Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1288

สรุปบท ตอนที่ 1288 ยามมรรคข้าแจ้งประจักษ์ ถึงรู้ชัดในทุกข์แห่งสรรพชีวิต: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 1288 ยามมรรคข้าแจ้งประจักษ์ ถึงรู้ชัดในทุกข์แห่งสรรพชีวิต จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 1288 ยามมรรคข้าแจ้งประจักษ์ ถึงรู้ชัดในทุกข์แห่งสรรพชีวิต คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

เมื่อประมาณสองปีก่อนหลังจากไล่ล่าอวิ๋นชิ่งไป๋ตลอดทาง หลินสวินต้อนรับการมาเยือนของ ‘เคราะห์เจ็ดอารมณ์’ อมตะเคราะห์ด่านสี่ ปราณรุดหน้าก้าวกระโดด

หลังจากนั้นในช่วงเวลาหนึ่งปีกว่านี้ ก็ทะลวง ‘เคราะห์หกปรารถนา’ อมตะเคราะห์ด่านห้าและ ‘เคราะห์มารผจญ’ อมตะเคราะห์ด่านหกติดต่อกัน

หากเทียบกับความเร็วในการเลื่อนระดับที่ผ่านมา ภายในระยะเวลาสองปีนี้ความเร็วในการเปลี่ยนแปลงด้านพลังต่อสู้ของหลินสวิน ได้บรรลุถึงลักษณะเบ่งบานสูงสุด

นี่ คือการสะสมเต็มเปี่ยมแล้วทยอยใช้สอย!

ด้านหนึ่งเกี่ยวข้องกับวาสนาศุภโชคมากมายที่ได้มาจากแดนเก้าบน อีกด้านหนึ่งก็เชื่อมโยงกับมรรคาของเขาเองอย่างแน่นแฟ้นจนไม่อาจแยกจากกัน

ที่ผ่านมามรรควิถีและรากฐานที่หลินสวินสั่งสมมาทั้งหมดแข็งแกร่งและน่าทึ่งอย่างยิ่ง ทำให้การฝ่าทะลวงปราณของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วหาใดเปรียบ

ชิ้ง!

ดาบหักโฉบพุ่ง ภาพมายายิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ กลิ่นอายคมกริบระดับนั้นฉีกทึ้งห้วงอากาศบริเวณใกล้เคียงเป็นรอยแยกสายแล้วสายเล่า ส่งเสียงฟึ่บๆ ออกมา

หนำซ้ำยังมีแผนภาพลายมรรคที่คลุมเครือปรากฏขึ้น แผ่ท่วงทำนองพิสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ที่เพียงพอจะส่องสว่างกาลเวลาอันเนิ่นนานออกมา

ช่วงสองปีนี้ดาบหักถูกฟูมฟักอยู่ในเตาหลอมที่วิวัฒน์จากเพลิงมรรคอัศจรรย์เรื่อยมา ถูกวัตุดิบเทพหลากหลายหล่อหลอม คุณลักษณะของมันก็มีวิวัฒนาการขึ้นมากโขอย่างเห็นได้ชัด

ดาบหักเดิมเป็นศาสตราจิตเล่มหนึ่ง แต่พร้อมๆ กับที่หลินสวินนำมันมาฟูมฟักและหลอมเป็นยอดศาสตรามรรคราชันของตน หากวันใดวันหนึ่งหลินสวินสามารถบรรลุอริยะ ดาบหักย่อมต้องกลายเป็นอาวุธอริยะบริสุทธิ์ของหลินสวินด้วยอย่างแน่นอน!

สิ่งเดียวที่เป็นปัญหาบางทีอาจอยู่ที่ดาบหักไม่ได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ หากหมายจะเปลี่ยนเป็นอาวุธอริยะย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายด้วยเช่นกัน

ที่ควรค่าให้เอ่ยถึงคือ ครานั้นในสุสานใต้ดินนั่น เพลิงมรรคฟ้าประทานที่หลินสวินได้รับมาทั้งหมด นอกจากเพลิงมรรคอัศจรรย์แล้ว ยังมีเพลิงมรรคห้าดวงที่ยอดเยี่ยมต่างกันไป

เมื่อสองปีก่อนตอนที่ได้พบเจ้าคางคก หลินสวินก็มอบ ‘เพลิงมรรคโชนทอง’ ที่แปลงเป็นโคมทองดวงหนึ่งให้กับเจ้าคางคก

