Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1341

ชายหนุ่มชุดดำตกใจ เสียงพลันหยุดกึก

เบื้องหน้าเขา ข้ารับใช้ร่างกำยำที่แต่เดิมเข่าอ่อนทรุดนั่งบนพื้นถูกหนึ่งฝ่ามือปลิดชีพ ล้มตัวลงกับพื้นอย่างสิ้นเชิง

ก่อนตายตายังเบิกตากว้าง!

เขาคล้ายกับคิดไม่ถึงสักนิด ว่าเหตุใดตอนท้ายกลับกลายเป็นตนที่ตายก่อนเป็นคนแรก

นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่าแพะรับบาปหรือ

“ในฐานะข้ารับใช้ ไม่รู้จักห้ามปรามการกระทำชั่วร้ายของเจ้านาย ตรงข้ามกลับสนับสนุนให้ทำชั่วก่อกรรม ตายไปยังไม่พอด้วยซ้ำ”

ชายหนุ่มผมเงินเอ่ยปากเสียงเย็นชา

เพียงแต่บุคคลขอบเขตมกุฎบริเวณนั้นต่างมองออก ชายผมเงินพูดให้ดูดี ความจริงแล้วเป็นการเอาชีวิตของข้ารับใช้คนหนึ่งมาปกป้องชายหนุ่มชุดดำคนนั้นต่างหาก

หลินสวินก็ย่อมมองออกเช่นหัน เขาไม่พูดสักคำ แค่มองดูเช่นนี้

การวางตัวนิ่งเฉยเช่นนี้เดิมทีก็เป็นการแสดงจุดยืนอย่างหนึ่ง!

ชายหนุ่มผมเงินในใจขื่นขม ตระหนักได้ว่าแค่สังหารข้ารับใช้คนหนึ่งยังไม่อาจทำให้เทพมารตรงหน้าพึงพอใจได้

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ สายตาเย็นเยียบ มองไปทางชายหนุ่มชุดดำ

“คุณชายหลิน ให้เขา… อย่าฆ่าคนได้หรือไม่”

แต่ขณะนั้นเองไฉไฉ่คล้ายกับรวบรวมความกล้า กล่าวเสียงเบาออกมา

ทันทีที่ประโยคนี้เอ่ยออกมา ชายผมเงินพลันเผยความซาบซึ้งออกมาทันที มองไปทางไฉไฉ่ด้วยสายตาอ่อนโยน

เขารู้ จะแก้ปมต้องให้คนผูกปมเป็นคนทำ

ชายหนุ่มชุดดำจะรอดชีวิตหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเด็กสาวคนนี้ว่าสามารถเปลี่ยนท่าทีของหลินสวินได้หรือไม่!

“ไฉไฉ่ เจ้ารู้หรือไม่หากข้ามาไม่ทันเวลา เจ้าจะพบเจออะไรบ้าง”

หลินสวินทอดมองเด็กสาวตรงหน้าด้วยสีหน้าอ่อนโยน

“รู้”

ไฉไฉ่พยักหน้า จากนั้นก็กล่าวเสียงอู้อี้ออกมาคล้ายกับลำบากใจอยู่บ้าง “แต่ข้าไม่อยากให้คุณชายต้องล่วงเกินพวกเขาเพราะข้า แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ไม่คุ้มหรอก”

ผู้คนต่างพากันบื้อใบ้ เทพมารหลินผู้ยิ่งใหญ่ ยังต้องกลัวล่วงเกินผู้อื่นด้วยหรือ

นี่เหมือนเรื่องตลกอย่างหนึ่งชัดๆ!

แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ กลับแสดงให้เห็นว่าจิตใจของเด็กสาวตรงหน้านั้นเลอค่ายากหาพบอย่างถึงที่สุด

“เอาเถอะ ทำตามที่เจ้าว่า”

หลินสวินเองก็ระบายยิ้มเช่นกัน ไฉไฉ่ยังคงมีจิตใจใสซื่อ เมตตา บริสุทธิ์เหมือนเมื่อเก้าปีก่อน เป็นดั่งแสงตะวันมอบความอบอุ่นอันเรียบง่ายที่สุดให้แก่ผู้คน

ไฉไฉ่กล่าวอย่างระวัง “เอ่อ คุณชายท่านคงไม่หาว่าข้าเรื่องมากหรอกกระมัง”

“ก็อย่างที่เจ้าว่า แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นนับเป็นอะไรได้ ขอแค่เจ้าคิดว่าทำเช่นนี้แล้วถูกต้อง ก็พยายามยึดมั่นอุดมการณ์นี้ไว้ก็พอแล้ว”

หลินสวินกล่าวยิ้มๆ

“ขอบคุณใต้เท้าหลิน!”

