมยตัวนี้รู้มีมากกกว่าที่เขาคาดคิดไว้ แต่กลับเจ้าเล่ห์ถึงที่สุด ปากก็แข็งนัก
บางทีนี่อาจจะเป็นผลกรรม
ตนได้รับวาสนาที่อริยสงฆ์ตู้จี้กับนางพญาหงส์ทมิฬทิ้งไว้ จึงต้องรับอันตรายที่ต้องเผชิญเช่นเดียวกัน!
‘กู่ฝอจื่อ…’
ในใจหลินสวินนึกถึงชื่อนี้อีกครั้ง
ในขณะเดียวกันใต้เวิ้งฟ้าไกลออกไป นกทมิฬก็รำพึงในใจว่า ‘ผลกรรมครั้งนี้ใหญ่หลวงเกินไปแล้ว เจ้าเด็กนี่… จะรับไว้ได้ไหมนะ…’
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์