มอบ ‘เพลิงมรรคไร้มลทิน’ ที่แปลงเป็นคัมภีร์หยกขาวให้นกทมิฬ

ส่วน ‘เพลิงมรรคสงัดนิรันดร์’ ที่แปลงเป็นบรรทัดหยกสีดำและ ‘เพลิงมรรคเรืองม่วง’ ที่แปลงเป็นม้วนภาพสีม่วง หลินสวินตั้งใจจะมอบให้ซย่าจื้อและจ้าวจิ่งเซวียนตามลำดับ

ส่วน ‘เพลิงมรรคห้าเร้น’ ที่เหลืออยู่ ก็ตั้งใจว่าจะเก็บไว้ให้อาหลู่

“พี่ใหญ่ เจ้ารีบเข้ามาเร็ว!”

ภายในสถูปเจดีย์ เจ้าคางคกตื่นเต้นจนตะโกนลั่น “สำเร็จแล้ว ในที่สุดแม่งก็สำเร็จเสียที!”

หลินสวินอึ้งไป เก็บดาบหักลงไปแล้วหยัดกายขึ้น ตอนที่มาถึงสถูปเจดีย์ชั้นสิบแปด ก็เห็นว่าบนผนังสี่ทิศนั่น ลายมรรคหินสลักสิบแปดแผ่นหายไปแล้ว

แต่กลับมีสัญลักษณ์อักษรธรรมสีทองอร่ามไหลเวียนกลางห้วงอากาศ ทอประกายสว่างไสวไร้ขอบเขต ศักดิ์สิทธิ์ไพศาล ละอองแสงแห่งมงคลพร่างพรม

อึดใจนั้นดวงตาหลินสวินถึงกับมีความรู้สึกเจ็บจี๊ด ท่ามกลางความเลือนรางคล้ายว่าหลุดมาอยู่ในแดนพิสุทธิ์แห่งหนึ่ง ร่างกายและจิตใจล้วนถูกจิตฌานอาบชโลม

“นี่…”

หลินสวินไหวหวั่น เหม่อลอยเล็กน้อย

“นี่ก็คือวาสนาใหญ่ที่สุดที่ซุกซ่อนภายในแดนธรรมสถูป!”

ด้านข้างสองมือเจ้าคางคกเท้าเอว ยักคิ้วหลิ่วตา ความรู้สึกปิติยินดีเปี่ยมล้นเกินบรรยาย

“เจ้าดูอักษรธรรมสีทองแถวนี้ สะท้อนมหามรรคที่แท้จริง เป็นวิวัฒน์แห่งมรรค จากที่ข้าสันนิษฐาน อริยพุทธยุคต้นบรรพกาลคนนั้นจะต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่เทียมฟ้าที่มีสติปัญญาเลิศล้ำคนหนึ่ง สามารถเหยียดหยันปวงสวรรค์!”

นกทมิฬที่อยู่ข้างๆ ตื้นตัน รำพันไม่สิ้น

ช่วงเวลาสองปี มันกับเจ้าคางคกทุ่มเวลาและหยาดเหงื่อแรงกายทั้งหมดไปกับการไขปริศนาบนลายมรรคหินสลักสิบแปดแผ่นนั่น

ยามนี้ในที่สุดก็ไขปริศนา สอดส่องนัยเร้นลับภายในนั้นได้แล้ว ความรู้สึกเช่นนั้นย่อมตื้นตันสุดๆ เป็นธรรมดา

“แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าอักษรบรรทัดนี้หมายความว่าอย่างไร”

เสียงของนกทมิฬพลันเปลี่ยนเป็นแปลกพิกลขึ้นมา

เสียงหัวเราะลั่นของเจ้าคางคกหยุดกึกทันควัน มุมปากกระตุก สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดด้วยเช่นกัน

หลินสวินกล่าวอย่างอึ้งๆ “หมายความว่าอย่างไรหรือ ไม่ใช่มรดกวิชาหรอกหรือ”

ก็ได้ยินเจ้าคางคกซึ่งชี้ไปยังอักษรธรรมสีทองศักดิ์สิทธิ์แพรวพราวหาใดเปรียบบรรทัดนั้น ท่องออกมาเสียงเบา “ยามมรรคข้าแจ้งประจักษ์ ถึงรู้ชัดในทุกข์แห่งสรรพชีวิต!”