บนพื้น ชายหนุ่มชุดดำซาบซึ้งจนพูดลิ้นพันกัน

“เจ้าโง่ เจ้าควรขอบคุณแม่นางผู้นี้ต่างหาก หากไม่ได้นาง วันนี้ข้ายังแทบอยากฟันเจ้าด้วยฝ่ามือเดียวทั้งเป็นด้วยซ้ำ!”

ชายผมเงินถีบใส่เขาเต็มแรง ท่าทางเหมือนเอือมระอากับความไม่เอาไหน

……

ฉากบุญคุณความแค้นเรียกน้ำย่อยก็ปิดม่านลงเช่นนี้

ชายหนุ่มชุดดำโชคดีที่เอาชีวิตรอดกลับมาได้ ถูกชายผมเงินพาตัวออกไป

เหล่าผู้กล้าคนอื่นในที่นั้นก็แยกย้ายกันไปอย่างต่อเนื่อง

สิ่งที่ไร้สาระที่สุดก็อาจเป็น ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายหนุ่มชุดดำนั่นเป็นใคร และไม่รู้จักชายผมเงินคนนั้นสักนิด

ขนาดชื่อของพวกเขาก็ยังไม่รู้จัก

แต่เมื่อหลินสวินปรากฏตัว ความขัดแย้งนี้ไม่จำเป็นต้องให้เขาลงมือด้วยตัวเอง ก็สามารถคลี่คลายด้วยวิธีที่ราบรื่นที่สุด

นี่ก็คืออำนาจบารมี

ข่มผู้คนได้โดยไม่ต้องรบ!

……

“ไฉไฉ่ ผ่านไปตั้งหลายปีขนาดนี้ เหตุใดปราณของเจ้ายังไม่ก้าวสู่ระดับราชันอีก”

หลินสวินไม่เข้าใจเท่าไหร่

นอกเมืองเผาเซียน พวกหลินสวินหายอดเขาลูกหนึ่งสำหรับพักผ่อน

ราวๆ สามวันนี้ พลังของสถานที่นำทางก็จะปรากฏขึ้นที่แดนมกุฎ

ในตอนนั้นผู้ฝึกปราณที่กระจายตัวในสามพันแดน ล้วนสามารถอาศัยสิ่งนี้กลับไปยังดินแดนรกร้างโบราณอีกครั้ง

ไฉไฉ่รู้สึกกระดากเล็กน้อย กล่าวขึ้นอย่างขัดเขิน “ตั้งแต่ตอนฝึกปราณ ท่านพ่อข้าก็บอกข้าว่าฝึกปราณก็คือการทำในสิ่งที่ชอบที่สุด ข้าแค่ชอบเก็บน้ำค้างวิญญาณแสงเพลิง ก็เลยเอาแต่ทำเช่นนี้มาตลอด…”

“ไม่เลว”

หลินสวินเอ่ยชื่นชมคราหนึ่ง

ฝึกปราณขึ้นอยู่กับใจของบุคคล การแสวงหาของผู้ฝึกปราณแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน บางคนเสาะหาสุดยอดมรรคกระบี่ อย่างเช่นอวิ๋นชิ่งไป๋

บางคนแสวงหากายเนื้อบรรลุอริยะ อย่างเช่นอาหลู่

บางคนก็แค่อยากเห็นสรรพสิ่งปวงสวรรค์ เห็นแก่นแท้มหามรรคสักหน อย่างเจ้าคางคก

และบางคนฝักใฝ่ชื่อเสียง แสงหาผลประโยชน์ เสาะหาปวงมรรค ฝักใฝ่อมตะนิรันดร์กาล ค้นหาความอิสระเสรีแห่งตนเอง…

ไม่มีที่สิ้นสุด

ส่วนสิ่งที่ไฉไฉ่แสวงหา คือความชอบ

นางมองการฝึกปราณเป็นดั่งใจตน ชอบเก็บน้ำค้างวิญญาณแสงเพลิง ก็ฝึกปราณด้วยวิธีนี้

ถึงจะบอกว่าปราณไม่คืบหน้ารวดเร็วเท่าใดนัก แต่ก็เป็นการฝึกปราณเหมือนกัน

“เช่นนั้นเจ้ามีเป้าหมายหรือยัง”

แต่เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ตอนที่มหายุคยังไม่มาถึงอย่างแท้จริง พลังฟ้าดินของดินแดนรกร้างโบราณก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว

อุโมงค์อากาศที่เชื่อมสู่โลกชั้นล่างก่อนหน้านี้ ก็แทบจะพังพินาศแตกยับพร้อมๆ กับการมาเยือนทีละก้าวของการเปลี่ยนแปลงอันน่าตกใจนี้!

