ฟิ้วๆๆ!
ในสนามรบเก่าแก่ ลมคลั่งโหมกระหน่ำรุนแรง
ตามปกติที่ผ่านมาน้อยคนนักจะมาเยือนสนามรบที่กันดารและชวนหดหู่เช่นนี้ แต่ระยะหลังมานี้กลับมีผู้แข็งแกร่งคนแล้วคนเล่าทยอยมาเยือนอย่างต่อเนื่อง
ละแวกสนามรบมีเมืองแห่งหนึ่ง เก่าแก่และน่าเกรงขาม ตั้งตระหง่านอยู่กลางฟ้าดิน ราวกับตั้งอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่โบราณกาล
นี่คือเมืองนำทาง
สิบปีก่อน ในสถานที่แห่งนี้มีผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์นับไม่ถ้วนเดินทางจากตรงนี้เข้าสู่แดนมกุฎ ไปแสวงหาวาสนาทุกรูปแบบที่แม้แต่อริยะยังพากันอิจฉา
“สิบปีแล้ว… มหายุคเปลี่ยนแปลงดินแดนรกร้างโบราณ และเปลี่ยนโชคชะตาของผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วน แล้วตอนที่เด็กรุ่นหลังซึ่งเข้าสู่แดนมกุฎหวนกลับมา จะมีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหนกันนะ”
ชายชราในชุดนักพรต สวมเกี้ยวประดับสูงบนศีรษะ ใบหน้าเหี่ยวย่นคนหนึ่งยืนเอามือไพล่หลังอยู่บนกลุ่มเมฆสีม่วงอ่อน ส่งเสียงทอดถอนใจเช่นนี้ออกมา
บริเวณใกล้เคียงมีผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนกำลังรอคอยอยู่ พวกเขามาจากขุมอำนาจแตกต่างกัน
เหตุที่รออยู่ตรงนี้ ย่อมเป็นการมาต้อนรับบรรดาผู้แข็งแกร่งที่กำลังจะกลับมาจากแดนมกุฎเหล่านั้น
เมื่อได้ยินเสียงทอดถอนใจของผู้เฒ่าชุดนักพรต คนมากมายในที่นั้นต่างเกิดความไหวหวั่นในใจ
สิบปีแล้ว ดินแดนรกร้างโบราณในตอนนี้แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงจริงๆ มีสำนักโบราณมากมายนับวันยิ่งแกร่งกล้า ขุมอำนาจก็ยิ่งมากมายขึ้นเรื่อยๆ
และก็มีสำนักโบราณมากมาย จางหายไปภายใต้การกลืนกินนองเลือดในช่วงสิบปีนี้เช่นกัน
มหายุค รุ่งโรจน์อย่างที่สุด!
ไม่เพียงแดนมกุฎเท่านั้น ทั่วทั้งดินแดนรกร้างโบราณก็ได้ปรากฏพื้นที่วาสนา มหามงคล และศุภโชคนับไม่ถ้วนขึ้นด้วยเช่นกัน
ภูผาแปรเปลี่ยน ฟ้าดินพลิกโฉม
สิบปีมานี้ผู้แข็งแกร่งไม่รู้เท่าไหร่ผงาดง้ำท่ามกลางมหายุค ก็เหมือนหญ้าป่าที่แตกหน่ออย่างบ้าคลั่ง ลุกลามไปทั่วใต้หล้า
ผู้แข็งแกร่งยิ่งมีมาก การแก่งแย่งก็ยิ่งดุเดือด
ขุมอำนาจเก่าแก่ที่ยืนตระหง่านในโลกย่อมไม่ยอมนิ่งเฉย แผ่ขยายอำนาจสุดกำลังในช่วงสิบปีมานี้ พยายามกลายเป็นนายเหนือหัวที่เรียกลมได้ลมเรียกฝนได้ฝนในมหายุค!
