Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1423

สรุปบท ตอนที่ 1423 พลังทำลายมหาเคราะห์: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 1423 พลังทำลายมหาเคราะห์ จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 1423 พลังทำลายมหาเคราะห์ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

นี่เป็นอสนีเคราะห์สายสุดท้าย

แต่กลับเงียบเชียบไร้เสียงดั่งทวนพิพากษามาเยือนโลก

ขณะนี้ทุกคนต่างสั่นสะท้าน ทั้งเมืองเงียบสงัด

ต่อให้เป็นบุคคลอย่างเฒ่าโดดเดี่ยวกับราชครูยังหรี่ตาอย่างอดไม่ได้ สีหน้าเคร่งเครียด

ด้านหลินสวินที่ยืนกลางอากาศท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดเช่นนี้พลันเคลื่อนขึ้นไปราวกับรุ้งเทพทะลุเมฆา ยื่นมือไปคว้าทวนศึกอสนีเคราะห์เล่มนั้น!

สายตานับไม่ถ้วนล้วนแข็งทื่อ จิตใจว่างเปล่า ต่างคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะตรงไปตรงมาและใจกล้าปานนี้!

เฒ่าโดดเดี่ยวกับราชครูมึนงงไปครู่หนึ่ง ออกจะตั้งตัวไม่ทัน

นั่นเป็นถึงอสนีเคราะห์ที่น่ากลัวที่สุด ต่อให้เป็นพวกเขายังสัมผัสได้ว่าพลังเช่นนั้นไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง

แต่หลินสวินกลับลงมือทันที!

พอคิดดูดีๆ นี่ก็เป็นครั้งแรกที่หลินสวินลงมือจริงๆ ตั้งแต่เขาฝ่าด่านเคราะห์ ตัวเขาก่อนหน้านี้ดื่มสุรา มองอสนีเคราะห์เป็นอากาศธาตุมาโดยตลอด

แต่ใครจะคิดว่าทันทีที่เขาลงมือจะเป็นภาพอันน่าตื่นตาเช่นนี้

ตูม!

เสียงระเบิดเสียงหนึ่งทำลายความเงียบกลางฟ้าดิน กระทบจิตใจทุกคนอย่างรุนแรง

ก็เห็นว่าหลินสวินคว้าอสนีเคราะห์สายนั้นไว้มั่น แสงประกายอันน่าหวาดหวั่นหาใดเทียบปะทุออกมาระหว่างตัวเขากับอสนีเคราะห์ ทำให้ห้วงอากาศยุบตัวโครมคราม

มองดูไกลๆ ดุจดั่งเทพองค์หนึ่งกำลังกำราบมังกรร้ายจากนอกสวรรค์ ดูอาจหาญหาใดเทียม อหังการเหนือโลกา

เปรี้ยง!

อสนีเคราะห์ดุจทวนศึกดิ้นรนรุนแรง สายฟ้าคลุมเครืออันเป็นตัวแทนของอานุภาพสวรรค์ก่อให้เกิดกลิ่นอายทำลายล้างน่าครั่นคร้าม ราวกับภูเขาถล่มทะเลคำราม

แต่ที่ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงก็คือ หลินสวินพลันส่งเสียงคำรามยาวครั้งหนึ่ง มือทั้งสองจับอสนีเคราะห์สายนั้นไว้แล้วออกแรงในทันใด

เปรี๊ยะ!

ทวนศึกถูกหักออกเป็นสองท่อนทั้งอย่างนั้นท่ามกลางเสียงดังกึกก้องสะท้านฟ้าสะเทือนดิน!

“นี่…”

เหล่าสัตว์ประหลาดระดับราชันเหล่านั้นต่างนิ่งอึ้ง ในใจถูกความสั่นสะท้านไร้ที่สิ้นสุดเข้าแทนที่

สรรพชีวิตในนครต้องห้ามเพียงเห็นว่าเงาร่างราวเทพเทวัญร่างหนึ่งหักแสงสายหนึ่งกลางเวิ้งฟ้านั้น!

เฒ่าเดียวดายพลันตบหน้าขา “แม่งน่าสนใจเป็นบ้า!”

ด้านราชครูยิ้มแล้ว สีหน้ายินดีปรีดาและทอดถอนใจอย่างบอกไม่ถูกปรากฏขึ้นบนใบหน้าชราที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น

ครืน!

อสนีเคราะห์ถูกหักสะบั้น ฉับพลันกลายสภาพเป็นแสงอสนีน่าสะพรึงกลัว ระเบิดสะเทือนเลื่อนลั่นในมือหลินสวิน ส่องสว่างไปทั่วฟ้าดินแห่งนั้น

ส่วนหลินสวินก็เป็นดั่งหินแกร่งที่ตั้งตระหง่านกลางคลื่นกรรโชกก้อนหนึ่ง ไม่ว่าจะถูกกัดเซาะเช่นไรก็ไม่เคลื่อนไหวแม้สักนิด

ภาพนี้เหมือนรอยประทับ กลายเป็นร่องรอยที่ไม่อาจลบเลือนได้ภายในใจทุกคนในนครต้องห้าม

ต่อให้ผ่านไปอีกหลายปี ทุกคนก็ยังจำได้ว่าตอนนั้นเคยมีคนผู้หนึ่งหักสะบั้นอสนีเคราะห์ มีพลังทำลายเคราะห์สวรรค์อยู่ใต้เวิ้งฟ้า!

