Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1357

สรุปบท ตอนที่ 1357 ตำนานยุคปัจจุบัน: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปตอน ตอนที่ 1357 ตำนานยุคปัจจุบัน – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

ตอน ตอนที่ 1357 ตำนานยุคปัจจุบัน ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

วันนี้ เป็นวันที่แดนมกุฎสิบปีปิดม่าน

วันนี้ ยังเป็นวันที่เหล่าอริยะถูกสังหารด้วยเช่นกัน!

ข่าวเกี่ยวกับศึกสังหารอริยะครั้งนี้ไม่อาจปกปิดได้สักนิด เรียกคลื่นลมโหมซัดในสำนักใหญ่เก่าแก่แต่ละแห่งของดินแดนรกร้างโบราณเป็นอย่างแรก

สำนักกระบี่เทียมฟ้า

“อวี๋ซิวและขู่หยายังไม่กลับมาหรือ”

เสียงทรงอานุภาพน่าเกรงขามหาใดเปรียบสายหนึ่งดังขึ้น ก้องสะท้อนในโถงใหญ่ของสำนักกระบี่เทียมฟ้า

ภายในโถงใหญ่ คนระดับสูงของสำนักกระบี่เทียมฟ้าทั้งกลุ่มมองหน้ากันเลิกลั่ก นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่ผู้อาวุโสสูงสุดเอ่ยถาม

ว่ากันตามหลักทั่วไป เหล่าอริยะออกโรงฆ่าคนรุ่นเยาว์ที่ยังไม่บรรลุอริยะคนหนึ่งเท่านั้น นั่นไม่ต่างอะไรกับเหล่ามังกรสวรรค์ไปบดขยี้มดปลวกให้ตายชัดๆ

สิ่งที่ทำให้ผู้คนสนใจอย่างแท้จริงคือ หลินสวินจะตายด้วยน้ำมืออริยะคนใดของขุมอำนาจไหนกันแน่!

ทว่าจวบจนบัดนี้กลับไร้ซึ่งข่าวสาวส่งกลับมา ย่อมพาให้ผู้คนประหลาดใจ

“รายงาน แย่แล้ว อริยะคนหนึ่งส่งข่าวมา บะ… บอกว่าผู้อาวุโสอวี๋ซิวและขู่หยาทั้งสองคน ล้วนประสบเคราะห์สิ้นชีพแล้ว!”

ทันใดนั้นเสียงตื่นตระหนกลนลานสายหนึ่งก็ดังขึ้นในโถงใหญ่

จากนั้นทั่วทั้งสำนักกระบี่เทียมฟ้าล้วนได้ยินเสียงแผดคำรามเดือดดาลหาใดเปรียบดังขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า สะเทือนเลื่อนลั่นจนเวิ้งฟ้าชั้นเมฆต่างแหวกออ

ผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้านับไม่ถ้วน ต่างได้รู้ในวันนี้ว่าอริยะแท้สองคนในสำนักถูกฆ่า และฆาตกรก็คือหลินสวิน!

……

อารามกษิติครรภ์

กลางอารามเก่าแก่เสียงปึงดังหนึ่งครา สายลูกประคำในมือภิกษุเฒ่าคนหนึ่งขาดผึง มุกประคำเอิบอิ่มใสวาวเม็ดแล้วเม็ดเล่าร่วงกระจายเกลื่อนพื้น

“ศิษย์พี่ฝ่าเจิ้ง ถึงกับต้านคนนอกรีตนั่นไม่ได้?”

จิตใจของภิกษุเฒ่าเสียการควบคุม สีหน้าวูบไหวไม่นิ่ง

……

เผ่าวิญญาณสมุทร

“ตายแล้ว ผู้อาวุโสซางเย่ตายแล้ว!”

