“ตาย!”
ในเสียงระเบิด สองมือของอูหลิ่วฉือประคองสุริยันใหญ่สีทองผ่ากระแทกออกไป
ชั่วขณะนั้นราวกับสุริยันที่แท้จริงดวงหนึ่งร่วงหล่นจากฟากฟ้า หมายจะทำลายล้างโลก อากาศล้วนหลอมละลาย ผืนป่ารอบๆ มอดไหม้ขึ้นมา
ผึง!
และตอนนี้เอง เสียงหวีดแปลกประหลาดดังก้องขึ้น
บนสายธนูสีแดงสดที่ถูกดึงจนตึง ศรแห่งนภาครามยิงออกมา กลางฟ้าดินเกิดปรากฏการณ์น่ากลัวที่ธารดาราระเบิด สรรพสิ่งยุบทลาย
และรอบๆ ธนูวิญญาณไร้แก่นสารก็สะท้อนภาพสุริยันจมดิ่ง กาทองร้องไห้เป็นสายเลือด!
แวบเดียวก็สามารถมองเห็นว่า ห้วงอากาศ ฝุ่นควัน และรัศมีแสงรอบๆ… ล้วนพังทลายแตกดับในชั่วพริบตา แปรเปลี่ยนเป็นเสียงกึกก้องปั่นป่วนรุนแรง
ราวกับเมื่อศรนี้ยิงออกมา ก็นำพาทุกสิ่งเข้าสู่ความว่างเปล่าอย่างหนึ่ง และทำลายล้างมันจนสิ้นซาก!
ภาพนี้สะท้านขวัญเกินไป
เพียงแค่ศรเดียวเท่านั้น
ฟ้าดินถูกอานุภาพนี้ช่วงชิง!
ตูม
ศรแห่งนภาครามราวกับรุ้งเทพ แทงอาทิตย์สีทองดวงนั้นทะลุอย่างง่ายดายกลางอากาศ ทำให้มันระเบิดเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นเปลวเพลิงที่ม้วนตัวปั่นป่วน
และศรแห่งนภาครามอานุภาพไม่ลดลง พุ่งทะยานไปทางอูหลิ่วฉือที่อยู่ห่างออกไป!
“สมควรตาย!”
สีหน้าของอูหลิ่วฉือเปลี่ยนไปโดยพลัน
สำหรับเขา แม้มีศรแห่งนภาครามหลินสวินก็ยากจะแสดงอานุภาพของศรนี้ ถึงอย่างไรเด็กนี่ก็เป็นแค่ผู้แข็งแกร่งระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดคนหนึ่งเท่านั้น
แต่ใครจะคิดว่า พลังของศรนี้เหนือการคาดการณ์ของเขาอย่างสิ้นเชิง!
‘เป็นพลังของธนูนั่น ทำให้ศรนภาครามสำแดงอานุภาพที่เหนือจินตนาการ’
อูหลิ่วฉือในฐานะอิรยะประสบการณ์หลากหลายเพียงใด สามารถตัดสินสาเหตุได้ในทันที
สวบ!
เงาร่างของเขาพริบไหว เคลื่อนผ่านห้วงอากาศหลบหนี
แต่สิ่งที่ทำให้อูหลิ่วฉือขนลุกคือ ศรนภาครามประหนึ่งมีชีวีต กักขังตัวเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา พุ่งทะยานเข้ามาราวกับจะกัดกินกระดูก!
‘เบื้องบนเป็นนภาครามเบื้องล่างเป็นยมโลก ข้าดันลืมไปว่าเมื่อศรนี้แผลงออกมา ไม่เห็นเลือดไม่หวนกลับ!’
ในใจอูหลิ่วฉือเดือดดาล
พรวด!
ในขณะที่อูหลิ่วฉือพยายามจะหลบอีกครั้ง เพียงรู้สึกว่าหน้าอกเจ็บปวดรุนแรง ถูกศรแห่งนภาครามทะลวงเป็นรูเลือดทั้งอย่างนั้น
เขากลั้นไม่อยู่อีกต่อไปส่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมา ใบหน้าชราดุร้ายขึ้นมา
แปลกประหลาดเกินไปแล้ว!
ด้วยพลังระดับอริยะของเขา แม้แต่หลบหนีดันทำไม่ได้ เหตุใดศรนภาครามจึงน่ากลัวเพียงนี้
ชั่วขณะนี้อูหลิ่วฉือฉุกคิดถึงป้ายวิญญาณแต่ละป้ายในศาลบรรพชนของเผ่า ในหมู่ป้ายวิญญาณเหล่านั้น อย่างน้อยมีกว่าครึ่งที่ตายภายใต้ศรเทพทั้งเก้าของเผ่าต้าอี้
และบรรพชนที่ตายภายใต้ศรนภาคราม อย่างน้อยมีมากกว่าสิบคน พวกเขาทุกคนล้วนมีพลังปราณระดับอริยะ!
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ ถึงขั้นมีพลังต่อสู้ระดับมหาอริยะ!
