ราชันอินทรีอสนีเขียว!
เหนือหอประตูเมือง เหล่าคนใหญ่คนโตหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ ในใจลอบร้องว่าแย่แล้ว
แม้แต่ซ่งจวินกุยก็ยังนัยน์ตาหดรัดลง
ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ราชันอินทรีอสนีเขียวตนนี้ไม่เคยปรากฏตัวมาโดยตลอด ใครก็คิดไม่ถึงว่ามันจะโจมตีมาในตอนนี้ได้!
ในฐานะผู้บังคับการมณฑลแห่งหนึ่ง ซ่งจวินกุยย่อมรู้ว่าราชันอินทรีอสนีเขียวก็คือพี่น้องร่วมสาบานของราชันเกราะทอง มีพลังปราณระดับอมตะเคราะห์ด่านสี่ พลังต่อสู้น่ากลัวไร้สิ้นสุด
ด้วยพลังปราณระดับราชันของซ่งจวินกุยย่อมไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของมันได้
สวบ!
สายฟ้าวูบไหวสีเขียวเคลื่อนมาอย่างรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ ราวกับเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา
ยามซ่งจวินกุยได้สติกลับมา กรงเล็บยักษ์แหลมคมที่โอบล้อมไปด้วยสายฟ้าสีเขียวคู่หนึ่งอยู่ใกล้เพียงเอื้อม ตะปปเข้าที่ศีรษะของเขาแล้ว!
เสร็จกัน…
ชั่วพริบตานี้ซ่งจวินกุยรู้สึกคับข้องใจอย่างบอกไม่ถูก
เดิมเขาต้องการจะตายตกไปกับศัตรู ร่วมเป็นร่วมตายกับเมืองนี้ จะคิดได้อย่างไรว่าเพียงแค่ราชันอินทรีอสนีเขียวตนหนึ่งก็ทำให้เขาไร้พลังต้านทานได้!
หากตายไปเช่นนี้ ไม่ยินยอมยิ่งนัก!
เวลานี้ทั้งหอประตูเมืองเงียบกริบ
“ใต้เท้า!”
ทุกคนที่อยู่ใกล้เคียงต่างหน้าถอดสี ในใจเหมือนตกลงไปในหุบเหวลึก
ซ่งจวินกุยเป็นผู้บังคับการมณฑลซีหนาน หากเขาตายไป สงครามครั้งนี้ก็จะปิดฉากลงด้วยความพ่ายแพ้ยับเยินของจักรวรรดิ
“ตาย!”
ราชันอินทรีอสนีเขียวเพิ่งเผยยิ้มน่ากลัว ก็พลันได้ยินเสียงตะคอกเย็นชาเสียงหนึ่ง…
“ไสหัวไป!”
เพียงไม่กี่คำ สายฟ้าก็ฟาดลงมายังพื้นดิน
ดุจดั่งบัญชาจากทวยเทพบนสวรรค์ เต็มไปด้วยพลังน่าหวาดหวั่น
เปรี้ยง!
ราชันอินทรีเขียวไม่ทันต้านรับ เพียงรู้สึกเหมือนสมองระเบิด ทั้งร่างถูกพลังที่ไม่อาจต้านทานได้กระแทกเข้าอย่างจัง
ด้านพวกซ่งจวินกุยที่เดิมสิ้นหวังคับข้องใจก็ตัวสั่นงันงก นัยน์ตาพลันเบิกกว้าง
ก็เห็นว่าเงาร่างใหญ่โตที่กว้างถึงสิบกว่าจั้งของราชันอินทรีเขียวซึ่งอยู่ใกล้แค่เอื้อม ถูกซัดกระเด็นถอยหลังไปอย่างรุนแรง ตกลงไปบนสนามรบที่อยู่ไกลลิบคล้ายว่าวที่สายป่านขาด
ในกองทัพสัตว์อสูรที่อยู่ไกลออกไปมีเสียงร้องตกตะลึงดังขึ้นทันใด วุ่นวายโกลาหลไปหมด
“นี่…”
เหนือหอประตูเมือง พวกซ่งจวินกุยรอดจากความตาย ต่างรู้สึกเหมือนฝันไป ไม่กล้าทำใจเชื่อ
ราชันอินทรีเขียวตนนั้นน่ากลัวปานใด แต่บัดนี้ดันถูกเสียงตะคอกเสียงหนึ่งสะเทือนจนถอยไปสามพันจั้งหรือ
ขณะนี้บนสนามรบที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดเงียบสงัดขึ้นฉับพลัน
ขอเพียงเห็นภาพนี้เข้า ไม่ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งของจักรวรรดิหรือเหล่าสัตว์อสูรมารต่างก็ใจสั่นระรัว ตกตะลึงไม่หยุด
และเป็นตอนนี้เอง ยานขนส่งลำหนึ่งโรยตัวลงมาจากฟากฟ้าสู่เบื้องหน้าหอประตูเมือง
พวกหลินสวินกรูกันออกมา
สวบ!
