Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1256

สรุปบท ตอนที่ 1256 เป็นที่จับตามองทั่วทิศ: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1256 เป็นที่จับตามองทั่วทิศ – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บท ตอนที่ 1256 เป็นที่จับตามองทั่วทิศ ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

หลังจากนี้สามวัน บุตรนรกจะนำผู้แข็งแกร่งแดนนรกมาสังหารหลินสวิน ล้างบางเรือนกระบี่เร้นปุจฉา!

วันนั้นข่าวนี้ม้วนพัดออกไปราวพายุ พริบตาก็ชักนำให้เกิดเสียงฮือฮาและตกตะลึงไม่รู้เท่าไหร่

ผ่านไปหลายวัน ในที่สุดบุตรนรกก็ตัดสินใจออกโจมตีแล้วรึ

“ไป ไปดูกัน บุตรนรกนี่ครองพลังต่อสู้ระดับอมตะเคราะห์ด่านสี่ แม้จะไม่เคยผ่านการทดสอบ แต่ด้วยพลังของเขาคิดอยากก้าวขึ้นไปอยู่ในสามสิบอันดับแรกของกระดานทองคำผู้กล้าคงไม่ยาก!”

“ส่วนเขาจะแข็งแกร่งเท่าไรนั้น หลังสู้ศึกนี้กับเทพมารหลินย่อมได้รู้แน่”

ยอดบุคคลบางส่วนต่างนั่งกันไม่ติด ออกเคลื่อนไหวจากต่างสถานที่ รีบมุ่งหน้าไปยังอาณาเขตเขาจำศีลหัวโล้น

เพียงพริบตา บริเวณใกล้เขาจำศีลหัวโล้น เงาร่างของผู้ฝึกปราณเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“นั่นมัน?”

มีคนร้องเสียงหลง เห็นพญาเผิงปีกทองตัวหนึ่งพุ่งทะลวงเวิ้งฟ้า เงามืดใต้ปีกครอบคลุมทิวเขาสิ้น แสงทองส่องประกายแผ่อบอวล

ฟุ่บ!

เมื่อพญาเผิงปีกทองล่องสู่พื้นก็กลายเป็นชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง มีเพียงดวงตาที่เป็นสีทองบาดตา

“ราชันเผิงปีกทองน้อย!”

คนไม่น้อยสูดหายใจเย็น ราชันเผิงปีกทองน้อยนี่ก็เป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณคนหนึ่งที่ปรากฏตัวในแดนมกุฎเหมือนบุตรนรก พลังต่อสู้แข็งแกร่งหาใดเปรียบ

เพียงแต่การกระทำของเขาซ่อนงำเป็นอย่างยิ่ง ราวกับเทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง

แต่ตอนนี้เขาก็มาเขาจำศีลหัวโล้นด้วย!

ตูม!

หงส์เซียนตัวหนึ่งส่งเสียงกังวาน ยามสยายปีกโฉบกลางนภาห้วงอากาศต่างทรุดตัวลง ส่งเสียงกัมปนาทราวฟ้าผ่า ทันทีที่ปรากฏตัวละอองแสงงามตระการผุดผ่องพร่างพราว กลายเป็นหญิงสาวรูปงามสงบเงียบคนหนึ่ง

ทายาทเผ่าหงส์เซียน ผู้สืบทอดตำหนักปรกอุดมลั่วเจีย!

นี่ก็เป็นผู้กล้าหญิงคนหนึ่งที่เจิดจรัสหาใดเปรียบ

“หึๆ วันนี้ช่างครึกครื้นจริงๆ”

พร้อมๆ เสียงหัวเราะ เงาร่างหนึ่งเหยียบแสงกระบี่รุ้งเขียวทลายนภามาเยือน

นี่คือชายร่างสูงกำยำคนหนึ่ง สวมชุดดำราวหมึกเขียน ผมขาวดุจหิมะทั้งศีรษะ ใบหน้างดงามหนักแน่นราวรูปสลัก

ในที่นั้นพลันเกิดความไม่สงบ รู้ว่าคนที่มาคือผู้สืบทอดลัทธิเทพต้นกำเนิดเย่หมัวเฮอ!

เหตุการณ์ต่างๆ ที่คล้ายกันทยอยปรากฏในเวลาต่อมา ทำให้ผู้ฝึกปราณละแวกใกล้เคียงมองไม่ทันอยู่บ้าง ลานตาไปหมด

ในอดีตที่ผ่านคิดอยากเจอบุคคลที่เจิดจรัสในนี้สักคนยังยาก แต่ตอนนี้กลับทยอยมาไม่ขาดสาย!

เหตุการณ์สำคัญเช่นนี้ใครจะเคยเจอเล่า

“การต่อสู้นี้ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็ต้องเป็นที่จับตามองของมวลชน ปั่นป่วนไปทั่วแดนเก้าบนแน่!”

