ฉับพลันดวงหน้าของเหวินฉงเฟิงก็บวมเป่งเป็นสีตับหมู คับแค้นปางตาย
เขา ถึงกับถอยกรูด!
ก้าวเดียวสั้นๆ ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใดสักนิดก็เพียงพอจะพิสูจน์ได้ว่า เบื้องลึกในจิตใจเขาเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาแล้วจริงๆ
“ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย!”
เหวินฉงเฟิงตะโกนลั่น สติแตกอย่างสิ้นเชิง เขาไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้
อาจกล่าวได้ว่าการถอยร่นครั้งนี้ก็เหมือนความอัปยศครั้งใหญ่ ทำเอาเขาได้รับการกระตุ้นรุนแรง ไม่สามารถประคองสติสัมปชัญญะได้อีกต่อไป
พรึ่บ!
ปราณกระบี่เจิดจ้าไร้ทัดเทียมสายหนึ่งโฉบออกมา ราวกับรุ้งวิเศษที่หอบม้วนจักรวาล
เพียงแต่การต่อต้านเหล่านี้ล้วนถูกกำหนดให้เสียแรงเปล่า
ต่อกรกับเหวินฉงเฟิงในสภาพสมบูรณ์สูงสุด บางทีอาจต้องสิ้นเปลืองฝีมือของหลินสวินไปส่วนหนึ่ง
ทว่าหากต่อกรกับเหวินฉงเฟิงที่ขาดสติ ก็ไม่มีภัยคุกคามและความระทึกขวัญให้เอ่ยถึงสักนิด
เพียงชั่วครู่เท่านั้นเหวินฉงเฟิงก็ถูกพิฆาต ถูกดาบสังหารด้วยนัยเร้นลับแห่งไม่เที่ยงแท้ หัวล้วนถูกตัดขาด พลังจิตดับสลาย
ในลานเงียบสงัดไร้สุ้มเสียง เหล่าผู้กล้าต่างตะลึงงัน
ผู้แข็งแกร่งแกล้วกล้าแห่งสำนักกระบี่เทียมฟ้าทั้งกลุ่ม วันนี้ถูกหลินสวินสังหารทีละคน ขนาดสัตว์ประหลาดยุคโบราณ สิบอันดับแรกในกระดานทองคำผู้กล้าอย่างเหวินฉงเฟิงก็ยังถูกพิฆาต!
ก่อนหน้านี้ไม่ว่าใครก็ไม่อาจคาดคิด
เวลานี้เมื่อทอดมองเงาร่างปราศจากมลทินของหลินสวินในลานนั่น หัวใจของทุกคนต่างผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา…
แดนเก้าบนในยามนี้ ผู้ใดยังจะสามารถหยุดยั้งอานุภาพแห่งเทพมารหลินได้
…
ในวันนี้ ข่าวเกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งนี้แพร่กระจายออกไป แดนเก้าบนล้วนสั่นสะเทือน!
“สำนักกระบี่เทียมฟ้าจบเห่แล้ว…”
ขุมอำนาจใหญ่ส่วนหนึ่งต่างทอดถอนใจ
ที่ผ่านมาเพราะมีอวิ๋นชิ่งไป๋เป็นกำลังหลัก สำนักกระบี่เทียมฟ้าเป็นเหมือนนายเหนือหัวที่ไม่มีผู้ใดกล้าล่วงเกิน ไม่ว่าจะเป็นใครต่างไม่กล้าลูบคม ได้แต่ถอยฉากหลบเลี่ยง
แต่ตอนนี้ ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนไปแล้ว!
“ครึ่งปีแล้ว หลินสวินปรากฏตัว ศึกเดียวก็สยบฆ่าผู้แข็งแกร่งสำนักกระบี่เทียมฟ้าทั้งกลุ่ม แสดงให้เห็นถึงพลังต่อสู้ที่ไร้เทียมทาน”
“แต่อวิ๋นชิ่งไป๋กลับโอ้เอ้ไม่เคยปรากฏตัว หากเขารู้ข่าวยังจะทนต่อไปได้อีกหรือ”
คนส่วนหนึ่งคลางแคลงใจไม่สิ้น
นี่ผิดปกติยิ่ง ตามอุปนิสัยของอวิ๋นชิ่งไป๋ เป็นไปได้หรือที่เขาจะทนต่อความอัปยศใหญ่หลวงเช่นนี้ได้
ขณะที่โลกภายนอกปั่นป่วน พื้นที่ละแวกสถูปเจดีย์เหมือนจะกลายเป็นแดนต้องห้ามแห่งหนึ่ง ไม่มีใครกล้าเฉียดใกล้
เพราะต่างรู้ดีว่าหลินสวินกำลังฝึกตนอยู่ภายในสามพันสถูปเจดีย์นั่น
หนำซ้ำเขาเองก็ไม่กลัวถูกคนรู้ว่าเขาอาศัยอยู่ที่นี่สักนิด เสมือนกำลังเฝ้ารออวิ๋นชิ่งไป๋มาหาถึงที่โดยตลอด!
