มหายุคสิบปี สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปไม่ใช่เพียงดินแดนรกร้างโบราณ ยังเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของผู้แข็งแกร่งมากมายด้วยเช่นกัน
ที่เห็นชัดมากที่สุดในนั้นก็คือ สิบปีมานี้ทั่วหล้าปรากฏผู้แข็งแกร่งระดับราชันจำนวนมหาศาล!
และสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันที่แต่เดิมอยู่บนมรรคาอมตะ ก็อาศัยโอกาสมหายุคครั้งนี้ ทำให้ปราณแห่งตนบังเกิดการเปลี่ยนแปลงรุดหน้าแบบก้าวกระโดด
แต่สุดท้ายก็แค่สิบปีเท่านั้น
สัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างพวกอูจินหวน ฮวาซิงฉวี่ ก็เป็นบุคคลที่เสมือนเจ้าเหนือหัวในดินแดนรกร้างโบราณตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว
บนมรรคาอมตะ ล้วนเรียกได้ว่าเป็นผู้อาวุโสยอดฝีมือ!
ทว่าตอนนี้สัตว์ประหลาดเฒ่าสองคนอย่างอูจินหวน ฮวาซิงฉวี่ ต่างถูกบั่นหัวหลุดจากบ่าในชั่วอึดใจ เลือดสาดกระเซ็นระฟ้า
ตั้งแต่ต้นจนจบยังไม่ทันต่อต้านและตอบสนอง!
ทั่วลานเงียบกริบ
ในสนามรบโบราณอันกว้างใหญ่ ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนเย็นวาบในใจ หน้าเปลี่ยนสีอย่างที่สุด นี่ก็คือพลังของขอบเขตมกุฎระดับราชัน?
เพียงแต่ จะพลิกฟ้าเกินไปแล้วกระมัง
สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ด ภายใต้สถานการณ์ที่อริยะไม่ออกโรง ก็เพียงพอจะอาละวาดตามพื้นที่ใดๆ ก็ตามในดินแดนรกร้างโบราณ ถูกเชิดชูเป็นราชันเจ้าเหนือหัว!
แต่ภายใต้น้ำมือหลินสวิน กลับเหมือนไก่ดินสุนัขกระเบื้อง ไม่อาจขวางกั้นการโจมตีเดียว!
มีเพียงพวกบุคคลขอบเขตมกุฎในที่นั้นที่รู้ดี หลินสวินในตอนนี้หาใช่มกุฎราชันธรรมดาทั่วไป ปราณของเขาก็อยู่ในระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดด้วยเช่นกัน!
อย่าว่าแต่ฆ่าสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ปราณเท่ากันพวกนี้เลย ต่อให้ข้ามระดับสังหารศัตรูก็ง่ายดายสบายมือ
อันดับหนึ่งแดนมกุฎ อันดับหนึ่งกระดานทองคำผู้กล้า ตำแหน่งระดับนี้ล้วนครองอำนาจทั่วทั้งแดนเก้าบน ความแข็งแกร่งในพลังต่อสู้มีหรือจะถูกคนอื่นท้าทายได้ง่ายๆ
อูจินหวน ฮวาซิงฉวี่อาจมากล้นประสบการณ์ จัดเจนกว้างขวาง
แต่ที่น่าเสียดายคือ พวกเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับคำว่ามกุฎนี้!
“อ๊า!”
ซางฮูหยินส่งเสียงร้องแหลมออกมา ประหนึ่งได้รับแรงกระตุ้นยิ่งใหญ่ เงาร่างพุ่งพรวดทะยานขึ้น หมายจะหนีไปให้ไกลสุดกำลัง จวนจะเสียสติ
ถึงขั้นที่แม้แต่อาวุธราชันประจำตัวนางยังไม่เอาแล้ว!