สิบปีมานี้เลือดนองไม่หยุด กรำศึกไม่สิ้น ควันไฟศึกต้อสู้มีไม่เว้นในแต่ละวัน
นี่ก็คือมหายุคอันรุ่งโรจน์ถึงขีดสุด ไม่เคยมีมาก่อน แต่ขณะเดียวกันก็มีพายุนคาวเลือดนับไม่ถ้วนปะทุเดือดในช่วงสิบปีมานี้ เรียกได้ว่าไม่เคยปรากฏมาก่อนเช่นกัน!
จวบจนปัจจุบัน เมื่อนึกถึงการเปลี่ยนแปลงน่าตกใจภาพแล้วภาพเล่าในช่วงสิบปีมานี้ ผู้แข็งแกร่งในที่นั้นไม่ว่าใครก็เลี่ยงอาการทอดถอนใจได้ยาก
มหายุค ก็คือกลียุค!
ประโยคนี้เป็นที่ยอมรับโดยทั่วกันตั้งนานมาแล้ว
“การชิงชัยมหายุค เดิมทีก็เป็นเช่นนี้ มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่ผงาดได้ มีเพียงขุมอำนาจใหญ่เท่านั้นที่จะอยู่รอด นี่เรียกว่าธรรมชาติคัดสรร ผู้เข้มแข็งย่อมอยู่รอด”
อีกด้านหนึ่งชายชราผมเผ้าหนวดเคราขาว สวมชุดคลุมสีดำ นั่งบนหลังงูยักษ์สีดำตัวหนึ่ง เอ่ยเสียงราบเรียบ
ทุกคนในที่นั้นล้วนเงียบกริบกันหมด
ชายชราผู้นี้นามว่าฮวาซิงฉวี่ มาจากเขาวิญญาณหมื่นอสูร เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ครอบครองปราณระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ด!
อันที่จริงผู้แข็งแกร่งที่ปรากฏตัวบริเวณเมืองนำทางในเวลานี้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นรุ่นอาวุโสที่ครอบครองปราณระดับราชันขึ้นไปทั้งนั้น
เหมือนอย่างชายชราชุดนักพรตสวมเกี้ยวประดับเท้าเหยียบเมฆสีม่วงอ่อนคนนั้น ก็เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่เหยียบย่างมรรคาอมตะคนหนึ่งเช่นเดียวกัน
เขามีฉายามรรคว่า ‘ทั่วเฉิงจื่อ’ มาจากสำนักยุทธ์นครนิล
พวกเขาเป็นตัวแทนสำนักต่างๆ มุ่งหน้ามาต้อนรับศิษย์ที่กำลังจะกลับจากแดนมกุฎ แต่ไม่ถึงกับแห่ขบวนโอ่อ่า
เพราะต่างรู้ดีว่าผู้แข็งแกร่งที่สามารถรอดชีวิตจากศึกชิงชัยสิบปี และหวนกลับมาโดยสวัสดิภาพ หากไม่เหนือความคาดหมาย ส่วนใหญ่พลังปราณต้องทะลวงระดับราชันกันหมดอย่างแน่นอน
“ฮ่าๆ ทุกท่านวางใจเถิด ตอนที่คนรุ่นเยาว์เหล่านั้นกลับมา จะต้องถอดรยางค์เปลี่ยนกระดูก แตกต่างจากที่ผ่านมาอย่างแน่นอน”
หญิงงามในชุดม่วงระบายยิ้มพลางเอ่ยปาก นางนั่งในเกี้ยวสมบัติ ลักษณะท่าทางงดงามมีเสน่ห์ ยามที่สายตากวาดมองผ่านๆ กลับให้ความรู้สึกแห่งการผ่านประสบการณ์มาโชกโชนแก่ผู้คน
นางก็คือซางหลิวเยวี่ย สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดจากเผ่าวิญญาณสมุทร ถูกชาวโลกเรียกขานกันว่า ‘ซางฮูหยิน’
“คนรุ่นเยาว์? ซางฮูหยิน เกรงว่าท่านคงต้องเปลี่ยนคำเรียกขานเสียใหม่ หากคนรุ่นเยาว์ในอดีตเหล่านั้นกลายเป็นมกุฎราชัน ไม่ว่าจะรากฐานหรือระดับพลังล้วนสามารถมองเป็นรุ่นเดียวกันพวกเราได้แล้ว”
ทั่วเฉิงจื่อจากสำนักยุทธ์นครนิลทอดถอนใจกล่าว
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันในที่นั้นต่างมีสีหน้าซับซ้อน
