Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1424

ป้ายกระดูกขนาดเท่าฝ่ามือ สีตุ่นมอซอไม่สะดุดตา

แต่พอหล่นลงในมือหลินสวินกลับเหมือนมีภูเขาลูกใหญ่สูงตระหง่านลูกหนึ่งกดทับร่าง ด้วยไม่ทันตั้งตัวทำให้ร่างของเขาโคลงเคลงไปหมด ต้องรีบโคจรพลังจึงจะประคองป้ายกระดูกนี้ไว้ในมือดีๆ ได้

“นี่เป็นของที่ใช้ขู่ให้กลัวหรือ”

หลินสวินชะงักไป กำลังจะใช้จิตรับรู้ตรวจสอบกลับถูกเฒ่าโดดเดี่ยวรีบร้อนห้ามไว้ “ถ้าไม่อยากตกใจตาย เจ้าอย่าทำอย่างนี้ดีที่สุด”

ตกใจตายหรือ

หลินสวินสงสัย แต่พอเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเฒ่าโดดเดี่ยว สุดท้ายเขาจึงไม่ทดลอง

เฒ่าโดดเดี่ยวฉีกยิ้มเอ่ยว่า “แม้พูดว่าเป็นของขู่ให้คนอื่นตกใจกลัว แต่สมบัตินี้ก็เรียกได้ว่าเป็นสมบัติที่ไม่อาจประเมินค่าได้ เจ้าต้องเก็บไว้ให้ดี”

หลินสวินนิ่วหน้า “ของเล่นนี่จะขู่ให้อริยะตกใจกลัวได้หรือ”

เฒ่าโดดเดี่ยวดูถูก “อริยะวิเศษวิโสตรงไหน บอกเจ้าให้เอาบุญ ถ้าอยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิ ป้ายกระดูกนี่กินเรียบหมด ขู่ให้พวกเขาตกใจจนหัวหดได้ ถึงอย่างไรสิ่งนี้ก็เป็นของที่ข้ามอบให้ จะธรรมดาทั่วไปได้หรือ”

น้ำเสียงเจือความหยิ่งผยองอย่างบอกไม่ถูก

หลินสวินจับป้ายกระดูกเล่น สายตาไหววูบ จ้องเฒ่าเดียวดายพลางเอ่ยว่า “หรือให้ข้าลองหน่อยไหม”

เฒ่าโดดเดี่ยวอึ้งไป พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ของของข้าจะทำให้ข้าตกใจได้อย่างไร เจ้าหนูอย่าคิดเล่นพิเรนทร์หน่อยเลย จำไว้ สิ่งนี้ใช้ได้เพียงครั้งเดียว ถ้าไม่ได้คับขันเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอย่าใช้ง่ายๆ เด็ดขาด”

พอพูดจบก็ไม่ให้โอกาสหลินสวินได้ตอบโต้ เขาสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง

ทันใดนั้นเงาร่างทั้งสองก็ลับตาไป

……

ณ ส่วนลึกของพระราชวังในจักรวรรดิ มีเขตหวงห้ามแห่งหนึ่งอยู่

ตำหนักเก่าแก่ตั้งตระหง่านหลังหนึ่ง หน้าตำหนักมีแท่นบูชาห้าสีที่มีกลิ่นอายโบราณเจนโลกแท่นหนึ่งตั้งอยู่ ดุจดั่งดำรงมาช้านาน

บนตำหนักมีแผ่นป้ายแผ่นหนึ่งแขวนอยู่ ตำหนักกระหายเลือด

หลินสวินจำได้ทันทีว่าตนเคยมาที่นี่แล้ว!

สมัยเข้าไปในสมรภูมิกระหายเลือดครั้งแรก เขาก็ถูกจ้าวไท่ไหลพามาที่นี่ อาศัยค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณชิ้นนี้เดินทางออกไป

เพียงแต่คราวนี้พอได้เห็น ‘ตำหนักกระหายเลือด’ นั้น ได้เห็นค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณค่ายนั้นอีกครั้ง หลินสวินก็นึกถึงเรื่องราวมากมาย

“นี่เป็นสิ่งที่ท่านลู่วางเองกับมือกระมัง”

หลินสวินเอ่ยเสียงเบา

เฒ่าโดดเดี่ยวถาม “ใครหรือ”

หลินสวินตอบ “ลู่ป๋อหยา”

เฒ่าโดดเดี่ยวเอ่ยอย่างตกตะลึงว่า “เจ้ารู้แล้วหรือ”

“การก่อตั้งค่ายกระหายเลือดก็เกี่ยวข้องกับท่านลู่ การมีอยู่ของตำหนักกระหายเลือดแห่งนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับท่านลู่ได้อย่างไร”

หลินสวินเจืออารมณ์ทอดถอนใจ “ตามการคาดเดาของข้า เป็นไปได้สูงที่ท่านลู่จะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง จากความเชี่ยวชาญในการสลักรอยวิญญาณของเขาแล้ว การวางค่ายกลเคลื่อนย้ายแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก”

เฒ่าโดดเดี่ยวร้องอืมแล้วเอ่ยว่า “สิบกว่าปีก่อนฟ้าดินแปรผันฉับพลันปะทุขึ้นอย่างสมบูรณ์ สมรภูมิกระหายเลือดนั่นแตกต่างไปโดยสิ้นเชิงแล้ว เจ้าไปก็จะรู้เอง”

เขาสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง

วิ้ง!

