Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1265

สรุปบท ตอนที่ 1265 คัมภีร์พ้นดีชั่ว: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 1265 คัมภีร์พ้นดีชั่ว จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 1265 คัมภีร์พ้นดีชั่ว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

นกทมิฬสื่อจิตรวดเร็วว่า ‘แก้ปัญหาที่อยู่ตรงหน้าก่อน อีกประเดี๋ยวข้าจะอธิบายความจริงกับเจ้า ทว่าเจ้าวางใจได้ ร่างต้นของกู่ฝอจื่อไม่ได้แข็งแกร่งมากกว่าเท่าไหร่หรอก’

หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ

จากนั้นเขากวาดสายตาไปทั่วลาน กวาดมองผ่านร่างของผู้ฝึกปราณทั้งหมด รับรู้ถึงสีหน้าสะท้านไหว ตื่นตระหนก หวาดผวาของพวกเขาทั้งหมด

“พวกเจ้าไปเถิด”

เมื่อหลินสวินเอ่ยคำดังกล่าวออกมา ทำให้ผู้แข็งแกร่งส่วนใหญ่ในที่นั้นถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

การถูกขังไว้ในค่ายกลแห่งนี้ พวกเขาย่อมหวั่นเกรงว่าพูดไม่เข้าหูสักคำ หลินสวินจะมาระบายอารมณ์กับผู้มาชมดูความครึกครื้นอย่างพวกเขา

แต่เห็นได้ชัดว่าแม้หลินสวินจะมีฉายาว่าเทพมาร แต่ก็มิได้ฆ่าผู้บริสุทธิ์เป็นผักเป็นปลา

“ขอบคุณสหายยุทธ์หลิน”

“ขอให้สหายยุทธ์หลินกอบกู้สถานการณ์กำราบศัตรูทั้งมวลได้สำเร็จ จากนี้ต่อไปในแดนเก้าบนไม่มีผู้ใดกล้าดูแคลนสหายยุทธ์อีก”

“ภูผาไม่แปรผัน สายชลทอดยาวไม่สิ้นสุด สหายยุทธ์หลินโปรดรักษาตัว!”

ท่ามกลางเสียงพูดคุยสับสนวุ่นวาย เหล่าผู้ฝึกปราณต่างทยอยออกจากลานไป

เพียงแต่ภายในใจของพวกเขากลับยังไหวหวั่น

การต่อสู้ในวันนี้พลิกไปมาเปลี่ยนแปลงมากมาย นี่สามารถคาดเดาได้ว่า ในไม่ช้าทั่วทั้งแดนเก้าบนจะต้องสะเทือนจากข่าวการต่อสู้ครั้งนี้

“พี่หลิน ข้าน้อยเย่หมัวเฮอ ถึงแม้ตอนนี้จะเหลือเวลาก่อนแดนมกุฎปิดฉากแค่ไม่กี่ปี แต่หวังว่าสักวันจะได้แลกเปลี่ยนความรู้กับเจ้า”

เย่หมัวเฮอส่งเสียงตะโกนจากไกลๆ

“นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”

หลินสวินกำหมัดคาราวะพลางเอ่ยรับกลับไป

เย่หมัวเฮอยิ้มเล็กน้อยค่อยหันหลังเดินจากไป

การต่อสู้ในวันนี้ทำให้เขาประจักษ์ถึงพลังต่อสู้ของหลินสวิน ภายในใจก็เกิดอยากเอาชนะขึ้นมาแล้ว จึงเป็นฝ่ายเริ่มเชิญชวนด้วยตัวเอง

“หลินสวิน เจ้าอย่าเพิ่งได้ใจไป แม้บุตรนรกจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่นับเป็นตัวอะไร หากมีโอกาส วันหน้าข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ซึ้งว่าอะไรถึงจะเรียกว่าแข็งแกร่งที่สุด!”

ราชันเผิงปีกทองน้อยเอ่ยวาจาด้วยน้ำเสียงเย็นชา เพิ่งสิ้นเสียงก็แปลงเป็นพญาเผิงปีกทองบินล่องนภาครามจากไป

หลินสวินขมวดคิ้วน้อยๆ

กลับเห็นลั่วเจียหัวเราะพลางกล่าวว่า “อย่าไปสนใจคนผู้นี้เลย เขาเป็นลูกหลานสายเลือดพญาเผิงปีกทอง ปลุกสายเลือดบรรพชนขึ้นมาแล้ว นิสัยจึงดุร้ายโหดเหี้ยมเหลือจะเอ่ย ที่เขากล่าวเช่นนั้นก็เพราะในใจไม่อาจยอมรับเจ้าก็เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาร้ายอันใด”

หลินสวินไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ

ไม่ทันไรผู้ฝึกปราณในที่นั้นต่างทยอยจากไปปแล้ว เหลือไว้เพียงภูเขาสายธารที่ถูกทำลายพินาศระหว่างการต่อสู้ก่อนหน้านี้

“ไปเถิด พวกเรามุ่งหน้าไปกลางเขากัน”