ทุกคนต่างมีลางสังหรณ์อย่างหนึ่ง เมื่อบุตรนรกนำกองทัพใหญ่มา การต่อสู้ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นประวัติการณ์ก็จะเปิดฉาก

เพียงแต่ความจริงแล้วคนส่วนใหญ่ค่อนข้างกังวลแทนหลินสวินอยู่บ้าง

ทุกคนต่างรู้ว่าบุตรนรกก้าวสู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านสี่แล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่เพียงพลังปราณก็จัดการหลินสวินได้แล้ว!

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินจะกล้ารับคำท้าหรือไม่

แน่นอนว่าทุกคนต่างรู้ดี ไม่ว่าหลินสวินจะกล้าสู้หรือไม่ บุตรนรกมาคราวนี้ต้องลงมืออย่างเหี้ยมโหดแน่

“ช่วงนี้แดนเก้าบนอยู่ในสภาวะค่อนข้างสงบ ใครจะคิดว่าด้วยการมีชีวิตรอดกลับมาของหลินสวินจะก่อให้เกิดคลื่นลมอีกครั้ง สมเป็นบุคคลระดับเทพมารจริงๆ”

คนมากมายต่างทอดถอนใจ

โลกภายนอกสถานการณ์ปรวนแปร บนเขาจำศีลหัวโล้น ผู้สืบทอดเรือนกระบี่เร้นปุจฉาทุกคนก็หนักอกหนักใจ หน้าตาจริงจัง

บุตรนรกจะนำกองทัพใหญ่มารุกราน จะไม่ให้พวกเขาประหม่าได้อย่างไร

แต่ที่ทำให้จี้ซิงเหยาและโม่เทียนเหอตื่นตะลึงคือ ภายใต้สถานการณ์ตึงเครียดหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ หลินสวินกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดินเล่นทั่วเขาจำศีลหัวโล้น

เขาบ้างเด็ดดอกไม้ใบหญ้าสองสามต้น บ้างสะบัดแขนเสื้อขุดรากต้นไม้ใหญ่มากมายย้ายไปไว้ที่อื่น

บ้างเอื้อมมือคว้าพยับเมฆไปคลุมศิลาภูเขา

บ้างเข้าไปในถ้ำขุดอุโมงค์ดังตึงตัง

เวลาสั้นๆ แค่สองวัน เขาจำศีลหัวโล้นที่เดิมทีงดงามเงียบสงบไม่เหลือเค้าเดิมอีกต่อไป ทุกหนแห่งระเนระนาดทั่ว

“พี่หลิน พรุ่งนี้กองทัพแดนนรกที่นำโดยบุตรนรกจะมาที่นี่อย่างไม่ผิดจากที่คาด เจ้าคิดว่าพวกเราควรเตรียมการอะไรบ้าง”

โม่เทียนเหอกล่าวว้าวุ่นใจ

นี่เป็นครั้งที่หกที่เขามาหาหลินสวินแล้ว

“บอกแล้วไม่ใช่รึ พวกเจ้าไม่ต้องทำอะไรเลย แค่อยู่บนเขาดูละครก็พอ”

ขณะกล่าวหลินสวินหยิบหินไพฑูรย์ขนาดประมาณอ่างล่างหน้าก้อนหนึ่งขึ้นมา ฝังประดับลงไปในซอกหินด้านข้างที่เพิ่งขุดออก

เขาท่าทางผ่อนคลายนั่งเอกเขนก แต่กลับทำให้โม่เทียนเหอยิ้มขื่นทันที “พี่หลิน นี่มันเวลาไหนแล้ว เจ้าควรบอกได้แล้วกระมังว่าเจ้าจะทำอะไรกันแน่”

“ถึงตอนนั้นเจ้าก็จะรู้”

หลินสวินเผยรอยยิ้มมีเลศนัย

สุดท้ายโม่เทียนเหอพลันถอนใจ หันหลังจากไป

แม้หลินสวินจะบอกให้พวกเขานั่งดูคลื่นลมก็เถอะ แต่… พวกเขาจะอยู่เฉยได้อย่างไรเล่า

ยามนี้ใกล้ๆ เขาจำศีลหัวโล้นมีบุคคลร้ายกาจมารวมตัวไม่รู้เท่าไหร่ เรียกได้ว่าเป็นคลื่นใต้น้ำซัดสาด พายุฝนกำลังมา

ไม่ว่าใครเจอภาพเหตุการณ์นี้เกรงว่าคงไม่อาจสงบนิ่งแล้ว

“เขาว่าอย่างไรบ้าง”

ในโถงใหญ่จี้ซิงเหยากล่าวถาม

“ให้พวกเรารอดูละคร ไม่ต้องทำอะไรเลย”

โม่เทียนเหอพลันปวดกบาล

“เช่นนั้นก็ดูละคร”

จี้ซิงเหยากลับเป่าปากโล่งใจเฮือกใหญ่ ผ่อนคลายไปทั้งตัวแล้วกล่าวเนิบช้า “เจ้าไม่รู้จักหลินสวิน แต่ข้ารู้จักดี ทำไมเจ้าหมอนี่ถูกมองเป็นเทพมาร ประโยคเดียวง่ายๆ ทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้!”

“แต่นั่นคือกองทัพแดนนรก ยังมีบุตรนรกมาเองด้วย!”

