หลังจากศึกใหญ่จบลง พวกหลินสวินก็ได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดจากซ่งจวินกุย
ทว่าหลินสวินไม่คิดจะร่ำไร เขากังวลว่าหลังจากราชันเกราะทองได้ข่าวจะไปซ่อนตัว ถ้าเป็นเช่นนั้นจะไปเสาะหาก็คงยุ่งยาก
สุดท้ายหลินสวินตัดสินใจว่าจะให้หลินเสวี่ยเฟิงนำเหล่าลูกหลานตระกูลหลินสิบคนหยุดอยู่ที่นี่เพื่อเข้าร่วมสังหารอสูรมารกับพลทหารจักรวรรดิ
ภัยพิบัติสัตว์อสูรมารกระจายไปทั่วพื้นที่ต่างๆ ของมณฑลซีหนาน แม้ตอนนี้จะได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่ แต่ต่อไปยังต้องต่อสู้อีกมาก
ทว่าเรื่องเหล่านี้เพียงมอบให้กองทัพจักรวรรดิจัดการก็พอแล้ว
“ข้าต้องการรู้ข่าวเกี่ยวกับราชันเกราะทองผู้นี้สักหน่อย”
หลินสวินไปหาซ่งจวินกุยเพื่อสอบถาม
“ราชันอสูรมารตนนี้ยึดครองส่วนลึกของเทือกเขาวิญญาณหยินนอกเมืองดาราโรยมาโดยตลอด…”
ซ่งจวินกุยบอกข้อมูลที่รู้ให้หลินสวินฟังทีละเรื่อง แต่ต่างเป็นข้อมูลที่ไม่สำคัญ
ฐานะ ประวัติความเป็นมา และศักยภาพของราชันเกราะทอง แม้แต่ซ่งจวินกุยก็ไม่รู้
สาเหตุก็เพราะหลายปีมานี้ราชันเกราะทองผู้นี้ปรากฏตัวน้อยครั้งนัก ควบคุมกองทัพสัตว์อสูรมารอย่างลับๆ มาโดยตลอด
“จริงสิ ก่อนหน้านี้ไม่นานราชันเกราะทองผู้นี้เคยคุยโวว่าหากคุณชายหลินกล้ามาที่มณฑลซีหนาน เขาจะ…”
พอพูดจบซ่งจวินกุยก็ลังเลไปครู่หนึ่ง
“จะอะไร”
หลินสวินถาม
“รับท่านเป็นข้ารับใช้”
ซ่งจวินกุยกัดฟันครั้งหนึ่งแล้วพูดความจริงออกไป
หลินสวินอึ้งไป ทันใดนั้นก็ยิ้มขึ้นอย่างอดไม่ได้ พยักหน้าเอ่ยว่า “ข้ารู้แล้ว ข้าล่ะอยากเห็นจริงๆ ว่าเดรัจฉานนี่มีความสามารถอะไรถึงได้กล้าคุยโวแบบนี้”
รังสีเย็นเยียบไหวเคลื่อนในดวงตาดำคู่นั้นของเขา
ผ่านไปสองชั่วยาม
ตอนนี้หลินสวินปรากฏตัวอยู่นอกเมืองดาราโรย
ขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงวันพอดี แต่ฟ้าดินกลับไม่มีชีวิตชีวาสักนิด เมืองดาราโรยที่ใหญ่โตกลายเป็นซากปรักหักพัง มองเห็นกระดูกแห้งและรอยเลือดได้ทุกที่
นอกเมืองหลายร้อยลี้ ทิวเขาแนวหนึ่งยาวต่อเนื่องไปเหมือนไร้สิ้นสุด เมฆทะมึนโอบล้อม
ตามคำพูดของซ่งจวินกุย เขาวิญญาณหยินปรากฏขึ้นบนโลกหลังฟ้าดินแปรผันฉับพลัน ราชันเกราะทองก็เป็นราชันอสูรมารผู้แข็งแกร่งตนหนึ่งที่ผงาดขึ้นจากที่นี่
หลายปีมานี้พร้อมๆ กับที่ภัยพิบัติสัตว์อสูรมารเกิดขึ้นไม่ว่างเว้น เขาวิญญาณหยินแห่งนี้ก็เหมือนกลายเป็นค่ายใหญ่ของสัตว์อสูรมารเหล่านั้น
กองทัพจักรวรรดิเคยเข้าโจมตีที่นี่หลายครั้ง แต่ล้วนจบลงด้วยความล้มเหลว ไม่อาจเหยียบย่างเข้าไปในเขาวิญญาณหยินแห่งนั้นสักก้าว!
ถึงกับยังมีผู้แข็งแกร่งระดับราชันของจักรวรรดิหลายคนสิ้นชีพที่นี่
จากจุดนี้ก็รับรู้ได้ถึงความน่ากลัวของเขาวิญญาณหยินแล้ว
‘ถ้าสามารถฆ่าสัตว์อสูรมารที่นี่ให้ตายพร้อมกันในคราวเดียวได้ คงเพียงพอจะคลี่คลายภัยพิบัติอสูรมารของมณฑลซีหนานได้แล้วกระมัง…’
หลินสวินลุกขึ้นยืน ก้าวย่างไปในห้วงอากาศ เคลื่อนไปยังเขาวิญญาณหยินที่อยู่ไกลออกไป
“หืม?”
“ถึงกับมีมนุษย์เข้าประชิด!”
“ฆ่า!”
