Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1390

ตูม!

เขาวิญญาณหยินสูงนับหมื่นจั้งสั่นโคลงอย่างรุนแรง ผนึกเทพถูกกำจัด พื้นผิวของภูเขาลูกนี้ถูกฟันออกเป็นรอยแยกตรงแน่วรอยหนึ่ง น่าตื่นตระหนกเมื่อได้เห็น

หลินสวินกลับนิ่วหน้า

ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ ชั่วดีดนิ้วก็เผาภูผาหลอมทะเล แต่ตอนนี้กลับไม่อาจทำลายเขาวิญญาณหยินลูกนี้โดยสมบูรณ์เสียได้

ที่ทำให้หลินสวินไม่เข้าใจที่สุดก็คือ หลังจากตนเข้ามาในพื้นที่ภูเขาแห่งนี้ กวาดล้างตลอดทาง ความเคลื่อนไหวที่ก่อขึ้นยิ่งใหญ่ปานไหน

แต่กระทั่งตอนนี้ ‘ราชันเกราะทอง’ ที่ว่ายังไม่เคยปรากฏ

สิ่งนี้ดูผิดวิสัยนัก

บนเขาวิญญาณหยิน สัตว์อสูรมารร้องเสียงดัง ต่างตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก สับสนอลหม่านไปหมด

ผนึกเทพพิทักษ์ภูเขาที่ถูกมองว่าเป็นที่พึ่งพิงใหญ่ยิ่งก็ยังถูกหลินสวินทำลายได้ในกระบวนเฉือนเดียว นี่ก็เหมือนหญ้าฟางต้นเดียวล้มอูฐแบกของได้ ทำให้พวกมันใจฝ่อไปโดยสมบูรณ์

สวบ!

หลินสวินไม่ได้ลังเล เงาร่างลอยสูงขึ้นกลางอากาศ โฉบไปยังเขาวิญญาณหยิน

แสงมรรคน่ากลัวโคจรรอบกายเขา เจิดจรัสราวธารดาราม้วนตลบ ในทุกที่ที่ผ่านห้วงอากาศยุ่งเหยิง หินผาระเบิดป่นปี้

สัตว์อสูรมารที่ถูกจิตรับรู้ของหลินสวินกวาดโดนระหว่างทางทุกตน ไม่ว่าพลังจะอ่อนแอหรือแข็งแกร่งต่างแหลกสลายเป็นฝุ่นผงในชั่วพริบตา สิ้นชีพคาที่

เพียงช่วงเวลาไม่กี่อึดใจเท่านั้น เหนือเขาวิญญาณหยินถูกย้อมไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเข้มข้น ทุกที่ต่างเต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวนชวนหดหู่

นกปีศาจบางตัวสยายปีกจะบิน แต่ก็ไร้ประโยชน์ ร่างกายระเบิดแหลกไปกลางอากาศ

อสูรมารบำเพ็ญบางตนคุกเข่าร้องขอชีวิต แต่ยังถูกปลิดชีพดังเดิม!

หลายปีมานี้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ในจักรวรรดิไม่รู้เท่าไรถูกสัตว์อสูรมารสังหาร เมืองไม่รู้กี่เมืองถูกฆ่าล้างบาง

เดรัจฉานสารเลวพวกนี้ไม่น่าเห็นใจอยู่แล้ว!

แม้หลินสวินไม่ใช่พวกกระหายการเข่นฆ่า แต่ในตอนนี้กลับมีจิตสังหารแน่วแน่ ไม่เห็นอกเห็นใจสักนิด

เวลาเพียงหนึ่งถ้วยชา

ทั้งบนล่างของเขาวิญญาณหยิน เหล่าอสูรมารต่างถูกปลิดชีพ

กลิ่นคาวเลือดและซากศพเตะจมูกปกคลุมไปทั่วภูเขาลูกใหญ่!

‘จนป่านนี้แล้วกลับยังไม่ปรากฏตัว… หรือราชันเกราะทองผู้นี้สังเกตเห็นความผิดปกติได้ก่อนเลยหนีไปแล้ว’

หลินสวินนิ่วหน้า จิตรับรู้ของเขาครอบคลุมไปทั้งเขาวิญญาณหยิน สัมผัสอยู่ตลอด แต่จวบจนตอนนี้ยังไม่พบกลิ่นอายที่เกี่ยวข้องกับราชันเกราะทองแต่อย่างใด

‘ไม่ว่าเจ้าจะได้หนีไปหรือไม่ ก็จะทำลายรังเจ้าให้ราบคาบเป็นอย่างแรก!’

หลินสวินพลันทะยานขึ้นไป ดาบหักพุ่งออกไปดังชิ้งอีกครั้ง เจิดจรัสเปล่งประกาย ราวแสงพาดผ่านกลางจักรวาลสายหนึ่ง พลังดาบฟาดฟันลงมา

ตูม!