แม้แต่ตัวจ้าวจิ่งเซวียนเองก็ยังจนปัญญากับเรื่องนี้ ได้แต่คอยดูไปทีละก้าว และตัดสินใจตามสถานการณ์

ดังนั้นสำหรับหลินสวินในยามนี้ หากหมายจะกลับสู่โลกชั้นล่าง สิ่งที่ต้องจัดการอันดับแรกก็คือปัญหาเรื่องเส้นทาง

และคำเสนอแนะครั้งนี้ของเจ้าคางคกก็ทำให้หลินสวินจิตใจไหวหวั่น

เผ่าทอเมฆา!

ใครเลยจะคาดคิด เด็กสาวเช่นไฉไฉ่คนนี้ถึงกับมาจากเผ่าที่ลึกลับเช่นนี้ได้

ไหนจะ ‘อาภรณ์สวรรค์’ อันลึกลับนั่นอีก ทำให้หลินสวินพลันนึกถึงการสร้าง ‘ชุดศึกสลักวิญญาณ’ ขึ้นมา ถึงทั้งคู่จะแตกต่างกัน แต่กลับมีจุดคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง

อีกอย่างดินแดนรกร้างกว้างใหญ่ไพศาลปานใด แต่สิ่งที่น่าพิศวงถึงขีดสุดคือ หลินสวินฝึกปราณจนป่านนี้กลับไม่เคยเห็นใครมีชุดศึกสลักวิญญาณไว้ในครอบครองเลย

แต่ในจักรวรรดิโลกชั้นล่าง ชุดศึกสลักวิญญาณเป็นเรื่องที่นักสลักวิญญาณทุกคนล้วนรู้จัก

จากการคาดเดาของหลินสวิน ในนี้ต้องมีบางอย่างแอบแฝงแน่นอน

เช่นเดียวกัน หากไม่ได้เจ้าคางคกเอ่ยถึงเรื่อง ‘อาภรณ์สวรรค์’ ในครั้งนี้ หลินสวินก็ไม่รู้เลยว่าบนโลกนี้ยังมีสมบัติสุดวิเศษเช่นนี้อยู่ด้วย

“เอาเถอะ จากนี้หากพวกเราจนหนทางแล้วจริงๆ ค่อยไปขอความช่วยเหลือจากไฉไฉ่อีกทีก็ยังไม่สาย”

หลินสวินครุ่นคิดสักพักก่อนตัดสินใจ

เขาไม่อยากรบกวนไฉไฉ่ ไฉไฉ่อาจยินดีช่วยเขาเป็นอย่างยิ่ง แต่เผ่าทอเมฆาเบื้องหลังไฉไฉ่จะเป็นเช่นนี้ด้วยหรือไม่

นั่นก็บอกไม่ได้แล้ว

อีกอย่างหลินสวินยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกนิดหน่อย ต่อให้กลับดินแดนรกร้างโบราณ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะกลับโลกชั้นล่างในทันที

“เจ้าคางคก เจ้ากับอาหลู่เตรียมให้ดี หลังจากพวกเราออกจากแดนมกุฎเกรงว่าคงมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น”

หลินสวินกำชับ

“ปัญหา?”

เจ้าคางคกอึ้งงัน จู่ๆ ก็พลันนึกถึงเหตุการณ์ถูกปิดล้อมโจมตีในตอนที่ออกจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้

ตอนนี้พวกเขากำลังจะออกจากแดนมกุฎกันแล้ว เรื่องพรรค์นี้ยังจะเกิดขึ้นอีกหรือ

“ข้าสังหารบุคคลแห่งยุคไปมากมายขนาดนั้น หากขุมอำนาจเบื้องหลังเจ้าพวกนั้นรู้เรื่องพวกนี้เข้า มีหรือจะยอมกล้ำกลืนความโกรธแค้นครั้งนี้ได้”

นัยน์ตาดำของหลินสวินลึกล้ำ กล่าวเสียงเรียบ “เมื่อก่อนพวกเราได้แต่เป็นฝ่ายตั้งรับ เป็นตายไม่ได้ขึ้นอยู่กับตน แต่คราวนี้ ข้าไม่คิดจะเป็นฝ่ายตั้งรับเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว!”

เจ้าคางคกพยักหน้ากล่าวว่า “ละแวกสถานที่นำทางขากลับของพวกเราก็คือหุบเขาตะวันคล้อยที่เป็นอาณาเขตของเผ่าอีกาทอง ถ้าสัตว์ประหลาดเฒ่าเผ่าอีกาทองพวกนั้นรู้ว่าอีกาน้อยพวกนั้นถูกพวกเราฆ่าตายหมดแล้ว จะต้องเต้นเร่าราวสายฟ้าฟาด ยกโขยงแห่กันมาแน่”

“อืม อีกอย่างก็เดาได้ว่าต้องมีอริยะเคลื่อนไหวด้วยแน่นอน และอาจจะมีกันมากด้วย…”

แววตาหลินสวินล่องลอย

ภายในใจกลับแน่วแน่ไม่หวั่นวิตก

ผงาดง้ำสิบปี เขาครอบครองไพ่ตายมากพอจะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์