เขากวาดสายตามองไปยังพวกลั่วเจีย เยวี่ยเจี้ยนหมิง เผยรอยยิ้มจากใจจริงให้ แล้วจึงเชิญพวกเขาขึ้นเขาจำศีลหัวโล้นไปด้วยกัน

……

บุตรนรกนำทัพขุมอำนาจแดนนรกออกเดินอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร หมายสังหารหลินสวิน ล้างบางเขาจำศีลหัวโล้น

แต่ผลสุดท้ายบุตรนรกกลับถูกหลินสวินกำราบในการต่อสู้ หลงเหลือเพียงเสี้ยววิญญาณที่หนีรอดไปได้ อำนาจอิทธิพลของขุมอำนาจแดนนรกอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร จึงพังครืนลงเสียก่อนจะออกรบ!

ข่าวนี้แพร่สะพัดอย่างรวดเร็วเหนือคาด วันเดียวก็กระจายทั่วแดนเก้าบน ทำให้ฟ้าสะเทือนฟ้าดินสะท้าน

ขณะเดียวกันข่าวที่กู่ฝอจื่อปรากฏตัวอีกครั้ง แต่กลับโดนหลินสวินกังขังกำราบก็แพร่กระจายตามกันไป

ชั่วขณะเดียวในแดนเก้าบนก็ครึกโครมถ้วนทั่ว!

“อาศัยศึกในวันนี้ ทำให้หลินสวินสามารถเข้าไปอยู่ในหมู่ยักษ์ใหญ่นายเหนือหัวในรุ่นเดียวกันได้แล้ว!”

“ก็ไม่รู้ว่าเทพมารหลินในตอนนี้ จะสามารถชิงอันดับได้สูงแค่ไหนในกระดานทองคำผู้กล้า…”

“ขุมอำนาจแดนนรกเตรียมแตกซ่านได้แล้ว…”

“เงียบหายไปสี่ปี พอปรากฏตัวชื่อเสียงก็เกริกก้องทั่วใต้หล้า ภายภาคหน้าแดนเก้าบนนี้ใครเล่าจะฉุดรั้งการผงาดของหลินสวินได้”

ทุกคนต่างวิพากษ์วิจารณ์ ฮือฮาไม่หยุดหย่อน

อีกทั้งพร้อมๆ กับเวลาที่เคลื่อนผ่านไป ข่าวการต่อสู้ที่เกิดขึ้นหน้าเขาจำศีลหัวโล้นครั้งนี้ยังแผ่กระจายไม่รู้จบ

……

เขาจำศีลหัวโล้น ยอดเขาหม่อนเขียว

ป่าไผ่ไหวเอน สายธาราใสไหลริน

พวกหลินสวิน จี้ซิงเหยา โม่เทียนเหอ ลั่วเจีย เยวี่ยเจี้ยนหมิงนั่งลงบนพื้น บนโต๊ะเตี้ยมีเหล้าเซียน ผักผลไม้ ชาวิญญาณวางเรียงราย

ทุกคนบ้างจิบชาดื่มสุรา บ้างพูดคุยระรำลึกความหลัง สบายอกสบายใจอย่างยิ่ง

ยามนั้นแผ่นฟ้าปลอดโปร่ง เมฆลอยเอื่อย ป่าไผ่ใกล้ๆ ส่ายไหว ลำน้ำไหลเวียน งดงามและปลีกวิเวก ‘คนวิถีเดียวกัน’ รวมตัวย่อมต้องเบิกบานสบายใจ

“เจี้ยนหมิง ได้ยินว่าหลายปีมานี้เจ้าวิ่งเต้นเพื่อข้ามาตลอด มา ข้าขอดื่มให้เจ้าจอกหนึ่ง”

หลินสวินยกจอกขึ้นพลางหัวเราะไปด้วย

นับตั้งแต่แยกทางกับเยวี่ยเจี้ยนหมิงที่แดนฐิติประจิม หลินสวินก็ไม่ได้พบหน้าเขามาหลายปีแล้ว

“ดี!”

เยวี่ยเจี้ยนหมิงดื่มหมดจอก เบิกบานยิ่งนัก

ปีนั้นหลินสวินเคยช่วยชีวิตเขาไว้ บุญคุณยิ่งใหญ่เช่นนี้เขาย่อมไม่เคยลืมเลือน!