แต่สุดท้ายล้วนตายภายใต้ศรนภาคราม
ทั้งหมดนี้ล้วนสามารถยืนยันความน่ากลัวของศรนภาคราม
ในเวลาเดียวกันในใจหลินสวินเองก็ตกตะลึงระลอกหนึ่ง หลังจากเข้าสู่ดินแดนรกร้างโบราณ มีน้อยครั้งที่เขาจะใช้ธนูวิญญาณไร้แก่นสาร
ส่วนศรแห่งนภาครามยิ่งไม่เคยใช้แม้แต่ครั้งเดียว
คิดไม่ถึงว่าภายใต้การประสานของธนูวิญญาณไร้แก่นสารและศรแห่งนภาคราม จะสามารถเกิดพลังทำลายล้างที่น่ากลัวเพียงนี้
‘ที่ราชินีกระหายเลือดจ้าวซิงเย่พูดไว้ไม่ผิด ศรเทพทั้งเก้าของเผ่าต้าอี้คือดาวข่มแต่กำเนิดของเผ่าอีกาทอง’
‘ยังมีธนูวิญญาณไร้แก่นสาร เรียกได้ว่าเป็นอาวุธสังหารชั้นเลิศ ตอนนั้นราชินีกระหายเลือดเคยพูดว่า หากอยากตามหาวิญญาณอาวุธของธนูวิญญาณไร้แก่นสารกลับคืนมา สามารถไปที่หุบเขาตะวันคล้อยสักเที่ยว…’
‘คาดเดาเช่นนี้ ระหว่างธนูวิญญาณไร้แก่นสารกับเผ่าอีกาทอง น่าจะต้องมีบุญคุณความแค้นที่คลี่คลายไม่ได้ถึงจะถูก…’
‘น่าเสียดาย ด้วยพลังของข้าในตอนนี้ยังไม่เพียงพอจะไปบุกหุบเขาตะวันคล้อย มิฉะนั้นก็อยากฉวยโอกาสนี้ไปสักรอบเสียจริง’
ความคิดเหล่านี้แวบขึ้นมาในใจหลินสวินทันใด
แต่ในมือเขาไม่หยุดชะงักแม้สักนิด ง้างสายธนูอีกครั้ง
วู้ม
ทันใดนั้นระลอกคลื่นแปลกประหลาดที่ประหนึ่งเสียงโหยหวนของเทพมารดังก้องขึ้นอีกครั้ง
สีหน้าของอูหลิ่วฉือเปลี่ยนไปทันที ชูมือเรียกค้อนทองแดงด้ามหนึ่งออกมา สายฟ้าสีทองพรั่งพรู ทุบกระแทกใส่หลินสวินโดยพลัน
ค้อนทองแดงนี้เห็นชัดว่าเป็นสมบัติอริยะชิ้นหนึ่ง!
และเมื่อใช้ในมืออริยะอย่างอูหลิ่วฉือ อานุภาพที่เกิดขึ้นจึงสามารถสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
พลันเห็นว่าชั่วพริบตานั้นพายุปั่นป่วนลมคะนองปกคลุมฟ้าดิน ในห้วงอากาศถึงกับควบรวมดอกตูมสายฟ้าหลายดอกออกมา แผ่วพลิ้วล่องลอยลงมาโดยมีสายฟ้าโลดแล่น
สวบ!
ศรแห่งนภาครามพุ่งออกมา ดุเดือดรุนแรงถึงขั้นน่าสะพรึง ทะลวงลำแสงสายฟ้าเป็นชั้นๆ โดยตรง พุ่งโจมตีไปทางอูหลิ่วฉือ
อูหลิ่วฉือตะโกน ถือค้อนทองแดงฟาดตีดังปัง ศรแห่งนภาครามถูกสกัดไว้
แต่ทั้งร่างของเขากลับถูกแรงกระแทกที่น่ากลัวนั่นสะเทือนจนเซถอย หน้าอกกระเพื่อมรุนแรง กระอักเลือดคำหนึ่งออกมาอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว
นี่ทำให้อูหลิ่วฉือยังยากจะเชื่อ
คนหนุ่มระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดคนหนึ่ง ใช้เพียงหนึ่งคันธนูหนึ่งศรก็มีพลังที่โจมตีเขาจนบาดเจ็บได้แล้วงั้นหรือ
เหลวไหลเกินไปแล้ว!
แต่ดันเกิดขึ้นมาเสียอย่างนั้น!
“มาอีก วันนี้ข้าจะง้างธนูยิงกา ทำลายล้างสัตว์เดรัจฉานอย่างเจ้าซะ”
ผมดำของหลินสวินพลิ้วไหว ท่าทางเย่อหยิ่ง คลื่นพลังในร่างกายไหลสู่ธนูวิญญาณไร้แก่นสารราวกับแม่น้ำใหญ่
วู้ม
ศรแห่งนภาครามพาดบนสายธนูที่ดึงจนตึงอีกครั้ง พายุสายฟ้าสั่นสะเทือน เทพมารคำราม ความรุนแรงของอานุภาพสั่นสะเทือนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
สีหน้าของอูหลิ่วฉือมืดทะมึนคล้ำเขียวถึงขีดสุดแล้ว ตาแทบถลนออกมา
อริยะที่ยิ่งใหญ่ กลับถูกคนรุ่นหลังคนหนึ่งโจมตีจนบาดเจ็บต่อเนื่อง เป็นความน่าอับอายอย่างมหันต์ ทำให้เขาแทบคลั่ง
“ข้าจะฆ่าเจ้า”
เขาตะคอก
ฝีมือของอริยะ แน่นอนว่าไม่ใช่แค่นี้
ชั่วขณะนี้ก็เห็นอูหลิ่วฉือสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง รุ้งเทพสีทองเป็นสายๆ ทะลวงอากาศ เปลี่ยนเป็นวงแสงที่ดุจดั่งตะวันดวงน้อยมากมายเป็นร้อยเป็นพัน เบียดแน่นหนาทึบ ปูแผ่เต็มฟ้า
พันตะวันผลาญอากาศ!
นี่คือวิชาลับอริยะมรรคชั้นสูงเฉพาะเผ่าอีกาทอง ชักนำแนวโน้มแห่งความว่างเปล่าโดยรอบ เป็นพลังที่มีเพียงอริยะเท่านั้นจึงจะครอบครองได้
หลินสวินนัยน์ตาหดรัดลงทันที
……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์