ยามหลินสวินมาถึงทิวเขาอบอวลด้วยไอวิญญาณแห่งหนึ่งก็หน้าเปลี่ยนสีอย่างห้ามไม่อยู่ ทิวเขาเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นถ้ำสวรรค์แดนมงคลอันหายากหาใดเทียบแห่งหนึ่งไปแล้ว
แต่ตอนนี้กลับไม่มีใครยึดครอง
‘ถ้าฝึกบำเพ็ญที่นี่…’
พอคิดถึงตรงนี้หลินสวินก็สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง
ครืน!
เขาสูดลมหายใจเฮือกนี้เป็นเวลาหนึ่งถ้วยชาเต็มๆ บริเวณใกล้เคียงทิวเขาแห่งนี้ต่างเกิดพายุรุนแรงกึกก้อง ทำให้เมฆรอบทิศแหลกสลาย ดั่งมังกรเทพดึกดำบรรพ์กลืนกินอากาศ
ไอวิญญาณไหลหลั่งเข้าไปในร่างของหลินสวินจากทุกทิศทาง ทำให้เขาพร่างพราวไปทั้งตัว ผิวหนังและเลือดเนื้อทุกกระเบียดต่างดูดซับไอวิญญาณบริสุทธิ์อันไพศาลหาใดเทียบนั้นอย่างละโมบ
ในที่สุดพลังทั้งหมดก็ถูกหลอมเข้าไปในเลือดเนื้อร่างกาย
แทบจะในชั่วพริบตา หลินสวินก็สัมผัสได้ว่าพลังหลอมกายของตนแกร่งกล้าขึ้นเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด
ต่อให้เพียงนิดเดียวเท่านั้นก็ทำให้หลินสวินหน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด
เพียงลมหายใจเดียวเท่านั้นก็ทำให้พลังหลอมกายเพิ่มพูนขึ้นเล็กน้อย แค่คิดก็รู้ว่าหากฝึกฝนที่นี่อย่างเต็มที่ พลังจะพัฒนาได้เร็วขึ้นปานไหน
‘นอกจากนี้ยังมีผลึกกำเนิดเจตะมากมาย โอสถเทพ วัตถุดิบเทพที่หาได้ยาก… หากใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ พลังหลอมกายจะเพิ่มพูนอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นไปอีก…’
ดวงตาดำของหลินสวินเปล่งประกาย
เขามาถึงสมรภูมิกระหายเลือดแล้ว ต่อให้ตอนนี้ไปรวมตัวกับเหล่าคนใหญ่คนโตอย่างจักรพรรดิกับจักรพรรดินีที่ป่าต้นหม่อน ยามพบจุดเปลี่ยนใหญ่ย่อมไม่มีทางได้รับคุณประโยชน์ใดๆ อย่างแน่นอน
เพราะพลังปราณของเขายังไม่เพียงพอที่จะไปจู่โจมระดับอริยะ
และด้วยการชี้แนะของเฒ่าเดียวดาย ทำให้หลินสวินรับรู้ว่าสิ่งที่เขาต้องใคร่ครวญตอนนี้ไม่ใช่การบรรลุมกุฎอริยะ แต่เป็นการฝ่าเคราะห์มรรคตัดขาด!
และหากต้องการทะลวงเคราะห์นี้ ก็ต้องแก้ไขข้อบกพร่องในพลังหลอมกาย
ก่อนหน้านี้หลินสวินยังไม่มีแผนการอะไร ตอนนี้ด้วยการรับรู้และสืบเสาะมาหลายชั่วยาม เขาก็มีแผนในใจแล้ว
สมรภูมิกระหายเลือดแห่งนี้ก็คือสถานที่ฝึกฝนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง!
‘แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้นยังต้องสืบดูสถานการณ์ก่อนเป็นดี…’
ยามหลินสวินใคร่ครวญแล้วเดินทางอีกครั้งหนึ่ง
ที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือตลอดทางมานี้เขาเดินลัดเลาะภูผาธารา แต่ไม่ได้พบสิ่งมีชีวิตที่มีชีวิตอยู่สักตัวเสียอย่างนั้น
กลางป่าเขาไม่มีสัตว์ปีศาจดุร้าย ทั้งไม่มีภูตพฤกษา แม้กระทั่งร่องรอยของแมลงยังไม่มี
ควรรู้ว่าไอวิญญาณกับพลังชีวิตในโลกนี้เข้มข้นจนน่าตกตะลึง เป็นที่ที่ให้กำเนิดชีวิตได้ง่ายที่สุด แต่จวบจนตอนนี้หลินสวินยังไม่ได้พบสิ่งมีชีวิตสักตัว
เรื่องนี้ดูประหลาดนัก ผิดปกติมาก และยังทำให้เขาหาข้อมูลบางอย่างที่อยากสืบให้รู้ได้ยาก
กระทั่งผ่านไปสามชั่วยาม จู่ๆ ในขอบเขตที่จิตรับรู้ของหลินสวินปกคลุมก็รับรู้ได้ถึงเสียงกระแทกโครมครามอย่างรุนแรงระลอกหนึ่ง
‘มีกลิ่นอายต่อสู้ทางตะวันออกหนึ่งพันสามร้อยลี้ หืม? ดูท่า… ฝ่ายหนึ่งในนั้นเป็นเผ่ามนุษย์!’
หลินสวินจิตใจสั่นไหว ในที่สุดก็พบคนเป็นๆ แล้ว!