และพร้อมกันนั้นทั่วเฉิงจื่อก็สีหน้าแตกตื่นเช่นกัน เลือกจะเผ่นหนี
การตายของพวกอูจินหวนสองคนก็เหมือนค้อนหนักเต้าหนึ่ง ทุบที่พึ่งทางจิตใจของพวกเขาแหลกเป็นจุณอย่างสิ้นเชิง ทำให้พวกเขาตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของคนหนุ่มตรงหน้าอย่างสมบูรณ์
คนหนุ่มเช่นนี้ ไม่ใช่ ‘เด็กรุ่นหลัง’ ที่พวกเขาสามารถกัดเซาะ เหยียบย่ำ ปู้ยี่ปู้ยำตามอำเภอใจได้ตั้งนานแล้ว หากแต่สามารถนั่งทัดเทียมกับพวกเขา ถึงขั้นเป็นบุคคลที่สามารถกดข่มความน่ากลัวของพวกเขาได้!
หากเป็นเพียงเท่านี้พวกเขาก็พอฝืนยอมรับได้ ถึงอย่างไรต่อให้พวกเขาสู้ไม่ได้ อย่างน้อยก็สามารถพึ่งพาขุมอำนาจใหญ่เบื้องหลังมาทำการข่มขู่ได้
แต่ที่ทำให้พวกเขาพังทลายคือ หลินสวินไม่กลัวการข่มขู่เลยสักนิด!
ดังนั้น จึงมีแต่หนี
พรวด!
ดาบบินเขียวมรกตขยับไหว พุ่งโฉบออกไปกลางห้วงอากาศ
จากนั้นอีกหนึ่งหัวก็ถูกตัด เป็นซางฮูหยินจากเผ่าวิญญาณสมุทร
หัวของนางลอยคว้าง ร่างไร้หัวยังคงเผ่นหนีกลางห้วงอากาศเพราะแรงเฉื่อย ไม่กี่อึดใจต่อมาจึงร่วงตุ้บจากห้วงอากาศเสียงกึกก้อง
หัวกับตัวแยกห่างกันแปดพันจั้ง!
ภาพเหตุการณ์แปลกพิลึกนั่น ทำเอาคนทั่วลานมองดูจนเย็นวาบไปทั่วร่าง
และพร้อมกันนั้นเงาร่างหลินสวินหายไปจากจุดเดิม ขวางอยู่ด้านหน้าทั่วเฉิงจื่อด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
ทั่วเฉิงจื่อแข็งทื่อไปทั้งร่าง ฝีเท้าชะงักกึกโดยพลัน หัวใจล้วนจมสู่ก้นเหวลึก
เขาเอ่ยปากอย่างขมขื่น “หลินสวิน เหลือทางรอดให้กันบ้างได้หรือไม่”
สิ่งที่ตอบเขา คือการโบกแขนเสื้อหนึ่งคราของหลินสวิน
ตูม!
ทั่วเฉิงจื่อคำรามเดือด ต่อต้านเต็มกำลัง แต่ท้ายที่สุดก็ไม่เป็นผล ความแตกต่างห่างชั้นกันเกินไป
ก็เห็นเงาร่างของเขาแตกสลายฉับพลัน กลายเป็นเถ้าธุลีสาดพรมกลางห้วงอากาศ
ดีดนิ้วโบกแขนเสื้อหนึ่งครา ฝุ่นผงลอยคลุ้งมอดดับ!
ฟ้าดินเงียบสงัดไร้สุ้มเสียง เหล่าผู้กล้าต่างสีหน้าแข็งทื่อกันถ้วนหน้า แม้แต่บุคคลขอบเขตมกุฎเหล่านั้นก็ยังอดจิตใจสั่นไหวไม่ได้
ตั้งแต่ต้นจนจบเวลาเพียงชั่วอึดใจ สัตว์ประหลาดเฒ่าคนแล้วคนเล่าถูกสังหาร เข่นฆ่าประหนึ่งฉีกภาพวาด ราบเรียบและง่ายดาย!
เมื่อมองกลับไปยังหลินสวิน เขายังคงสงบเยือกเย็นเหมือนก่อนหน้า บุคลิกงามสง่าไร้มลทิน
“ยังมีใครอยากแก้แค้นแทนศิษย์และลูกหลานตัวเองอีกก็ออกมาได้เลย”
หลินสวินกวาดสายตามองทั่วลาน อาภรณ์โบกพลิ้ว ยืนเหนือห้วงอากาศ ถึงแม้กลิ่นอายจะราบเรียบดุจเมฆเอื่อย แต่บุคลิกกลับผงาดกร้าวกลืนกินภูผาธารา!
