Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1359

เคาะจิตถามตน ยามเมื่อได้รู้ข่าวว่าหลินสวินฆ่าเหล่าอริยะตาย เหมิงหรงเองก็หวาดกลัวขวัญผวาไม่สิ้นเพราะเรื่องนี้เช่นกัน

ในฐานะอดีตสนมจักรพรรดิของจักรวรรดิจื่อเย่า มีเพียงตัวเหมิงหรงเองที่รู้ดี ว่าปีนั้นข่าวที่ว่าทารกคนนั้นของตระกูลหลินมีชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิด รั่วไหลออกไปได้อย่างไร

กล่าวได้ว่าเหตุการณ์นองเลือดในตระกูลหลินครั้งนั้น ตัวการหลักอาจจะเป็นอวิ๋นชิ่งไป๋ แต่ตัวการรองย่อมตัดความสัมพันธ์กับนางไม่ขาดอย่างแน่นอน

แต่เหมิงหรงไม่กลัวด้วยซ้ำ

ที่นี่คือสำนักกระบี่เทียมฟ้า หลินสวินนั่นมีหรือจะกล้าบุกเข้ามา

ได้ยินข่าวว่า ปัจจุบันเจ้าเด็กนี่เพิ่งมีปราณแค่เพียงระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดเท่านั้น เหตุที่ฆ่าเหล่าอริยะได้ คงไม่พ้นหยิบยืมพลังภายนอกเท่านั้นแล้ว

“ท่านแม่ พวกเราคงไม่ใช่จะหมกตัวอยู่ที่สำนักกระบี่เทียมฟ้า ไม่ออกไปไหนตลอดชีวิตหรอกกระมัง”

จ้าวจิ่งเจินร้อนรนหาใดเปรียบ

เขารู้ จากอุปนิสัยของหลินสวินจะต้องไม่ปล่อยพวกเขาไปอย่างแน่นอน!

“เรื่องราวชักเริ่มไม่เข้าที ทั้งเบื้องบนเบื้องล่างในสำนักต่างกำลังสืบเสาะสาเหตุการตายของอวิ๋นชิ่งไป๋ หากถูกเจ้าสำนักรู้เข้า ว่าที่อวิ๋นชิ่งไป๋ผูกแค้นกับตระกูลเบื้องหลังหลินสวินในปีนั้นเกิดขึ้นเพราะพวกเรา ต้องไม่ให้อภัยพวกเราเป็นแน่”

ทันใดนั้นเงาร่างสูงใหญ่ของเหมิงชิวจิ้งก็เดินเข้ามาในตำหนักแสงเมฆา สีหน้ามืดทะมึน หว่างคิ้วเปี่ยมด้วยแวววิตก

เขาคือบิดาของเหมิงหรง ตาของจ้าวจิ่งเจิน

“นี่…”

เหมิงหรงถูกทำให้ตกใจไปชั่วขณะ

จ้าวจิ่งเจินเองก็แข็งทื่อไปทั้งตัว สีหน้าเปลี่ยนไปยกใหญ่

เรื่องที่อวิ๋นชิ่งไป๋ช่วงชิงชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดของหลินสวิน ทั่วทั้งสำนักกระบี่เทียมฟ้ามีเพียงคนไม่กี่หยิบมือเท่านั้นที่รู้ หากเปิดโปงออกมาจะต้องเรียกความเดือดดาลของสำนักให้ปะทุเดือด พวกเขาคงหนีความเกี่ยวข้องไม่พ้นเป็นแน่

“เหมิงหรง เจ้าพาจ้าวจิ่งเจินออกไปเถิด”

เหมิงชิวจิ้งสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เอ่ยเสียงขรึมว่า “กลับโลกชั้นล่าง ไปขอความช่วยเหลือจากจ้าวหยวนจี๋ จิ่งเจินเป็นลูกชายแท้ๆ ของเขา เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะปล่อยให้ตายโดยไม่ช่วยเหลือ”

“เขา?”