ท่าทีเช่นนี้เดิมทีก็เป็นพลังอำนาจเหยียดหยันอันไร้รูปอย่างหนึ่ง พาให้ผู้คนใจสะท้าน
ทว่าเหนือความคาดหมายของทุกคน พร้อมๆ กับเวลาที่เคลื่อนคล้อย อวิ๋นชิ่งไป๋ไม่เคยปรากฏตัวเลย…
‘อาการบาดเจ็บของเขาสาหัสมาก แม้จะฟื้นตื้นขึ้นมา กลัวแต่ว่าคงไม่กล้ามุ่งหน้ามาข้าทันทีทันใด เพราะเขาย่อมไม่อาจทนให้ประสบความล้มเหลวอีกเป็นครั้งที่สองอย่างเด็ดขาด’
มีเพียงหลินสวินเท่านั้นที่รู้ดีว่า ภายในเวลาอันสั้นไม่มีทางที่อวิ๋นชิ่งไป๋จะหวนคืนมาอีกครั้ง
เขาถึงขั้นสรุปชัด มีเพียงยามที่เตรียมตัวพร้อมเต็มที่ที่สุดแล้วเท่านั้น อวิ๋นชิ่งไป๋จึงจะปรากฏตัวต่อสายตาของคนทั่วหล้าอีกครั้ง
และตอนนั้น ระยะห่างจากวันแห่งศึกตัดสินของเขาและอวิ๋นชิ่งไป๋คงจะไม่ไกลเกินไปอย่างแน่นอน!
…
ในป่าลึกไร้คืนวัน ฤดูกาลไม่รู้รอบปี
การเคลื่อนคล้อยของเวลา ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกปราณหรือปุถุชนคนทั่วไปล้วนไม่อาจย้อนคืน
คำกล่าวที่ว่าฟ้าดินเหมือนที่พักรับรองแขก กาลเวลาดั่งนักเดินทางที่ผ่านเลยไปคงจะเป็นเช่นนี้
นับตั้งแต่วันนั้นที่หลินสวินสังหารเหวินฉงเฟิงเป็นต้นมา ก็ผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว
ช่วงเวลาหนึ่งปีนี้บรรยากาศในแดนเก้าบนยิ่งเดือดระอุมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกแห่งหนล้วนอุบัติการเข่นฆ่านองเลือด การต่อสู้ไร้ปรานี
มีขุมอำนาจดุจนายเหนือหัวเผด็จการ ร่วงโรยจมดิ่งกลางเพลิงสงคราม
และมีบุคคลขอบเขตมกุฎที่แต่เดิมชื่อเสียงยังไม่โดดเด่น ในหนึ่งปีก็ผงาดง้ำดุจดาวหาง ดึงดูดความสนใจทั่วแดนเก้าบน
มีคนร่ำไห้ มีคนหัวเราะ มีคนผิดหวัง มีคนได้ใจ สุขโศกมากมายเคล้าระคน รักโลภโกรธหลงล้วนบังเกิดในแดนเก้าบน
หลายแห่งชื่นมื่น หลายแห่งโศกศัลย์
ช่วงหนึ่งปีนี้ลำดับรายชื่อร้อยอันดับแรกของกระดานทองคำผู้กล้าก็เปลี่ยนไปด้วยความเร็วที่พาให้ผู้คนปากอ้าตาค้าง พาให้ผู้คนจับตามองไม่ทัน
ยอดกำแพงเมืองผันเปลี่ยนธงราชัน ฝ่ายท่านสรรเสริญข้าขึ้นแท่นบัลลังก์!
แต่มีเพียงตำแหน่งที่หนึ่งของอวิ๋นชิ่งไป๋เท่านั้นที่ไม่เคยถูกคนสั่นคลอน
ขณะเดียวกัน ชื่อของหลินสวินก็ไม่เคยปรากฏบนกระดานทองคำผู้กล้าเช่นกัน
ถึงขนาดหนึ่งปีมานี้ ก็ไม่มีข่าวเกี่ยวกับหลินสวินแพร่กระจายออกมาอีกเลย
เพราะเขาเอาแต่ปิดด่านอยู่ภายในสถูปเจดีย์
หนึ่งปีนี้ เป็นปีที่เจ็ดที่แดนมกุฎปรากฏในดินแดนรกร้างโบราณ ระยะเวลาในการต่อสู้แห่งมกุฎครั้งนี้ ก็เหลือไม่ถึงสามปีแล้ว
…
ลมฝนดั่งเลือนราง กระดูกขาวกองเป็นภูเขา
หลังจากหนึ่งปีแห่งการเปลี่ยนแปลง พื้นที่สถูปก็กลับสู่ความเงียบสงบและว่างเปล่าดังที่ผ่านมา
ที่นี่ สุดท้ายก็เป็นแดนธรรมสถูปอันเป็นแดนดินหฤโหดที่เต็มไปด้วยอันตรายและความอัปมงคล ไม่ใช่ว่าใครจะมีปัญญาตั้งหลักปักฐานที่นี่ได้
เสียงการต่อสู้ดุเดือดที่สะเทือนจนหูจะหนวกระลอกหนึ่งดังก้องขึ้น
ก็เห็นปราณกระบี่แข็งกร้าวสายแล้วสายเล่าผสานเข้าด้วยกัน ฉีกทึ้งห้วงอากาศแตกเป็นเสี่ยง ดุดันพาให้เมฆลมเปลี่ยนสี
ดาบหักขาวกระจ่างดุจหิมะสายหนึ่งแล่นผ่านภายในนั้น กำลังต่อสู้ดุเดือดกับปราณกระบี่น่าสะพรึงที่เบียดเสียดแน่นขนัดเหล่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์