ในที่สุดกองทัพแดนนรกขบวนนี้ก็หยุดอยู่หน้าเขาจำศีลหัวโล้น

บรรยากาศเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นหาใดเปรียบ ท้องฟ้าที่เดิมปลอดโปร่งเวลานี้เปลี่ยนเป็นมืดสลัว ถูกไอชั่วร้ายโหมกระหน่ำปกคลุม

หากเปลี่ยนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับต่ำกว่าราชันคงไม่กล้ายืนอยู่ที่นี่แน่ แค่อานุภาพกดดันชวนประหวั่นนั่นก็พอจะบดขยี้พวกเขาให้ละเอียดแล้ว!

“วันนี้แดนนรกของข้าจะสังหารหลินสวินที่นี่ ล้างบางเขาจำศีลหัวโล้น ผู้ไม่เกี่ยวข้องทางที่ดีอยู่ห่างไปหน่อยจะดีกว่า!”

ในความเงียบสงัด เสียงของบุตรนรกทุ้มต่ำดังกระหึ่มราวฟ้าคำราม

ผู้ฝึกปราณมากมายในใจเครียดขมึง ถอยห่างออกไปอีกหน่อยตามจิตใต้สำนึก

แต่บุคคลอย่างราชันเผิงปีกทองน้อย เย่หมัวเฮอ ต่างมีความสามารถของตัวเอง ไม่มีทางถูกคำพูดเช่นนี้ทำให้หวั่นหวาดจนถอยร่น

“ข้ารู้ว่าทุกท่านมาดูเรื่องสนุก แต่ขอพูดเผื่อไว้ก่อน ในการฆ่าฟันที่จะเกิดขึ้น ใครกล้าสอดมือเข้ามายุ่งจะถือว่าเป็นศัตรูกับแดนนรกของข้า สังหารไม่ละเว้น!”

นัยน์ตาบุตรนรกกวาดมองทั่วลาน สีหน้าอำมหิต

แน่นอนว่าเขาก็สังเกตเห็น ว่าในที่นั้นไม่ขาดแคลนบุคคลร้ายกาจชั้นยอดบางส่วน ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวเตือนไว้ก่อน

“รีบสู้เถอะ อย่าทำให้คนอื่นเสียเวลา”

ทันใดนั้นเสียงหงุดหงิดหนึ่งดังขึ้น

ทุกคนพลันตกตะลึงเงยหน้าขึ้นมอง ไม่นานก็พลันกระจ่าง คนที่เอ่ยปากคือราชันเผิงปีกทองน้อย

บุตรนรกเหลือบมองราชันเผิงปีกทองน้อยวูบหนึ่ง ไม่พูดอะไรมากอีก

จากนั้นเขาก้าวไปข้างหน้า สองมือไพล่หลัง นัยน์ตาพลันมองไปยังเขาจำศีลหัวโล้นที่ห่างออกไป ปากตวาดลั่น…

“หลินสวิน ไสหัวออกมารับความตายซะ!”

เสียงสะเทือนเก้าชั้นฟ้า ปั่นป่วนไปทั่วจตุทิศ

กลางฟ้าดินเต็มไปด้วยเสียงกึกก้องทันที ไอสังหารเย็นยะเยียบเสมือนคงอยู่จริง ทำให้ห้วงอากาศทรุดตัวลง ก้อนหินต้นไม้ใกล้เคียงถูกป่นละเอียดชั่วพริบตา!

เหล่าผู้กล้าหันมองไปยังเขาจำศีลหัวโล้นโดยพร้อมเพรียง

“ฟังคำข้า พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ ไม่ว่าอย่างไรห้ามก้าวออกจากประตูเขาเด็ดขาด”

บนเขาจำศีลหัวโล้น หลินสวินกำชับหนักแน่น

จี้ซิงเหยา โม่เทียนเหอและผู้สืบทอดเรือนกระบี่เร้นปุจฉาทุกคนต่างเผยสีหน้ากังวล ครั้งนี้ขุมอำนาจแดนนรกราวกับยกขบวนมาทั้งรัง สถานการณ์อันตรายกว่าที่พวกเขาคาดคะเน!

นี่ทำให้จี้ซิงเหยาเริ่มไม่สงบแล้ว

แต่สุดท้ายด้วยท่าทางเด็ดขาดมั่นคงนั้นของหลินสวิน พวกเขาจึงตกปากรับคำอย่างพร้อมเพรียง

“วางใจเถอะ ต่อให้อานุภาพของแดนนรกนั่นยิ่งใหญ่แค่ไหนก็เป็นแค่ตัวตลกมารชรากลุ่มหนึ่ง สะกิดนิดเดียวก็ล้ม”

หลินสวินยิ้มเยาะ หันหลังก้าวขึ้นไปบนอากาศ

พร้อมกันนี้เสียงเยียบเย็นหาใดเปรียบนั่นของบุตรนรกดังขึ้นกลางฟ้าดิน ราวอสนีบาตทะลวงหู

เทียบกับคำพูดหลินสวินเมื่อครู่แล้ว พวกจี้ซิงเหยาต่างจิตใจปั่นป่วนทันที อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น

…………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์