ชั่วขณะนั้นเงาร่างของเขาส่องแสงสีเขียวอันเป็นนิรันดร์ดุจแสงมรรค

……

วันนี้หลินสวินฝ่าอมตะเคราะห์ด่านแปด ทำลายเคราะห์โชคชะตา สะเทือนนครต้องห้าม ทุกคนสั่นสะท้านเพราะเขา

พอเมฆาเคราะห์สลาย ความมืดมิดจางหายแสงสว่างบนท้องฟ้ากลับมาอีกครั้ง ทุกคนต่างงุนงงเหมือนฝันไป

‘ตระกูลหลินมีเด็กนี่อยู่ก็ไม่มีใครสั่นคลอนได้แล้ว!’

ขุมอำนาจตระกูลทรงอิทธิพลมากมายลอบถอนใจ

“คุณชายหลินเก่งกาจดั่งเทพ!”

ในเมืองวุ่นวาย ต่างกำลังวิพากษ์วิจารณ์อย่างตื่นเต้น

บนภูเขาชำระจิตก็ครึกครื้นไปหมด คนตระกูลหลินแต่ละคนต่างสีหน้าเจือความภูมิใจ ยำเกรง เคารพยกย่องและมีชีวิตชีวา

แม้แต่ชาวบ้านหมู่บ้านเฟยอวิ๋นกับเหล่าข้าทาสบริวารเหล่านั้นยังตื่นเต้นจนกระโดดโลดเต้น ยินดีปรีดาไม่ว่างเว้น

หลินสวินในตอนนี้ไม่จำเป็นต้องสรรเสริญอะไรแล้ว ขอเพียงเขาอยู่ ก็เป็นตำนานที่สามารถทำให้ทุกคนในโลกร้องออกมาอย่างชื่นชมได้!

และตำนานนี้ก็เป็นของตระกูลหลินของพวกเขา!

……

ฟู่!

หลังจากฝ่าด่านเคราะห์ หลินสวินนั่งสมาธิสงบใจ เพียงรู้สึกว่าเข้าถึงได้ทั้งภายในและนอกร่างกาย จิตใจผ่องใส จิตวิญญาณแจ่มกระจ่าง

รู้สึกเป็นดั่งใจต้องการไม่ผิดครรลองยิ่งนัก

ทะลวงผ่านเคราะห์โชคชะตา ก็เหมือนกับทำลายพันธนาการไร้รูปร่างบนเส้นทางอมตะ สลัดสิ่งกีดขวางที่ดำรงอยู่ในความมืด ได้รับอิสรภาพ หลุดพ้นไร้สิ่งผูกมัด

นอกจากนี้สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณรวมถึงพลังปราณยังเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฟ้าดินไปด้วย แข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนไม่รู้เท่าไร

แต่สิ่งที่ได้รับมากที่สุดก็คือเจตจำนงที่เชื่อมั่นว่าไร้คู่ต่อกร!

หลินสวินรู้ดีว่ามรรคาที่ตนเดินอยู่ต่างจากวิถีโลก ต่างจากทุกคน และต่างจากเส้นทางมกุฎของคนอื่นในรุ่นเดียวกัน

เส้นทางสายนี้เรียกได้ว่าไม่เคยมีมาก่อน

เพราะเป็นเช่นนี้ถึงดูยากลำบากและอันตรายหาใดเทียบ

แต่เช่นเดียวกัน ทุกครั้งที่พลังปราณเลื่อนขั้นขึ้นไป พลังที่ได้รับก็น่าตกตะลึงหาใดเปรียบ เทียบกับคนอื่นไม่ได้!

‘เคราะห์ที่เก้ามีนามว่าอมตะ เป็นด่านเคราะห์ด่านสุดท้ายบนมรรคาอมตะ แต่ขอเพียงไม่เกิดข้อผิดพลาดอะไรก็ไม่อาจขวางข้าได้แล้ว’

ทำเช่นนี้ก็เพราะหวังว่าหลินจงจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น มีชีวิตยืนยาวขึ้นอีกหน่อย Aileen-novel
“ได้ๆๆ”

นี่ทำให้หลินสวินรู้สึกอบอุ่นในใจเช่นกัน

พอมีคนเป็นห่วงก็จะทำให้ไม่ถึงกับโดดเดี่ยวขนาดนั้น ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือเพื่อนฝูงก็เข้มแข็งกว่าหัวเดียวกระเทียมลีบ

“จิ๊บๆ!”