เหมิงหรงสั่นเทิ้มไปทั้งตัว สีหน้าวูบไหวไม่นิ่ง ชายผู้นั้นปกครองจักรวรรดิจื่อเย่า แผนการลึกล้ำดั่งมหาสมุทร อานุภาพล้นฟ้า

ต่อให้เคยเป็นสนมของเขา แต่เหมิงหรงก็ไม่เคยมองชายผู้นี้ออกสักครั้ง เขาก็เหมือนปริศนาอย่างหนึ่ง ลึกล้ำสุดหยั่ง และยังแกร่งกล้าไร้ปรานี!

หากไม่จำเป็น นางยอมไม่พบคนผู้นี้ไปตลอดชีวิตดีกว่า

“ท่านตา ท่านพ่อของข้ามีแต่จะให้ข้าไปเฝ้าสุสานราชวงศ์เท่านั้น แทนที่จะเป็นเช่นนี้ ข้ายอมอยู่ที่สำนักกระบี่เทียมฟ้าดีกว่า”

จ้าวจิ่งเจินเองก็ลนลานเช่นกัน

ในภาพจำของเขา ท่านพ่อเป็นคนที่น่ากลัวหาใดเปรียบคนหนึ่ง ในสายตาอีกฝ่ายมีเพียงใต้หล้ากับมหามรรค

บรรดาลูกหลานในราชวงศ์ คนเดียวที่สามารถเข้าตาท่านพ่อได้ มีแต่จ้าวจิ่งเซวียนเท่านั้น!

“ไปเถิด”

เหมิงชิวจิ้งคล้ายตัดสินใจแน่วแน่ “ข้าจะเปิดพิกัดข่ายอาคมที่เชื่อมสู่โลกชั้นล่างให้พวกเจ้าเอง หลังจากกลับไปคราวนี้ก็ไม่ต้องกลับมาอีก!”

ช่องทางมุ่งหน้าสู่โลกชั้นล่างล้วนถูกตัดขาดนานแล้ว เหมิงชิวจิ้งเชื่อว่า นอกเสียจากหลินสวินจะสามารถครอบครองพิกัดข่ายอาคมทำนองเดียวกันได้ หาไม่ชั่วชีวิตนี้ก็อย่าหวังจะหวนสู่โลกชั้นล่างได้อีก

สีหน้าของเหมิงหรงวูบไหวไม่นิ่ง เนิ่นนานกว่าจะสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง พยักหน้าตกปากรับคำ

ส่วนจ้าวจิ่งเจินก็จิตหลุดขวัญเตลิด คล้ายถูกสูบพลังทั้งหมดจนเกลี้ยง

เขารู้ ต่อให้หวนสู่โลกชั้นล่าง สิ่งที่รอคอยตนอยู่ก็ต้องเป็นชะตาชีวิตอันมืดมนไร้แสงเดือนแสงตะวัน เป็นคนเฝ้าสุสานไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน!

……

เขาด้านหลังสำนักกระบี่เทียมฟ้า มียอดเขาสามสิบหกลูก

ไม่ทันไร เงาร่างของเหมิงชิวจิ้งก็ปรากฏอยู่ด้านหน้าเขาลูกหนึ่งภายในนั้น กล่าวรายงานโดยสังเขปแล้วเข้าสู่ด้านในของยอดเขาอันเป็นส่วนลึกของช่องทางภูเขาอันลึกล้ำแห่งหนึ่ง

สุดปลายทางช่องทางภูเขา เป็นบ่อหินหนืดมหึมาแห่งหนึ่ง หินหนืดสีแดงเพลิงม้วนตลบ แผ่กลิ่นอายชวนสยองที่ร้อนระอุไร้ทัดเทียมออกมา

กระบี่เทพสีดำสนิทเล่มหนึ่งลอยผลุบโผล่ในบ่อหินหนืด เห็นได้ชัดว่าลึกลับหาใดเปรียบ

“ใต้เท้า เรื่องราวเป็นไปได้สูงว่าอาจล้มเหลวแล้ว”

เหมิงชิวจิ้งค้อมกายโค้งคารวะ น้ำเสียงต่ำลึก สีหน้าถึงกับเจือแววเกรงกลัวที่ยากจะกลบซ่อน