สวบ!
เงาร่างเขาไหวกะพริบ แปรสภาพเป็นแสงเคลื่อนไร้รูปสายหนึ่งทะลุออกไปกลางอากาศ
เพียงไม่กี่อึดใจหลินสวินก็มาถึงจุดที่ห่างออกมาพันลี้ ตอนนี้ไม่ใช้จิตรับรู้ก็เห็นได้ว่าเงาร่างกลุ่มหนึ่งกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ในนั้นมีชายหญิงเจ็ดคนเป็นมนุษย์ อยู่ในค่ายค่ายหนึ่ง แต่ละคนต่างมีพลังปราณแข็งแกร่งระดับราชันอมตะเคราะห์
นี่ก็ทำให้หลินสวินหรี่ตาลงอย่างอดไม่ได้
พอมองไปที่คู่ต่อสู้ของพวกเขาอีกครั้ง รูปร่างเป็นมนุษย์เช่นกัน มีทั้งชายและหญิง แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่มนุษย์
พวกเขาแต่ละคนต่างมีผมสีโลหิตทั้งศีรษะ ผิวหนังสีขาวแวววาวพิสดาร เบื้องหลังมีปีสีเงินเจิดจ้าคู่หนึ่ง
เผ่าวิญญาณขนนกหรือ
หลินสวินอึ้งไป
ในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณมีชนเผ่าพื้นถิ่นหลายเผ่ากระจายตัวอยู่ โดยมากเป็นลูกหลานของหมื่นเผ่าบรรพกาล มีขุมอำนาจจำนวนมาก
เช่นเผ่าสิงห์โลหิต เผ่าวาฬมังกร เผ่าหงส์หิรัณย์ เผ่าวัวมารทรงพลัง เผ่าเต่าทมิฬ เผ่าโห่วเมฆา เผ่ากาฬพฤกษ์เป็นต้น
ตอนนั้นยามหลินสวินกับจ้าวจิ่งเซวียน รวมทั้งเหล่าศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณไปแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ก็เคยได้ขับเคี่ยวกับบุคคลระดับบุตรเทพในเผ่าเหล่านั้น
อย่างเผ่าวิญญาณขนนก เขาก็เคยพบมาก่อน
แต่หลินสวินกลับคิดไม่ถึงว่าในสมรภูมิกระหายเลือดแห่งนี้จะยังได้พบผู้แข็งแกร่งจากเผ่าวิญญาณขนนกด้วย!
พวกเขาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร
ก่อนหน้านี้หลินสวินก็เคยมาสมรภูมิกระหายเลือด ตอนนั้นมีเพียงสองขุมอำนาจใหญ่อย่างค่ายทัพจักรวรรดิกับค่ายทัพพ่อมดเถื่อนเท่านั้น
แต่ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่เหมือนเดิมแล้ว!
‘ดูท่า สถานการณ์ในสมรภูมิกระหายเลือดจะซับซ้อนกว่าที่ข้าจินตนาการไว้…’
ดวงตาดำหลินสวินวาววับ
หลินสวินไม่ได้ลังเล พุ่งไปหาทันที
…..
“รังแกกันเกินไปแล้ว!”
หญิงสาวผู้แต่งกายด้วยชุดแดงทั้งตัว เงาร่างสง่างามชดช้อยคนหนึ่งส่งเสียงโกรธเคืองท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือด ยามพูดจาก็โบกมือเรียกดาบเทพเปลวเพลิงยาวร้อยจั้งเล่มหนึ่งออกมา
แต่กลับถูกผู้แข็งแกร่งเผ่าวิญญาณขนนกคนหนึ่งโจมตีให้สลายไปโดยง่าย ฟันดาบออกมาครั้งเดียวก็ทำให้หญิงสาวชุดแดงคนนั้นสะท้านจนใบหน้างามซีดขาว ถอยโซซัดโซเซ
“แม่นางเย่ สถานการณ์อันตรายนัก ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่ากองหนุนยังไม่ทันมาพวกเราก็คงยันไม่อยู่แล้ว!”
ชายหญิงสองสามคนที่อยู่ทางอื่นร้อนรนหาใดเทียบ สถานการณ์ของพวกเขามีแต่เค้าลางอันตรายทุกแห่งหน หนำซ้ำหลายคนยังได้รับบาดเจ็บไปแล้ว
‘แข็งใจอีกหน่อย เมื่อกี้ข้าขอกำลังเสริมจากท่านพี่แล้ว เชื่อว่าเขาจะรีบมาโดยเร็ว’
หญิงสาวชุดแดงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วสื่อจิตเอ่ย
“เหอะๆ จนตอนนี้พวกเจ้ายังคิดว่าจะมีคนมาช่วยพวกเจ้าอีกหรือ ละเมอเพ้อพก! จะบอกพวกเจ้าให้ เกรงว่าตอนนี้กองหนุนของพวกเจ้าก็คงวอดวายกันหมดแล้ว!”
ชายหนุ่มเผ่าวิญญาณขนนกคนหนึ่งแค่นหัวเราะ
“อะไรนะ”
พวกแม่นางเย่ต่างหน้าเปลี่ยนสี หลายคนเผยสีหน้าสิ้นหวัง สาเหตุที่พวกเขาประคองตัวมาได้ถึงตอนนี้ ก็เป็นเพราะเชื่อมั่นว่าจะมีกองหนุนรุดหน้ามา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์