เขาวิญญาณหยินสูงหมื่นจั้งถูกฟันออกเป็นสองส่วนอย่างง่ายดาย ตัวภูเขาโงนเงนถล่มลง ได้ยินเสียงครั่นครืนไม่ขาด สั่นสะเทือนจนผืนพสุธาระส่ำระสาย ฝุ่นควันตลบอบอวล

หลินสวินยืนอยู่กลางอากาศ แขนเสื้อโบกพลิ้ว เขาคำนวณเล็กน้อย ตั้งแต่ฝ่าเข้ามาที่นี่จากนอกเมืองดาราโรย ห้อตะบึงมาเก้าพันลี้ ตลอดทางฆ่าอสูรมารนับไม่ถ้วน เลือดย้อมจักรวาล

ตั้งแต่ต้นจนจบยังไม่ถึงหนึ่งเค่อเท่านั้นเอง

ค่ายใหญ่ขุมอำนาจสัตว์อสูรมารที่ยึดครองมณฑลซีหนานแห่งจักรวรรดิแห่งนี้ ถูกกำราบราบคาบ!

สิ่งที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวก็อาจจะเป็นหาราชันเกราะทองไม่พบ

ชิ้ง!

หลินสวินเก็บดาบหักกลับมา พอกำลังเตรียมตัวจะจากไปจู่ๆ ก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง แววตาดุจอสนี ทอดมองไกลๆ ไปยังผืนดิน

เขาวิญญาณหยินถูกทำลายสิ้น ผืนดินยังคงสั่นสะเทือน ฝุ่นควันลอยวน

แต่ในสายตาของหลินสวิน ด้านล่างของเขาวิญญาณหยินกลับมีแท่นบูชาแท่นหนึ่งปรากฏขึ้นในตอนนี้!

แท่นบูชานั้นไม่สะดุดตานัก สูงประมาณเจ็ดฉื่อ ทั้งแท่นก่อขึ้นจากศิลาดำโบราณ นอกจากนี้ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ

แต่หากสัมผัสด้วยจิตรับรู้ก็จะพบว่า พลังพิสดารที่อบอวลอยู่รอบแท่นบูชานี้สามารถตัดการสำรวจของจิตรับรู้ได้!

‘มิน่าเมื่อกี้ถึงสัมผัสไม่ได้ ที่แท้ก็เป็นพลังผนึกที่ขัดขวางจิตรับรู้…’

ประกายวับวาววาบผ่านในดวงตาของหลินสวิน

เงาร่างของเขาลงมาเบื้องหน้าแท่นบูชานั้นอย่างรวดเร็ว พอประเมินเล็กน้อยก็แน่ใจได้เรื่องหนึ่งแล้ว

ที่แท้พลังกระบวนผนึกที่ปกคลุมเหนือเขาวิญญาณหยินก็มาจากแท่นบูชานี้ เป็นเพราะพลังแปลกพิสดารเช่นนี้ถึงทำให้พลังกระบวนผนึกนั้นทรงพลังถึงที่สุด

‘หืม? ถึงกับเกี่ยวพันกับนัยเร้นลับของห้วงอากาศว่างเปล่า…’

ไม่นานนักนัยน์ตาหลินสวินก็หดรัดลง ไหวหวั่นอีกครั้ง สังเกตเห็นพลังสูงส่งของห้วงอากาศจากแท่นบูชาแท่นนี้

‘ค่ายกลเคลื่อนย้ายหรือ หากเป็นเช่นนี้จะเคลื่อนย้ายไปที่ไหนกัน’

หลินสวินประหลาดใจอยู่บ้าง

ค่ายกลเคลื่อนย้ายเป็นค่ายกลเคลื่อนที่ซึ่งมีเพียงอริยะถึงวางได้

ตามที่หลินสวินรู้ ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลมีเพียงสถานที่ไม่กี่ที่เช่นพระราชวัง สำนักศึกษามฤคมรกต ถึงมีค่ายกลเคลื่อนย้ายเช่นนี้

แต่ตอนนี้ใต้เขาวิญญาณหยินแห่งนี้ ในรังของราชันเกราะทองถึงกับมีค่ายกลขนย้ายเช่นนี้ เรื่องนี้ก็ดูน่าเหลือเชื่อนัก

ที่ควรรู้ก็คือราชันเกราะทองผู้นี้ไม่ใช่อริยะ และไม่มีทางมีความสามารถวางค่ายกลนี้ได้!

‘ฟ้าดินแปรผันฉับพลัน ทำให้อาณาเขตของจักรวรรดิในสิบกว่าปีมานี้เกิดความเปลี่ยนแปลงแปลกประหลาดมากมาย ก็เหมือนสัตว์อสูรมารเหล่านี้ที่ราวกับปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ…’

‘ตอนนี้ถึงกับยังมีค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณปรากฏขึ้น หรือเหล่าสัตว์อสูรมารอย่างราชันเกราะทองต่างเป็นผู้ที่โลกอีกด้านหนึ่งส่งมา’

พอคิดถึงตรงนี้ หลินสวินยังออกจะฉงนใจอย่างอดไม่ได้

‘ข้าอยากจะดูนักว่าภายในนี้มีความลับเช่นไรซ่อนอยู่’

ครุ่นคิดครู่ใหญ่หลินสวินก็กัดฟัน เหยียบขึ้นบนแท่นบูชาโบราณนั้นแล้วสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง แสงมรรคไพศาลสายหนึ่งก็เทลงมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์