“แม่นางลั่วเจีย ครั้งนี้ก็ขอบคุณเจ้าที่มาเช่นกัน”

หลินสวินยกจอกสุราอีกหน

“ธรรมะและอธรรม ดีและชั่วสองร่างเดินในมรรคาที่แตกต่างกันสิ้นเชิง ทว่าปลายทางย่อมมาบรรจบ เมื่อบำเพ็ญจนถึงขีดสุด ดีและชั่วทั้งสองร่างย่อมกลับมารวมเป็นหนึ่งไม่มีการแบ่งแยกอีก กำเนิดเป็นอริยพุทธร่างแก้วองค์หนึ่ง อัศจรรย์หาใดเทียบ”

นกทมิฬกล่าวมาถึงตรงนี้ก็พลันแสยะยิ้ม

“ทว่ากู่ฝอจื่อผู้นี้มีความทะเยอทะยานมาก เขาต้องการสลับขั้วดีชั่ว ใช้ร่างต้นยึดถืออธรรม ร่างแยกครองธรรมะ ใช้เส้นทางที่แตกต่างเสาะหา หลุดพ้นจากคัมภีร์พ้นดีชั่วที่อาจารย์เขาสร้างไว้ สรรสร้างวิถีใหม่”

“แต่ที่น่าเสียดายคือ แม้เขาจะมีพรสวรรค์เป็นเลิศ แต่อย่างไรก็ไม่เคยเป็นอริยะ ไม่รู้แน่ชัด ได้แค่อาศัยสติปัญญาของตน อย่างไรก็ไม่อาจสำเร็จ”

“ตัวเขาในตอนนี้ไม่อาจแบ่งแยกดีชั่วได้โดยสมบูรณ์ เดินผิดทางโดยสิ้นเชิงแล้ว!”

หลินสวินขมวดคิ้วกล่าว “ผิดทาง?”

นกทมิฬทอดถอนใจทันใด “ใช่ ผิดทาง กระนั้นกู่ฝอจื่อนี่กลับมีโชควาสนามากล้น กล่าวตามหลักแล้วหากเขาดึงดันบำเพ็ญเพียรต่อไป ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่”

“แต่ใครเล่าจะคาดคิดว่าเขากลับเสาะหาวาสนาพลิกฟ้าเจอในแดนเก้าบนแห่งนี้ ช่วยเติมเต็มจุดบกพร่องในกายของเขา เหยียบย่างบนมรรคาที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง!”

เมื่อหลินสวินได้ยินดังนั้นก็จนคำพูดไปชั่วขณะ

ทันใดนั้นเขาตระหนักได้ถึงคำถามหนึ่ง จึงกล่าวว่า “ร่างแยกของกู่ฝอจื่อที่ถูกกำราบวันนี้ คงไม่ได้บำเพ็ญวิชาในวิถีดีกระมัง”

“ถูกต้อง” นกทมิฬพยักหน้า

สีหน้าของหลินสวินแปลกพิกลไปครู่หนึ่ง เจ้าคนโหดเหี้ยมอำมหิต ไร้ยางอาย ทำได้ทุกสิ่งเช่นนี้ ถึงกับเป็นผู้บำเพ็ญในวิถีดี?

นี่มันเหลวไหลทั้งเพ!

“เจ้ายึดติดไปแล้ว”

นกทมิฬกล่าวเตือนสติ “ดีและชั่วในใจของกู่ฝอจื่อใช่ว่าจะเป็นดีและชั่วในแบบที่เจ้าเข้าใจ เพราะการแบ่งแยกดีและชั่ว แต่ละคนย่อมมีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป”

“ก็เหมือนกับร่างแยกด้านดีของกู่ฝอจื่อ บางทีในมุมมองของเขา การกำจัดเจ้าก็คือการทำเรื่องดีเรื่องหนึ่ง”

เห็นได้ชัดว่าคำอธิบายนี้ช่างเลื่อนเปื้อน

แต่หลินสวินกลับเข้าใจแล้ว เอ่ยว่า “เช่นนั้นร่างต้นของเขาที่ยึดถือวิถีชั่ว จะไม่น่ากลัวยิ่งกว่าร่างแยกหรือ”

นกทมิฬพยักหน้า “เป็นเช่นนั้นจริง แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากกว่าเท่าไร เขาจำเป็นต้องรักษาความสมดุลระหว่างดีชั่ว จึงจะสามารถรักษาความกระจ่างใสของจิตใจได้ มิฉะนั้นไม่ว่าร่างต้นหรือร่างแยกแข็งแกร่งเกินไป สำหรับเขาแล้วล้วนเป็นเรื่องร้าย”

“เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าร่างต้นของเขาอยู่ที่ใด” หลินสวินเอ่ยถาม

“แดนธรรมสถูป!”

นกทมิฬเอ่ยออกมาชัดแจ้งทีละคำ

ทันใดนั้นหลินสวินก็นึกถึงเรื่องเมื่อหลายวันก่อนขึ้นมาได้ ยามอวี่หลิงคงที่ขจัดจิตมารได้สำเร็จกำลังจะจากไป เคยบอกกับตนว่าหากอยากหากู่ฝอจื่อ ให้ลองไปแดนธรรมสถูป!

อีกทั้งเขาเคยถามจี้ซิงเหยาและได้รู้ว่าแดนธรรมสถูปนั่นตั้งอยู่ในแดนคีรีอีสาน เป็นสถานที่ต้องห้ามที่อันตรายอย่างที่สุดแห่งหนึ่ง

ได้ยินว่าในนั้นมีสถูปเจดีย์ที่สร้างจากกองกระดูกขาวสูงสามพันชั้น!

……………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์