ไม่เจอหน้าสิบปี คนรุ่นเยาว์เหล่านั้นก็จะกลายเป็นบุคคลระดับเดียวกับพวกเขาแล้ว ไม่เพียงสถานะเปลี่ยนไป แม้แต่ปราณก็ยังต่างจากเดิมด้วย
เมื่อก่อนพวกเขายังเหยียดหยัน ไม่เห็นหัว และไม่สนใจคนรุ่นหลังเหล่านี้อยู่เลย แต่ตอนนี้สถานการณ์เช่นนี้ย่อมไม่อาจคงอยู่อีกต่อไปแล้ว
นี่ก็คือความมหัศจรรย์ของแดนมกุฎ รวบรวมศุภโชคยิ่งใหญ่สูงสุด แค่สิบปีสั้นๆ ก็ทำให้คนรุ่นเยาว์ทั้งหมดผงาดง้ำขึ้นมาได้ ดุจดั่งถอดคราบ กลายเป็นยักษ์ใหญ่แห่งโลกปัจจุบัน!
ส่วนสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันในที่นี้ คนไหนบ้างที่ไม่ได้ฝึกปราณนับร้อยนับพันปี ทุ่มเททนลำบากสารพัด ผ่านอุปสรรคมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่กว่าจะประสบความสำเร็จอย่างวันนี้ได้
เมื่อเทียบกันเช่นนี้แล้ว ในใจพวกเขาก็เกิดช่องว่างขนาดใหญ่ขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้!
การวิพากษ์วิจารณ์ดำเนินต่อไป เวลาค่อยๆ เคลื่อนคล้อย
ใกล้ๆ สถานที่นำทาง ผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจต่างๆ ก็มากขึ้นเรื่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นในลาน ต่างพากันเฝ้ารอ
……
ภาพเหตุการณ์เช่นนี้ล้วนอุบัติขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ในดินแดนรกร้างโบราณ
ในดินแดนรกร้างโบราณมีสถานที่นำทางสามพันแห่ง กระจายตัวสอดรับกับสามพันแดนแห่งแดนมกุฎ
ณ ตอนนี้ พร้อมๆ กับช่วงเวลาที่แดนมกุฎจะปิดฉากใกล้มาถึง ละแวกสถานที่นำทางเหล่านี้ก็กลายเป็นจุดรวมความสนใจจากใต้หล้าด้วยเช่นกัน.ไอลีนโนเวล.
“ส่งคนไปต้อนรับคนจากสำนักกระบี่เทียมฟ้าของพวกเรา!”
นครหยกขาว สำนักกระบี่เทียมฟ้า เสียงน่าเกรงขามสายหนึ่งดังกึกก้อง
วันเดียวกันนี้สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับอมตะเคราะห์หลายคนที่ปิดด่านเป็นเวลานาน ต่างพร้อมใจเดินออกจากนครหยกขาว
“นับดูแล้วพวกเขาก็ควรกลับมาแล้ว ก็ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะมีกี่คนที่สรรค์สร้างความแข็งแกร่งในขอบเขตมกุฎระดับราชันได้…”
แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ก็มีเงาร่างสัตว์ประหลาดเฒ่าปรากฏขึ้น และมุ่งหน้าไปยังสถานที่นำทางเช่นกัน
สำนักกระบี่เทียมฟ้า แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ แดนพิสุทธิ์อมตะ เรือนกระบี่เร้นปุจฉา เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ…
แต่ละเผ่าแต่ละสำนักโบราณต่างส่งผู้แข็งแกร่งออกมา
ในแดนเร้นอริยะที่กระจายตัวอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ในดินแดนรกร้างโบราณ เหล่าสำนักโบราณอย่างลัทธิไร้สวรรค์ ลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ อารามกษิติครรภ์เป็นต้น ต่างมีการตอบสนองออกมาเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์