ประโยคเดียวง่ายๆ กลับพาให้จิตใจหลินสวินไหวสะท้าน อริยพุทธคนหนึ่ง ยามแจ้งมรรค สิ่งที่คิดกลับเป็นสรรพชีวิตล้วนมีทุกข์!

เจตนาและความอาทรที่ซุกซ่อนภายในนั้นพาให้หลินสวินอดสะเทือนอารมณ์ไม่ได้ พลันเกิดความเคารพเลื่อมใสขึ้นมาเองโดยธรรมชาติ

เมื่อนึกถึงว่าภายในพื้นที่สถูปแห่งนี้ ภูเขากระดูกขาวที่กองพะเนินนั่น ล้วนถูกแปลงมาจากศพของศัตรูจากแปดดินแดนที่อริยพุทธบรรพกาลผู้นั้นกำราบ ความนับถือเลื่อมใสภายในใจหลินสวินก็ยิ่งลึกล้ำมากขึ้นเรื่อยๆ

“เป็นผู้บำเพ็ญธรรมเหมือนกัน เมื่อเทียบพวกเจ้าเฒ่าอารามกษิติครรภ์นั่นกับอริยพุทธผู้นี้ มีหรือจะห่างไกลกันแค่หนึ่งแสนแปดพันลี้”

นกทมิฬยิ้มเย็น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเยาะหยันที่มีต่ออารามกษิติครรภ์

ต่อมาเจ้าคางคกก็เริ่มชี้แนะหลินสวิน “อริยพุทธคนนี้ทิ้งมรดกวิชาลับชั้นเลิศไว้สิบอย่าง แบ่งซ่อนอยู่ภายในอักษรแต่ละตัวของอักษรธรรมบรรทัดนี้ อีกเดี๋ยวขอแค่เจ้าใช้จิตส่องสะท้อนอักษรธรรมเหล่านี้ ย่อมสัมผัสถึงมรดกภายในนั้นได้”

“จำไว้ เลือกได้เพียงอย่างเดียวภายในนั้น ก่อนหน้านี้เจ้าเฒ่าดำละโมบ หมายจะไขว่คว้ามรดกเหล่านี้ไว้ทั้งหมด ผลปรากฏว่าจิตวิญญาณถูกแว้งกัด เกือบธาตุไฟเข้าแทรก”

เอ่ยถึงตรงนี้ใบหน้าของนกทมิฬที่อยู่ด้านข้างก็อดแดงซ่านขึ้นมาไม่ได้ กระอักกระอ่วนไม่สิ้น

“ที่ข้าได้รับคือมรดกหลอมจิตวิญญาณอย่างหนึ่ง ชื่อว่า ‘ศากยทัศนะฉะนี้’ ที่เจ้าเฒ่าดำได้ไปเป็นมรดกหลอมสภาวะจิต ชื่อว่า ‘คัมภีร์ไร้รูปว่างเปล่า’”

เจ้าคางคกรีบกล่าวเป็นพัลวัน “ที่น่าเสียดายคือ ไม่ว่าใครจะได้รับมรดก ล้วนได้แต่รับรู้ ไม่อาจถ่ายทอดเป็นคำพูดได้”

ได้แต่รับรู้ นั่นก็หมายถึง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าคางคกหรือนกทมิฬ ต่อให้ได้รับมรดกก็ไม่สามารถถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้

หลินสวินพยักหน้า จากนั้นสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง นั่งขัดสมาธิบนพื้น ปลดปล่อยจิตแห่งตนเข้าไปหยั่งรู้อักษรธรรมสีทองที่ลอยกลางห้วงอากาศบรรทัดนั้น

ชั่วอึดใจ เสียงสันสกฤตอันยิ่งใหญ่ระลอกหนึ่งก็ดังก้องราวกับระฆังรุ่งสางกลองพลบค่ำ

หลินสวินรู้สึกเพียงว่าจิตวิญญาณไหวสั่น ‘เห็น’ เงาร่างภิกษุที่สูงใหญ่ไร้สิ้นสุดรูปหนึ่งนั่งขัดสมาธิกลางฟ้าดารา แสงมงคลรอบกายมหาศาล ส่องสว่างไสวไร้ขอบเขต ดุจดั่งเจ้าเหนือหัวปวงสวรรค์ในตำนานไม่มีผิด

ล้วนไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการอย่างเร่งด่วน!