เสียงโศกเศร้าโกรธแค้นนับไม่ถ้วนดังสนั่น ในนั้นยังเจือเสียงร่ำไห้คร่ำครวญอยู่ด้วย กระจายทั่วเก้าชั้นฟ้า

……

ลัทธิบูชาจันทร์

“เป็นไปไม่ได้! เจ้าคนที่เหมือนมดปลวกตัวหนึ่งจะฆ่าอริยะพิทักษ์สำนักตายได้อย่างไร ตรวจสอบ! ตรวจสอบให้ข้าอย่างชัดเจน!”

ในวันนี้เจ้าลัทธิลัทธิบูชาจันทร์ราวกับบ้าคลั่ง โมโหเดือดดาล ทำเอาศิษย์ลัทธิบูชาจันทร์ทั้งกลุ่มตกใจจนจิตสั่นขวัญผวา ลนลานไม่สงบ

……

เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ

“จบกัน… อริยะหญิงลึกลับนั่นยังไม่ได้เคลื่อนไหว ผู้อาวุโสโก่วเจิ้นซานก็ประสบเคราะห์… พวกเรา… พวกเราเท่ากับล่วงเกินเจ้าเด็กหลินสวินนี่โดยสมบูรณ์แล้ว…”

คนใหญ่คนโตของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬทั้งหมดต่างเหมือนถูกสายฟ้าฟาด ขวัญหลุดวิญญาณกระเจิง

ภาพเหตุการณ์ฉากแล้วฉากเล่าคล้ายแบบนี้ต่างอุบัติขึ้นในขุมอำนาจใหญ่แต่ละแห่ง

“ถึงกับมีอริยะเก้าคนร่วงหล่น…”

และพร้อมกันนั้น ยามที่ขุมอำนาจเก่าแก่อื่นๆ ของดินแดนรกร้างโบราณได้รู้ข่าวพวกนี้ ต่างก็พากันตกใจจนแทบไม่อยากเชื่อ

ใต้อริยะ สรรพชีวิตดุจดั่งมดปลวก

ระดับอริยะ คือบุคคลที่ยืนตระหง่านอยู่เหนือจุดสูงสุดทั่วใต้หล้ากลุ่มหนึ่ง มีพลานุภาพเทียมฟ้าน่าเหลือเชื่อ เรืองรองเทียบเท่าสุริยันจันทรา

ทว่าตอนนี้ภายใต้การต่อสู้ครั้งใหญ่ เก้าอริยะต่างดับสังขาร!

ดินแดนรกร้างโบราณ กี่ปีแล้วที่ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน

“เจ้าเด็กหลินสวินนี่ ไปหยิบยิมพลังของผู้ใดกันแน่ เหตุใดถึงน่ากลัวปานนี้”

“ลือกันว่าอริยะที่ซ่อนตัวในเงามืดส่วนหนึ่งต่างถูกทำให้ตกใจถอยกรูด เผ่นหนีอุตลุด ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนไม่กล้าโผล่หน้า!”

“เจ้าเด็กนี่… ช่างอำมหิตจริงๆ!”

“ขนาดอริยะยังรั้งเขาไว้ไม่ได้?”

ในวันนี้ ไม่รู้มีเฒ่าดึกดำบรรพ์ตั้งเท่าไหร่เสียกิริยา ถูกฝีมืออันนองเลือดที่คนหนุ่มรุ่นเยาว์คนหนึ่งสำแดงออกมาทำให้ตกใจ

และไม่รู้ขุมอำนาจใหญ่ตั้งเท่าไหร่ที่ฮือฮาและสั่นสะเทือนเพราะเรื่องนี้

ข่าวสารก็ช่างปิดไม่มิดสักนิด ไม่นานไม่เพียงแต่ขุมอำนาจเก่าแก่ของดินแดนรกร้างโบราณ แม้แต่สรรพชีวิตมากมายมหาศาลที่กระจายอยู่แต่ละพื้นที่ของดินแดนรกร้างโบราณต่างก็ล่วงรู้กันถ้วนหน้า

ชั่วขณะเดียวทั่วหล้าต่างตกใจ

“ต่ำช้า อริยะที่ผ่าเผยถึงกับร่วมมือกันไปจัดการเด็กรุ่นหลังอย่างเทพมารหลิน ช่างหน้าไม่อายถึงที่สุดแล้วชัดๆ!”