แท่นบูชาห้าสีเก่าแก่นั้นเปล่งแสง ฉับพลันเกิดเสียงร้องสะเทือนเลื่อนลั่นพิสดารราวตื่นขึ้นจากความเงียบสงัด

หลินสวินกำลังเตรียมเดินทางกลับถูกเฒ่าเดียวดายขวางไว้ ดวงตาปรากฏแววประหลาดจับจ้องหลินสวิน “บนตัวเจ้ายังมีกลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตอีกตัวหนึ่ง”

หลินสวินแข็งทื่อไปทั้งตัว นี่โดนมองออกแล้วหรือ

‘เสี่ยวอิ๋น ออกมาเถอะ’ เขาคิดในใจ

เสียงฉึบดังขึ้น เงาร่างของเสี่ยวอิ๋นเคลื่อนตัวออกมา

แววประหลาดผุดขึ้นในดวงตาของเฒ่าโดดเดี่ยว จ้องเสี่ยวอิ๋นเขม็งครู่สั้นๆ แล้วถึงยิ้มเงียบๆ เอ่ยว่า “น่าสนใจ หนอนกินเทพที่บรรลุมกุฎมรรคาตัวหนึ่ง ทั้งยังปลุกอภินิหารพรสวรรค์ กลายเป็นราชันหนอนระดับอมตะที่แท้จริง ยุคบรรพกาลยังไม่พบสักตัว… ดูท่าในมหายุคครั้งนี้ เจ้าตัวเล็กนี่ก็คงได้วาสนากับผลประโยชน์ไม่น้อย”

มองปราดเดียวก็ดูเบื้องลึกเบื้องหลังของเสี่ยวอิ๋นออกทะลุปรุโปร่ง!

หลินสวินลอบสั่นสะท้านในใจ หรือตาแก่นี่จะเป็นบุคคลระดับจักรพรรดิคนหนึ่งจริงๆ

“พวกเจ้าไปเถอะ”

เฒ่าเดียวดายชักสายตากลับมาแล้วโบกมือ ทั้งไม่ได้ห้ามไม่ให้เสี่ยวอิ๋นไปกับหลินสวิน

“ผู้อาวุโส ลาล่ะขอรับ”

หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วพาเสี่ยวอิ๋นก้าวเท้าขึ้นไปบนแท่นบูชา

ครู่ต่อมาเงาร่างของเขาก็หายลับไป

เฒ่าเดียวดายจับจ้องภาพนี้เงียบๆ จนกระทั่งค่ายกลเคลื่อนย้ายกลับมาเงียบสนิทอีกครั้ง เขาพ่นลมหายใจขุ่นออกมาเหมือนยกภูเขาออกจากอก เอ่ยพึมพำว่า “ก่อนบรรลุมกุฎอริยะ ก็ต้องดูว่าเจ้าจะคว้าจุดเปลี่ยนครั้งนี้ ทำลายคำสาปต้องห้ามอย่างเคราะห์มรรคตัดขาดได้หรือไม่แล้ว…”

…..

สมรภูมิกระหายเลือด

ฟ้าดินกว้างใหญ่ไพศาล หมู่ภูเขารวมตัวต่อเนื่องกันไปเป็นทิวแถวสูงต่ำ ไอวิญญาณสีม่วงหนาแน่นราวทะเลเมฆปั่นป่วน ไหลวนพลุ่งพล่านบนเวิ้งฟ้า

ภูผาธาราบนผืนปฐพีดั่งภาพวาด!

ภูเขาทุกลูกต่างงามเด่นเหนือธรรมดา เขียวชอุ่มเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา

แม่น้ำทุกสายต่างอบอวลไปด้วยหมอกวิญญาณ ประกายดุจเกล็ดมัจฉาปรากฏขึ้นยามคลื่นน้ำซัดขึ้นลง กระทั่งหินผาและต้นไม้ใบหญ้าต่างมีสีสันเปล่งประกายกระจ่างใส

ในห้วงอากาศยังอบอวลไปด้วยไอวิญญาณอันหนาแน่น

ที่จุดสูงสุดของยอดเขาสูงชันลูกหนึ่งมีเมฆวิญญาณไอมงคลสีม่วงสายแล้วสายเล่าปลิวไหว เงาร่างสูงโปร่งร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น มองออกไปรอบด้าน สีหน้าเจือแววตื่นตะลึงที่สลัดไม่หลุด

คนผู้นี้ก็คือหลินสวินที่เพิ่งมาถึงสมรภูมิกระหายเลือด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์