ทั่วลานยิ่งเงียบกริบมากขึ้น ไม่มีใครกล้าขานรับ
ในใจทุกคนล้วนผุดคำถามข้องใจนับไม่ถ้วน หลินสวินในตอนนี้แข็งแกร่งถึงขั้นไหนกันแน่
ช่วงสิบปีในแดนมกุฎนี้ บนตัวเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้มากน้อยเท่าไหร่กัน
“ทุกท่าน ขอลา!”
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบรับ หลินสวินกวาดสายตามองพวกบุคคลขอบเขตมกุฎที่เคยมีวาสนาพบหน้าค่าตากันสองสามครั้งพวกนั้น ก่อนประสานมือให้จากไกลๆ
จากนั้นเงาร่างก็ขยับไหว จากไปอย่างผ่าเผย
ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีใครกล้าขัดขวาง!
เนิ่นนานบรรยากาศเงียบสงัดในที่นั้นถึงถูกทำลายลง ผู้แข็งแกร่งแต่ละสำนักใหญ่ที่มุ่งหน้ามาต้อนรับเหล่านั้น ต่างพากันเริ่มถามไถ่เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในแดนมกุฎช่วงสิบปีมานี้
สิ่งที่ได้รับการจับจ้องจากผู้คนมากที่สุดก็คือ วีรกรรมเกี่ยวกับหลินสวิน
“ศิษย์ละอายใจนักที่ไม่สามารถเข้าสู่แดนเก้าบน ไม่รู้เรื่องราวของหลินสวินแน่ชัด แต่ที่สามารถมั่นใจได้ก็คือ เขาเหยียบย่างระดับมกุฎราชันแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย”
ผู้แข็งแกร่งที่กลับจากแดนมกุฎในที่นั้น ส่วนใหญ่แทบจะติดอยู่ในแดนเผาเซียนและไร้วาสนาเข้าสู่แดนเก้าบน
พวกเขาย่อมไม่รู้แน่ชัดถึงท่วงท่างามสง่าของหลินสวินในแดนเก้าบน
“แดนเก้าบน หลินสวินเริ่มจากกวาดล้างอาณาเขตของขุมอำนาจใหญ่อย่างพวกเผ่าอีกาทอง เผ่าวิญญาณสมุทร…”
คำถามเหล่านี้ ได้รับคำตอบจากบุคคลขอบเขตมกุฎเหล่านั้นแล้ว
“หลังจากนั้นนานหลายปี เขาฆ่าบุคคลแห่งยุคคนแล้วคนเล่าอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่นบุตรนรก ไป๋หลงถิง กู่ฝอจื่อ…”
ยิ่งรับรู้วีรกรรมเกี่ยวกับหลินสวินมากขึ้น บรรยากาศในที่นั้นก็พลอยเปลี่ยนเป็นเงียบเชียบมากขึ้นทุกที
สัตว์ประหลาดเฒ่าส่วนหนึ่งยิ่งเหงื่อกาฬท่วมหัว จิตผวาขวัญแขวน หายใจยังยากลำบาก
ที่แท้หลินสวินไม่ใช่ระดับมกุฎราชันธรรมดาจริงๆ ด้วย บนมรรคาอมตะ ล้วนเรียกได้ว่าเป็นตัวตนระดับเทพมารเจ้าเหนือหัวก็ไม่ปาน!
“อะไรนะ อวิ๋นชิ่งไป๋… ถึงกับตายด้วยน้ำมือหลินสวิน?”
และเมื่อได้รู้ถึงศึกที่หลินสวินสังหารอวิ๋นชิ่งไป๋ในสังเวียนพิฆาตมาร บรรยากาศทั่วลานที่แต่เดิมก็กดดันมาเนิ่นนาน บัดนี้ระเบิดปะทุดุเดือดเหมือนภูเขาไฟที่สะสมพลังมาช้านาน
ทั่วลานฮือฮา เสียงร้องอุทานดังทั่วสี่ทิศ กึกก้องสะท้อนชั้นเมฆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์