สายตาของพวกซ่งจวินกุยพากันมองไป เพียงแต่เมื่อเห็นผู้มาเยือนต่างก็ชะงักไปอย่างห้ามไม่อยู่
กองกำลังนี้ประหลาดนัก มีเพียงสิบสองคน นอกจากคนที่นำหน้ามาสองคน คนอื่นต่างเป็นหนุ่มสาวรุ่นเยาว์ มีพลังปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณเท่านั้น
“ไม่ใช่กองหนุน…”
หลายคนเอ่ยปากอย่างขมขื่น
คนหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่ง แถมมีแค่สิบสองคน แต่ฝั่งตรงข้ามเป็นถึงกองทัพที่มีสัตว์อสูรมารถึงหลายแสนตน!
ศักยภาพห่างชั้นกันเกินไปแล้ว
“ขอเรียนถาม เมื่อกี้เป็นสหายผู้นี้ลงมือช่วยใช่ไหม”
ซ่งจวินกุยทอดสายตามองไปยังหลินสวิน
“รอสะสางเศษสวะพวกนี้ก่อน ข้าผู้แซ่หลินค่อยพูดคุยกับทุกท่าน”
หลินสวินหันกาย ทอดสายตามองไปยังสนามรบที่อยู่ไกลออกไป
ระหว่างนี้เขาสังเกตได้อย่างเฉียบแหลม ว่าเหล่าลูกหลานตระกูลหลินที่รวมถึงหลินเสวี่ยเฟิงต่างแสดงสีหน้าเคร่งเครียด ถึงกับตกใจกลัวอยู่รางๆ
นี่ก็เป็นเรื่องปกติ นอกกำแพงเมืองก็คือกองทัพสัตว์อสูรมารที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรมืดฟ้ามัวดิน กลิ่นอายกระหายเลือดโหดเหี้ยมกระหายการสังหารที่กระจายออกมาทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี
นับประสาอะไรกับลูกหลานตระกูลหลินเหล่านี้
พวกเขามายืนอยู่ตรงนี้ได้โดยไม่สติแตก ก็ถือว่าแสดงความสามารถออกมาได้โดดเด่นอย่างยิ่งแล้ว
ด้านพวกซ่งจวินกุยต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แทบไม่กล้าเชื่อหูตนเอง เขาคนเดียวจะคลี่คลายภัยพิบัติสัตว์อสูรมารที่ยิ่งใหญ่นี้ได้หรือ
นี่อย่างกับเรื่องที่เป็นไปไม่ได้!
“หึ! คิดไม่ถึงว่าจะมีคนเก่งกาจโผล่มาคนหนึ่งเสียนี่!”
ไกลออกไปเสียงหัวเราะหยันเดือดดาลของราชันอินทรีอสนีเขียวตนนั้นดังขึ้น มันกระพือปีกทะยานขึ้นฟ้า ทั้งกายอาบชโลมไปด้วยสายฟ้าสีเขียว อานุภาพร้ายกาจคับฟ้า
“โฮก!”
ในสนามรบกองทัพสัตว์อสูรมารคำราม น้ำเสียงและท่าทางชวนหวั่นใจ
กองทัพข่มนคร ยิ่งอันตรายขึ้นไปอีก!
เหล่าลูกหลานตระกูลหลินอย่างพวกหลินเสวี่ยเฟิงเคร่งเครียดกันหมด ศัตรูมากเกินไปแล้ว เบียดเสียดแน่นขนัด มีอยู่ทั่วไปหมด แล้วนี่จะสู้อย่างไร
กลับเห็นว่าตอนนี้หลินสวินเอ่ยเสียงเรียบว่า “ลูกหลานตระกูลหลินจงฟัง สักวันหนึ่งเจ้าจะมีพลังเด็ดขาด แม้ศัตรูนับหมื่นพันก็ต้านการกำราบของเจ้าคนเดียวไม่ได้ ดังเช่น… แบบนี้”
เสียงพูดเพิ่งเงียบลง
ตูม!
เสียงร้องมังกรเสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางฟ้าดินในทันใด
ในสมองของทุกคนต่างปรากฏภาพหนึ่ง ที่ส่วนลึกของฟ้าดาราอันไพศาลไร้ที่สิ้นสุด มังกรเจินหลงที่ใหญ่โตจนไม่อาจจินตนาการได้ตัวหนึ่งพลันชูคอไกวหาง ปรากฏตัวออกมากลางจักรวาลร้องคำรน ร่างยืดยาวมโหฬารนั้นบดบังธารดารา ปกคลุมฟ้าดารา
จักรวาลกว้างใหญ่ไพศาลคล้ายจะรับการพลิกตัวคราวนี้ของมันไว้ไม่ไหว!
เจินหลง!
ทุกคนสั่นสะท้านในจิตใจ
ความจริงแล้วนี่คือรูปจำลองอมตะที่แผ่กระจายออกมาจากร่างหลินสวิน เพียงแต่พลังเช่นนั้นสูงส่งและน่าหวาดหวั่นเกินไป ทำให้ทุกคนได้รับผลกระทบในจิตใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์