มีคนเดือดดาล

“สะใจโว้ย! เทพมารหลินฆ่าได้ดีทีเดียว ที่ผ่านมาอริยะพวกนี้ทำตัวสูงส่ง เห็นสรรพชีวิตเป็นมดปลวกเศษวัชพืช ตอนนี้ก็ทำให้พวกเขาได้ลิ้มรสสักหน่อยว่าอะไรที่เรียกว่าสิ้นหวัง!”

มีคนระเบิดหัวเราะ เลือดร้อนสูบฉีด ต่างแซ่ซ้องให้กับวีรกรรมยิ่งใหญ่ของหลินสวิน

“ทำเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าหลินสวินล่วงเกินขุมอำนาจเก่าแก่เหล่านั้นอย่างสิ้นเชิงแล้วหรือ”

มีคนหวั่นวิตก

“เหลวไหล! ขนาดอริยะยังฆ่าได้ ต่อไปขุมอำนาจใหญ่เก่าแก่ที่ไหนยังกล้าไม่ลืมตา ไปหาเรื่องหลินสวินอีกกัน รังเกียจว่าอริยะที่ถูกฆ่ายังไม่มากพออีกเรอะ”

มีคนหัวเราะเยาะหยัน

นี่ก็คือความเป็นไปของสรรพชีวิต พวกเขาเป็นเพียงผู้ชมอยู่ด้านข้าง มักจะออกความเห็นแตกต่างกันตามความชอบใจของตน

แต่ไม่ว่าอย่างไรในแง่ท่าทีที่ปฏิบัติต่อหลินสวิน ไม่ว่าเป็นใครต่างไม่กล้าเยาะหยันและถากถางเหมือนที่ผ่านมาเช่นนั้นอีกแล้ว

เพราะว่าหลินสวินในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะสามารถเหยียบย่ำและหยามเกียรติได้!

อริยะยังถูกเขาฆ่าตาย พลังต่อสู้อันดุดันและน่าสะพรึงระดับนี้ นับแต่อดีตจวบจนปัจจุบันจะมีสักกี่คนที่ทำได้

“นับแต่นี้เป็นต้นไป เทพมารหลินยิ่งใหญ่แล้ว และจะเป็นอันหนึ่งหนึ่งของคนรุ่นเดียวกัน ไม่อาจต้านทาน ไร้ขุมอำนาจใหญ่กล้ารังแก!”

คนมากมายทอดถอนใจ

ลือกันว่ายามที่ดอกหม่อนหิมะบาน มีผู้ฝึกปราณมากมายได้ยินเสียงร่ำไห้โหยหวนของอริยะอยู่รำไร…

เมืองหม่อนหิมะ ก็เพราะถูกพู่กันวสันต์สารทบันทึกไว้ในหนังสือบันทึกประวัติศาสตร์ จึงเลื่องชื่อตราบชั่วกาล กลายเป็นเมืองดังที่มีตำนานหลากสีสันแห่งหนึ่งในดินแดนรกร้างโบราณ

ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดภายภาคหน้า ก็ดึงดูดผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไหร่มุ่งหน้ามาซึมซับอดีตตราบเท่าปัจจุบัน

ย้อนคิดถึงการต่อสู้ที่อริยะร่วงหล่นดุจสายฝนในปีนั้น ก็ไม่รู้มีมหายุทธ์เท่าไหร่ที่ร้องอุทานตกใจให้กับเทพมารหลินสามคำนี้

……

ไม่กี่วันต่อมา

ภายในถ้ำภูเขาแห่งหนึ่งในหุบเขาเขียวชอุ่ม หลินสวินตื่นจากการนั่งสมาธิ รู้สึกเพียงว่าจิตวิญญาณทั่วร่างเต็มสมบูรณ์ ความคิดชัดเจนเต็มเปี่ยม จิตผ่องแผ้วลมปราณปลอดโปร่ง