บางทีเลือกมาส่งๆ สักเล่มก็สามารถทำให้เขาได้รับมรดกชั้นเลิศอย่างหนึ่งได้ ไม่ด้อยไปกว่าได้รับศุภโชคใหญ่แล้ว

แต่หลินสวินกลับไม่มีความคิดเช่นนี้

ถึงขั้นที่หลังจากสงบใจลงมาอย่างสิ้นเชิงแล้ว เขาถึงตระหนักได้ว่าวาสนาพลิกฟ้าตรงหน้านี้ บางทีอาจทำให้ผู้ฝึกปราณคนอื่นคลุ้มคลั่ง แต่น่าเสียดายที่ล้วนไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ

เมื่อนึกถึงตรงนี้ยามที่หลินสวินมองไปทางพุทธคัมภีร์สิบเล่มนั้นอีกครั้ง จิตใจก็แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ไม่มีความปรารถนาเช่นก่อนหน้านี้อีกแล้ว สายตาว่างเปล่าแจ่มใส

ฝึกปราณ จำเป็นต้องรู้จักเลือกรับและปฏิเสธ

และหลักการของหลินสวินนั้นง่ายมาก ไม่ว่าสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต่อมรรคาแห่งตน ย่อมนำมาใช้ประโยชน์เพื่อตนเต็มที่ หากสิ่งใดที่มีหรือไม่มีก็ได้ ยอมไม่มี ยังดีกว่ามี!

เพราะนี่อาจกลายเป็นบ่วงพันธนาการอย่างหนึ่ง ยิ่งครอบครองมากเท่าไร พันธนาการก็ยิ่งมากเท่านั้น!

สิ่งนี้ในการฝึกปราณ เรียกว่าอุปสรรคแห่งวัตถุภายนอก

แสวงหาวัตถุภายนอก ใช้ประโยชน์เพื่อตน เป็นของตน

แต่หากเป็นตัวถ่วง มรรควิถีย่อมติดอยู่กับวัตถุภายนอก!

ท้ายที่สุดหลินสวินถอนใจเบาๆ ตัดสินใจปล่อยไป

ไม่ใช่ว่าเขาใจประเสริฐยิ่ง หากแต่รู้ดีว่าวาสนาระดับนี้แม้จะได้รับมาก็คงได้แต่เข้าใจ ไม่อาจถ่ายทอดเป็นคำพูดได้ ย่อมไม่สามารถถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้

ซ้ำยังอาจจะเป็นบ่วงพันธนาการมรรคาแห่งตน ผลดีมีหยิบมือ ไม่สู้ปล่อยไปดีกว่า!

พริบตานี้ หลังจากหลินสวินตัดสินใจเช่นนี้ จิตใจของหลินสวินก็ได้รับการเคี่ยวกรำและยกระดับขึ้นอย่างไร้รูป

วาสนา ไม่ว่าใครต่างตาร้อน เป็นสิ่งล่อใจหาใดเปรียบ วาสนายิ่งพลิกฟ้า ก็ยิ่งพาให้ผู้คนไม่อาจต้านทาน

และในเวลาเช่นนี้สามารถปฏิเสธอย่างเด็ดเดี่ยว ซ้ำยังรักษาสภาวะจิตให้สงบนิ่งได้ ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันจะมีสักกี่คนที่ทำได้

หากถูกคนอื่นรู้เข้า คงหัวเราะว่าหลินสวินเป็นเจ้าโง่อย่างแน่นอน

แต่หลินสวินกลับไม่มีความคิดเสียใจภายหลังแต่อย่างใด

มรรคาของเขาแตกต่างจากคนทั่วไป ทั้งไม่เหมือนกับอดีตและปัจจุบัน คิดจะมุ่งหน้าเดินบนมรรคาที่ไม่เคยมีมาก่อน ย่อมต้องมีสภาวะจิตและความเด็ดเดี่ยวที่มั่นคง!

เพียงแต่ขณะที่หลินสวินกำลังจะปล่อยไป ในหัวพลันมีเสียงที่เจือแววอ่อนโยนผ่าเผยสายหนึ่งดังขึ้น ‘ประเสริฐ เจ้า ก็ถือว่าเป็นพวกเดียวกับข้าแล้ว!’

ทุกคำดุจเสียงธรรม สะเทือนโสตประสาท ก้องสะท้อนทั้งร่างกายและจิตใจ

หลินสวินตกตะลึง พอเหลือบตามองอีกครั้ง ก็เห็นพุทธคัมภีร์สีทองอร่ามสิบเล่มเวลานี้ถึงกับเกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าเหลือเชื่อขึ้น

…………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์