“ข้าได้ยินมาบ้างแล้ว”

ทันใดนั้นเงาร่างคล้ายมายาสายหนึ่งก็โผล่ออกมาจากกระบี่เทพสีดำสนิทเล่มนั้น

เมื่อสังเกตโดยละเอียด นั่นเป็นชายชราที่สีหน้าเฉยเมยอย่างที่สุดคนหนึ่ง หนวดผมสะอาดเรียบร้อย นัยน์ตาเจิดจ้าราวกับอาทิตย์ดวงใหญ่ ไหลเวียนด้วยแสงเพลิงอันน่าสะพรึง

“ปีนั้นเป็นข้าที่พาเจ้าเด็กอวิ๋นชิ่งไป๋นี่ออกจากหมู่บ้านเล็กๆ แร้นแค้นแห่งหนึ่งเข้าสู่สำนัก และก็เป็นข้าที่ชุบเลี้ยงเขาจนเติบใหญ่ เดิมคิดอยากให้เขากลายเป็นบุคคลชั้นเลิศที่อยู่เหนือสุดในรุ่น น่าเสียดาย… กลับวางหมากคลาดเคลื่อนเสียได้”

ชายชราถอนหายใจเบาๆ แต่สีหน้ากลับไร้แววไหวหวั่น

“อวิ๋นชิ่งไป๋เป็นหมากที่สำคัญยิ่งคนหนึ่ง ข้าทุ่มแรงกายแรงใจทั้งหมดฝากฝังไว้กับตัวเขา รอแค่หลังจากแดนมกุฎปิดม่านก็จะให้เขารับผิดชอบแผนการของพวกเรา”

เงาร่างของชายชราคล้ายภาพมายา ลอยล่องอยู่เหนือกระบี่เทพสีดำสนิท

“ตอนนี้ต่อให้ชุบเลี้ยงผู้สืบทอดอีกคนก็คงไม่ทันแล้ว ไม่พ้นสิบปี สงครามเก้าดินแดนก็จะเริ่มขึ้นแล้ว นี่ก็หมายความว่า… แผนการที่พวกเราลำบากกายใจมาหลายสิบปี… ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงแล้ว…”

ชายชราเอ่ยถึงตอนสุดท้าย ในน้ำเสียงเจือแววเคืองแค้นและไม่พอใจอย่างเข้มข้น “อวิ๋นชิ่งไป๋ที่สมควรตายนี่ ทำลายการใหญ่ของข้า ช่างไม่ได้ความเกินไปชัดๆ!”

“ตามแผนการ หากเขากลายเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาบุคคลขอบเขตมกุฎของดินแดนรกร้างโบราณนี่ได้ อาศัยอิทธิพลของเขา ก็สามารถกลายเป็นคนที่มีบทบาทสำคัญยิ่งยวดในตอนที่สงครามเก้าดินแดนมาถึง หากแผนการราบรื่นต่อไปเรื่อยๆ ถึงขั้นสามารถทำลายบุคคลขอบเขตมกุฎในหมู่คนรุ่นเยาว์ทั้งหมดของดินแดนรกร้างโบราณในคราวเดียวได้เลยด้วยซ้ำ!”

“แต่ว่า…”

กล่าวถึงตรงนี้ สีหน้าของชายชราก็เปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวหาใดเปรียบ “เขาดันถูกฆ่าแล้ว!”

ตูม!

ไอสังหารอันน่าสะพรึงวูบหนึ่งแผ่กว้างออกมาจากตัวของชายชรา น่าสะพรึงเกินไป ทำให้เหมิงชิวจิ้งยังแข็งทื่อไปทั้งตัว ทั่วร่างราวกับตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง

“น่าชังนัก!”

เหมิงชิวจิ้งซักถาม
ไอรีนโนเวล
“เจ้าก็อยู่ต่อสักระยะเถอะ ต่อไปหากมีเวลาที่ต้องใช้งานเจ้า ข้าจะติดต่อเจ้าเอง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์