“ใช้จิตสถูปปลิดชีพแลกชีวิตของเก้าอริยะ ก็คุ้มแล้ว…”

หลินสวินถอนหายใจ

จิตสถูปปลิดชีพ คือสิ่งที่อริยพุทธซิงเจียหลงเหลือไว้ เป็นพลังแห่งมรรคจักรพรรดิ น่าสะพรึงจนไม่อาจจินตนาการ

ที่น่าเสียดายคือ ใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

ยามนี้ของสิ่งนี้อันตรธานไปแล้ว

เพียงแต่ผ่านการต่อสู้ครั้งนี้ ทำให้หลินสวินได้เข้าใจถึงบารมีและบุคลิกสง่างามของผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิส่วนหนึ่ง และจิตแห่งการแสวงมรรคของเขาก็ยิ่งหนักแน่นมากขึ้น

‘ครั้งนี้ เหตุใดเจ้าไม่ขอให้ข้าลงมือ’

ห้องโถงมรรคาสวรรค์ในห้วงนิมิต จู่ๆ ก็มีเสียงใสเย็นคลุมเครือของหญิงลึกลับคนนั้นดังออกมา

นี่เป็นครั้งแรกที่นางเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามก่อน!

มุมปากหลินสวินเจือรอยยิ้มสายหนึ่ง สื่อสารผ่านจิตรับรู้ว่า ‘ฆ่าเดรัจฉานเฒ่ากลุ่มหนึ่งเท่านั้น ไยต้องรบกวนผู้อาวุโส’

‘ดูท่าเจ้ากำลังลองตัดการพึ่งพาทางสภาวะจิตที่มีต่อข้าอยู่ ไม่เลว แดนมกุฎสิบปีนำพาความเปลี่ยนแปลงมาสู่เจ้าอย่างใหญ่หลวงจริงๆ สามารถหยั่งถึงจุดนี้ได้… ไม่เลวเลยจริงๆ’

ในเสียงเย็นใสของนางผุดเผยเสี้ยวอารมณ์อย่างหาได้ยาก คล้ายชื่นชม และคล้ายทอดถอนใจ

จะว่าไปนางเป็นถึงคนที่เฝ้าดูหลินสวินพัฒนาทีละก้าวตั้งแต่ยังไม่ทันผงาด จนมีความสำเร็จในวันนี้ได้ ตอนที่แน่ใจว่าสภาวะจิตของหลินสวินไม่ได้เห็นตนเป็นที่พึ่งอีกต่อไป จะไม่ให้นางไม่รู้สึกได้อย่างไร

เหยี่ยวแรกเกิด สุดท้ายก็ต้องมีเวลาที่สยายปีกบินลำพัง

ผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง ก็ย่อมต้องมีจิตใจที่ยืนหยัดด้วยตนเอง!

ในเส้นทางของการเสาะแสวงมหามรรค หากเอาแต่พึ่งพาภูมิหลัง อำนาจ วัตถุภายนอก การดูแลจากผู้อื่น…

ชั่วชีวิตนี้ความสำเร็จก็มีขีดจำกัด!

“ผู้อาวุโสท่านกล่าวหนักไปแล้ว ต่อไปหากพานพบอันตรายที่ไม่อาจคลี่คลายได้ ข้าก็ยังต้องร้องขอความช่วยเหลือจากท่านอย่างแน่นอน”

หลินสวินยิ้มขื่นพลางรีบร้อนอธิบาย

ล้อเล่นน่า เขาจะไม่ละทิ้งโอกาสที่จะขอร้องหญิงลึกลับให้ลงมือในตอนสุดท้ายแน่

แน่นอน ในใจเขายิ่งมีแรงกระตุ้น ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวอย่างหนึ่ง ว่าบนเส้นทางฝึกปราณในภายหน้า หากมีเวลาที่ไม่ต้องร้องขอความช่วยเหลือจากหญิงลึกลับอีกต่อไป

นั่นถึงจะดีที่สุด!

……………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์