“ข้าเป็นใคร”
ณ เมืองนครหยก ในคฤหาสน์ตระกูลหลินอันเป็นตระกูลฝึกปราณอันดับหนึ่ง หลินสวิน นายน้อยตระกูลหลินที่อายุเพียงสิบสามปีนั่งอยู่ริมสระน้ำ นิ่งงันเหม่อลอยตามเคย
“นายน้อยนิ่งเหมือนผีเข้าอีกแล้ว…”
ไกลออกไป ข้ารับใช้บางคนคุยกันเสียงเบา ชินตากับเรื่องนี้
สิบสามปีก่อน ปรากฏการณ์ประหลาดตกลงมาจากฟ้า มีไอม่วงสายหนึ่งเทลงมาในคฤหาสน์ตระกูลหลิน และในวันนั้นเอง หลินสวิน นายน้อยตระกูลหลินได้ถือกำเนิดขึ้น
ในฐานะนายน้อยที่เกิดมาพร้อมกับปรากฏการณ์ประหลาดคนหนึ่ง จึงกลายเป็นคนดังในเมืองนครหยกตั้งแต่ถือกำเนิด
ในตระกูลยิ่งรักใคร่ทะนุถนอมนายน้อยผู้นี้นัก ด้วยคิดว่าภายหน้าเขาจะต้องเป็นคนใหญ่คนโตผู้ยืนอยู่เหนือฟ้าดินคนหนึ่งแน่
ที่สำคัญที่สุดก็คือผู้นำตระกูลมีบุตรธิดาเจ็ดคน หลินสวินเป็นบุตรชายเพียงคนเดียว!
พูดอีกอย่างก็คือ ภายหน้าทรัพย์สินตระกูลอันมหาศาลของตระกูลหลินจะต้องมีหลินสวินเป็นผู้สืบทอด
ความพิเศษและสูงส่งในฐานะของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ได้
แต่ที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือ นิสัยของนายน้อยหลินสวินแปลกประหลาดถึงที่สุด ตั้งแต่เล็กก็ไม่ยอมให้ผู้ใดใกล้ชิด รวมถึงบิดามารดาของเขาด้วย
ที่ทำให้ทุกคนในตระกูลหลินกังวลใจนักก็คือ หลินสวินไม่สนใจเรื่องใดเลย ชอบเหม่อลอยตามลำพังอยู่เป็นนิตย์
หากเป็นเช่นนี้ก็ช่างเถอะ แต่หลายปีนี้หลินสวินจะเอ่ยถ้อยคำแปลกพิกลบางอย่างเป็นประจำ เช่น
“ข้าไม่ใช่หลินสวิน พวกเจ้าต้องจำคนผิดไปแล้วแน่ๆ”
“สักวันหนึ่งข้าจะรู้ให้ได้ว่าข้าเป็นใคร!”
“ใช่แล้ว ข้าไม่รู้ว่าข้าเป้นใคร แต่ข้ารู้ว่าข้าต้องไม่ใช่ข้าแน่”
…ถ้อยคำทำนองนี้ทำให้หลินสวินกลายเป็นเด็ก ‘ผิดปกติ’ คนหนึ่ง และทำให้บิดามารดาของเขาต่างปวดหัวหาใดเทียบ
ตอนนี้ทั้งเมืองนครหยก ขอเพียงพูดถึงนายน้อยตระกูลหลิน ก็จะนำพาเสียงหัวเราะขรมระลอกหนึ่งมาให้
“เจ้านี่มันไอ้โง่คนหนึ่ง!”
“ใช่ ไอ้โง่ที่… เกิดพร้อมปรากฏการณ์ประหลาดของฟ้าดินคนหนึ่ง ฮ่าๆๆ”
นี่ก็คือความเห็นของผู้คนมากมายในเมืองนครหยกซึ่งมีต่อหลินสวิน กลายเป็นเรื่องตลกเรื่องหนึ่ง
เด็กหนุ่มตัวเล็กๆ คนหนึ่งกลับกีดกันไม่ให้ผู้ใดมาสัมผัสตั้งแต่เด็ก หนำซ้ำยังชอบพูดจาเพ้อเจ้อ แบบนี้ไม่ใช่คนโง่แล้วจะเป็นอะไรได้
ตระกูลหลินเป็นถึงตระกูลฝึกปราณใหญ่อันดับหนึ่งในเมืองนครหยก แต่บุตรชายคนเดียวของผู้นำตระกูลกลับเป็นคนโง่ คิดจะไม่ดึงดูดความสนใจจากผู้อื่นคงยาก
แน่นอนว่าภายในตระกูลหลิน ต่อให้หลายคนยังสงสัยในใจว่านายน้อยเป็นคนโง่แต่กำเนิดหรือไม่ แต่กลับไม่มีใครกล้าพูดออกมา
ในช่วงหลายปีนี้ตระกูลหลินใช้กลวิธีต่างๆ จนหมดสิ้นเพื่อให้นายน้อยกลับมาเป็นปกติ หรือควรพูดว่ารักษา ‘โรคโง่’ ของเขาให้หาย
เช่นหาโอสถขนานวิเศษมาให้เขา หรือเชิญพระชั้นสูงที่บรรลุมรรคบางคนมาร่ายมนต์… สิ้นเปลืองทรัพย์สินไม่รู้เท่าไรราวกับสายธาร
แต่ล้วนไม่มีประโยชน์อะไร
นายน้อยยังดูประหลาดดังเดิม อีกทั้งยิ่งเติบใหญ่นิสัยก็ยิ่งปลีกวิเวก ไม่สนใจเรื่องใดทั้งสิ้น
วันๆ ก็ชอบทำอยู่เรื่องเดียว เหม่อลอย
บิดามารดาของเขากังวลจนผมหงอกแล้ว ถึงกับเริ่มกังขาว่าบุตรชายของตนจะบกพร่อง โง่เขลา หรือไร้สติปัญญาแต่กำเนิดจริงๆ หรือไม่…