ยามหลินสวินเตรียมจะจากไป ทันใดนั้นเสียงจิ๊บๆ ถี่กระชั้นระลอกหนึ่งก็ดังขึ้นจากที่ไกลๆ

จากนั้นเงาเพลิงเงาหนึ่งก็เคลื่อนออกมากลางอากาศ พอดูดีๆ นั่นเป็นเจ้าตัวเล็กกลมเกลี้ยงราวลูกหนัง มีสีแดงเพลิงทั้งตัวตัวหนึ่ง

จิ๊บจิ๊บ!

หลินสวินอึ้งไป เจ้าหมอนี่ตื่นขึ้นมาแล้วหรือนี่

เมื่อหลายปีก่อนจิ๊บจิ๊บก็จมสู่ห้วงนิทราอย่างประหลาด ไม่ได้ตื่นขึ้นมาเลย

กระทั่งกลับมายังโลกชั้นล่างหลินสวิยังเคยไปเยี่ยมเจ้าหมอนี่ น่าเสียดายที่ตอนนั้นจิ๊บจิ๊บยังหลับลึกอยู่

ตามที่เสี่ยวอิ๋นตรวจสอบดู พอจะดูออกว่าจิ๊บจิ๊บเป็น ‘วิญญาณอัคคี’ ที่พบเห็นได้ยากนักชนิดหนึ่ง ถือกำเนิดกลางอัคคีเทพที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ

ในสมัยบรรพกาลสิ่งมีชีวิตประเภทนี้หาได้ไม่ยาก พวกมันมีพรสวรรค์และวิธีฝึกปราณที่แตกต่างกันไป

อย่างจิ๊บจิ๊บ วิธีฝึกปราณของมันก็คือการนอนหลับ อีกทั้งเพราะเป็นร่างวิญญาณอัคคี อายุขัยของมันจึงยืนยาวถึงที่สุด แทบไม่มีปัญหาเรื่องเกิดแก่เจ็บตาย

แต่เช่นเดียวกัน มันก็เลื่อนขั้นแปรสภาพได้ช้ายิ่งขึ้นไปด้วย

เสียงฉึบดังขึ้น ร่างกายอ่อนนุ่มกลมเกลี้ยงของจิ๊บจิ๊บพุ่งเข้ามาในอ้อมแขนหลินสวิน จากนั้นมันก็ลืมตาสีดำสนิทกลมเกลี้ยงทั้งสองขึ้น ดูตื่นเต้นดีใจนัก ร้องจิ๊บๆๆๆ ไม่หยุด

หลินสวินยื่นมือออกไปทิ่มพุงจิ๊บจิ๊บ ยังยืดหยุ่นนุ่มนิ่มอย่างแต่ก่อน เหมือนกับลูกหนังนิ่ม ในใจก็ยินดีปรีดาอย่างห้ามไม่อยู่

สมัยอยู่ที่ค่ายกระหายเลือดจิ๊บจิ๊บก็ติดตามข้างกายเขา ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว เจ้าตัวเล็กยังน่ารักไร้เดียงสาเหมือนแต่ก่อน ทำให้ทุกคนชื่นชอบเอ็นดู

น่าเสียดายที่วันนี้หลินสวินต้องไปสมรภูมิกระหายเลือดแล้ว ย่อมไม่อาจพาจิ๊บจิ๊บไปด้วยได้

กระทั่งจะจากไปจิ๊บจิ๊บน้ำตาคลอแล้วไหลลงมาหยดแล้วหยดเล่า ทั้งยังร้องจิ๊บๆ ไม่หยุด ท่าทางอาลัยอาวรณ์เช่นนั้นทำให้หลินสวินทนไม่ไหวอยู่ครู่หนึ่ง

แต่สุดท้ายเขาก็ทำได้เพียงปลอบประโลมด้วยเสียงอ่อนโยน ให้เจ้าตัวเล็กฝึกปราณบนภูเขาชำระจิตรอเขากลับมา

บ่ายวันนั้นแสงอาทิตย์โพล้เพล้ หลินสวินมาถึงเรือนโอบดารานิทราบุหลันเพียงลำพัง

“เตรียมตัวดีแล้วหรือ”

เฒ่าโดดเดี่ยวรออยู่ก่อนแล้ว

หลินสวินพยักหน้า

เฒ่าโดดเดี่ยวพูดว่า “พกสิ่งนี้ไว้กับตัว ก็ถือเสียว่าเป็นน้ำใจเล็กน้อยจากข้า ถ้าพบกับศัตรูที่ต้านไม่ไหวก็สามารถนำของเล่นนี่มาขู่อีกฝ่ายให้กลัวได้ ไม่แน่อาจจะรักษาชีวิตน้อยๆ ได้ครั้งหนึ่ง”

เขาพูดพลางเอาป้ายกระดูกมอซอชิ้นหนึ่งออกมาโยนให้หลินสวิน

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์