เพียงแต่ยังไม่ทันที่หลินสวินจะเข้าใกล้ ในพื้นที่ใกล้เคียงนั้นก็มีกำลังพลสัตว์อสูรมารกองหนึ่งพุ่งออกมา บางตนยังกลายร่างเป็นคนกระโจนมาทางนี้อย่างดุร้ายน่ากลัว
ที่นี่เป็นอาณาเขตของจักรวรรดิ แต่ตอนนี้สัตว์อสูรมารพวกนี้กลับอ้างตัวเป็นราชัน ทำตัวเหมือนเป็นเจ้าของที่!
ในจักรวรรดิสัตว์อสูรมารที่ทัดเทียมผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะเป็นศัตรูอันตรายที่รับมือได้ยากถึงที่สุดไปแล้ว แต่สำหรับหลินสวินก็ไม่ได้เก่งกาจเลย
ปึงๆๆ!
การโจมตีของพวกมันมาถึงครึ่งทางก็ถูกกลิ่นอายบนตัวหลินสวินบดขยี้ไป
“แย่แล้ว!”
สัตว์อสูรมารเหล่านั้นตกตะลึงยกใหญ่ รับรู้ได้ว่าพบเข้ากับศัตรูแข็งแกร่ง พอกำลังจะตอบสนองกลับไป ก็เพียงรู้สึกว่าอานุภาพน่าหวาดหวั่นไร้รูปสายหนึ่งเข้าปกคลุม
ครู่ต่อมาร่างของพวกมันก็สลายกลายเป็นฝุ่นผง!
หลินสวินเดินเยื้องย่างไปในห้วงอากาศโดยไม่ปิดบังสักนิด เข้าประชิดเขาวิญญาณหยินที่อยู่ไกลออกไปเช่นนี้
“เร็วเข้า! มีศัตรูจู่โจม!”
“กล้าจังนะ เจ้าพวกไม่รู้ดีชั่วคนไหนกล้าแจ้นมาที่อาณาเขตของพวกเรา”
ชั่วขณะหนึ่งในบริเวณใกล้เคียงสัตว์อสูรมารที่จำศีลอยู่ในนั้นต่างตื่นตระหนก พากันพุ่งตัวออกมา
ทอดสายตามองไปก็เห็นว่าไออสูรมารถาโถม เงาร่างไหววูบ มีแต่เงาร่างของสัตว์อสูรมารไปทั่วทุกแห่งหน
หลินสวินประหลาดใจไปครู่หนึ่งอย่างอดไม่ได้ แต่ก็ยิ่งทำให้เขาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะทำลายที่นี่!
ครืน!
หลินสวินสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง พลังแผ่ออกมาเหมือนพายุคลั่งม้วนตลบโลกา ทุกที่ที่พัดผ่าน หินผาระเบิดแหลก ต้นไม้ใบหญ้ากลายเป็นฝุ่น
ตลอดทางสัตว์อสูรมารที่กระโจนเข้ามาต่างถูกฉีกทึ้งเหมือนเศษกระดาษ แปรสภาพเป็นฝนเลือดสาดกระเซ็นเต็มฟ้า
“นี่… จะน่ากลัวเกินไปแล้ว”
สัตว์อสูรมารเหล่านั้นร้องเสียงแหลม ตัวสั่นงันงกไม่หยุด
“เร็ว เข้าไปพร้อมกัน จะต้องสกัดเขาไว้ให้ได้!”
ในเขาวิญญาณหยินที่อยู่ไกลออกไปมีเสียงตะคอกดังราวอสนีบาตระลอกแล้วระลอกเล่าดังขึ้น
ทันใดนั้นภาพอัศจรรย์ภาพหนึ่งปรากฏสู่สายตาหลินสวิน ก็เห็นว่าภายในเขาวิญญาณหยินมีนกปีศาจสัตว์สี่เท้าไหลหลั่งออกมาภายนอกอย่างสะเทือนเลื่อนลั่นเหมือนเมฆดำมืดฟ้ามัวดิน
แน่นขนัดเบียดเสียด นับหมื่นนับพัน คล้ายไหลมาไม่ขาดสาย
มากเกินไปแล้ว!
หลินสวินคิดไม่ถึงว่าในเขาวิญญาณหยินลูกเดียวจะมีสัตว์อสูรมารมากมายปานนี้ยึดครองอยู่
ดวงตาเย็นชาของเขาวาบประกายสายฟ้า คร้านจะติดพันกับเดรัจฉานราวมดตัวจ้อยพวกนี้
ก็เห็นเขาพลันสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เพียงเฮือกเดียวเท่านั้นกลับเหมือนคุนเผิงกลืนสมุทร ในห้วงอากาศราวกับมีพายุลูกหนึ่งถูกกลืนเข้าไปในปากหลินสวิน
ห้วงอากาศบิดเบี้ยวยุบตัว
สัตว์อสูรมารเหล่านั้นต่างตื่นตะลึง ในหัวงุนงงไปหมด เจ้าหมอนี่จะทำอะไร
ก็เห็นว่าขณะนี้หลินสวินพลันแหงนหน้าขึ้นคำราม!
เสียงคำรามผูเหลา!
เสียงคำรามนี้กลายเป็นคลื่นกราดเกรี้ยวสีทองราวมหาสมุทร ครึกโครมดุจอสนีบาต แผ่กระจายไปทั่วทิศโดยมีหลินสวินเป็นศูนย์กลาง
หนำซ้ำพร้อมกับที่เสียงคำรามที่ยิ่งดังขึ้น ฟ้าดินแถบนี้ต่างคล้ายรับไม่ไหว ถล่มพังทลาย ส่งเสียงระเบิดและยุบตัวไปทุกกระเบียด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์