แต่ยังดีที่ถึงอย่างไรหลินสวินก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพวกเขา แม้หลายปีนี้จะโง่เขลาเบาปัญญาไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้ถูกปฏิบัติอย่างเฉยชาอะไร
กลับกัน อาจเพราะจิตคิดสงสาร คนตระกูลหลินทั้งบนล่างต่างดูแลนายน้อยคนนี้ถึงที่สุด ต่อให้เป็นคนโง่ ก็หวังว่าเขาจะเติบโตขึ้นอย่างสงบสุข
แน่นอน ใครก็รู้ว่าสิทธิ์ของผู้สืบทอดตระกูลหลินย่อมไม่มีวาสนากับนายน้อยคนนี้แล้ว
……
เกิดเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งขึ้นตอนหลินสวินอายุสิบห้าปี
ตระกูลหวังแห่งเมืองนครหยกที่เดิมหมั้นหมายไว้กับตระกูลหลินตั้งแต่เด็ก มาเยือนด้วยตัวเองเพื่อขอถอนหมั้น
ตามคำพูดของผู้นำตระกูลหวังหวังเทียนสิง เขารอมาสิบห้าปีแล้ว แต่โรคโง่ของเจ้าหนูตระกูลหลินคนนี้ยังไม่หายเหมือนเดิม เขาไม่อาจรอต่อไปได้แล้ว
พูดง่ายๆ ก็คือ บุตรสาวของเขาหวังเทียนสิงไม่อาจแต่งงานกับคนโง่คนหนึ่ง
แม้ผู้นำตระกูลหลินจะไม่ยินดีแต่ก็แสดงออกว่าเข้าใจ เห็นด้วยกับเรื่องถอนหมั้นอย่างใจกว้าง
มารดาของหลินสวินกลับขุ่นเคืองกับเรื่องนี้ยิ่งนัก คิดว่าแม้ลูกชายของนางอุปนิสัยใจคอแปลกประหลาดไปบ้าง แต่ไม่ได้มีนิสัยไม่ดีอะไร
เห็นได้ชัดว่าการกระทำนี้ของตระกูลหวังช่างตัดรอน ไม่ให้ความสำคัญกันเกินไปแล้ว!
กับเรื่องนี้ คนในตระกูลหลินทั้งบนล่างก็ทอดถอนใจไปครู่หนึ่ง ไม่อาจพูดอะไรได้
“เจ้าก็คือหลินสวินใช่ไหม ข้าชื่อหวังจื่อหลวน เดิมทีถ้าไม่มีเหตุไม่คาดฝัน ปีนี้พวกเราก็จะแต่งงานกัน แต่ขอโทษด้วย ข้าไม่อาจแต่งงานกับคนโง่คนหนึ่งได้”
ในวันที่ถอนหมั้น เด็กสาวรูปลักษณ์งดงามอายุราวสิบสามสิบสี่คนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในลานที่หลินสวินพำนักอยู่
เด็กสาวงามนัก ผิวพรรณขาวราวหิมะ ดวงหน้าเรียวรีเหมือนเมล็ดแตง ตาโต รูปร่างสูงโปร่งอรชร แม้อายุยังน้อยแต่ก็ดูสะโอดสะองแล้ว
ทว่านิสัยนางแข็งกร้าวและเย่อหยิ่งนัก พอแน่ใจแล้วว่าหลินสวินก็คือคนโง่ที่ลือชื่อไปทั่วเมืองนครหยก นางก็พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาโดยไม่ลังเล
แต่ที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือ อีกฝ่ายไม่ตอบสนองอะไรกลับมาสักนิด นั่งอยู่ริมสระ สายตาเหม่อลอยมองดูน้ำสีเขียวหยกในสระ
ประหนึ่งว่าในสายตาเขา น้ำในสระนี้สวยกว่าเด็กสาวที่อยู่ข้างๆ
“เจ้าได้ยินคำพูดข้าหรือไม่”
หวังจื่อหลวนขุ่นเคืองนัก จับจ้องหลินสวิน “อย่านึกว่าไม่พูดแล้วข้าจะไม่ทำอะไรเจ้านะ ข้าจะบอกเจ้าอย่างชัดเจนเลยว่าต่อให้ข้าหวังจื่อหลวนต้องแต่งงาน ก็ต้องแต่งกับเอกบุรุษชั้นหนึ่งในยุคนี้!”
หลินสวินยังคงเหม่อลอยเช่นเคย แม้แต่การเคลื่อนไหวยังไม่เปลี่ยนแปลง เปลือกตาไม่ได้กระดิกสักนิด
นี่ทำให้หวังจื่อหลวนยิ่งขุ่นเคืองแล้ว โกรธจนหน้าแดงก่ำ กัดฟันแน่น แทบอยากจะพุ่งไปกระทืบเจ้าโง่ที่กล้าเมินตนคนนี้ให้ตาย
แต่จากนั้นนางก็ไม่โกรธแล้ว คล้ายเข้าใจแล้ว จึงเอ่ยเย้ยตัวเองว่า “เป็นคนโง่ดังคาด ข้าจะไปโกรธอะไรคนโง่คนหนึ่งได้”
พอพูดจบหวังจื่อหลวนก็จากไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์