Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1428

ภูเขาเมฆาคราม

พฤกษาเขียวขจี วายุพัดโบกธาราหลั่งไหล ไอวิญญาณสีม่วงเทลงมาเหนือหน้าผาประหนึ่งน้ำตก ดุจดั่งมังกรม่วงห้อยตัวกลับหัว

ที่นี่เป็นแดนมงคลชั้นหนึ่ง ราวกับที่พำนักของอริยะเทพ

เพียงแต่บนภูเขาเมฆาครามในตอนนี้กลับปกคลุมไปด้วยเงามืด

หลี่ตู๋สิงได้รับบาดเจ็บสาหัสกลับมา พอมาถึงค่ายก็หมดสติไป

เขาเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในค่ายจักรวรรดิ มีพลังปราณระดับอมตะเคราะห์ด่านแปด ภายในสองปีย่อมบรรลุระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้า

หากไม่เกิดเหตุไม่คาดฝันคราวนี้ อีกสองปีหลี่ตู๋สิงจะเป็นตัวเด่นที่เป็นตัวแทนของจักรวรรดิไปเข้าร่วมศึกถกมรรคเขาพินิจมรรค

แต่เหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นในวันนี้เสียได้!

“นี่เป็นแผนร้าย!”

“ต้องเป็นแผนสกปรกที่พันธมิตรหมื่นเผ่าลงมือแน่ เพราะใครก็รู้ว่าในศึกถกมรรคเขาพินิจมรรคอีกสองปี หลี่ตู๋สิงจะเป็นบุคคลสำคัญของฝั่งพวกเรา”

บนภูเขาเมฆาครามเต็มไปด้วยเสียงโกรธเคืองทุกหนแห่ง

พอหลินสวินกับพวกเย่เสี่ยวชีกลับมาก็เห็นภาพนี้

หลี่ตู๋สิงได้รับบาดเจ็บแล้ว!

นี่ทำให้หลินสวินนิ่วหน้าอย่างอดไม่ได้

ด้านเย่เสี่ยวชีพูดขึ้นอย่างกราดเกรี้ยวว่า “ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นการเล่นตุกติกของพันธมิตรหมื่นเผ่าแน่ๆ ระหว่างทางกลับมาก่อนหน้านี้ พวกเราก็ไม่ได้ถูกไอ้พวกสวะเผ่าวิญญาณขนนกนั่นซุ่มโจมตีหรอกหรือ”

พวกเย่หงเสวี่ยต่างพยักหน้า

หลินสวินพูดว่า “ตอนนี้มาพูดเรื่องพวกนี้ก็ไม่มีประโยชน์ พวกเราไปดูหลี่ตู๋สิงก่อน”

“ได้”

เย่เสี่ยวชีพยักหน้า

……

ที่ไหล่เขาเมฆาคราม มีอาคารเรียงรายเป็นทิวแถว ล้วนก่อขึ้นจากหินผาใหญ่ยักษ์แข็งแรง

ขณะนี้มีเงาร่างมากมายล้อมอยู่หน้าเรือนหลังหนึ่ง มีทั้งชายหญิง รูปลักษณ์ดูเยาว์วัยนัก แต่กลิ่นอายกลับน่าตื่นตะลึงขึ้นไปทุกคน

ที่อ่อนแอที่สุดยังมีพลังปราณระดับอมตะเคราะห์ด่านสอง!

หากอยู่ในจักรวรรดิ คนกลุ่มนี้จะเป็นกำลังพลน่าหวาดหวั่นที่สามารถขู่ขวัญใต้หล้าได้ แต่อยู่ในสมรภูมิกระหายเลือดแห่งนี้กลับพบได้ทั่วไป

“พี่ฉิน หลี่ตู๋สิงเป็นอย่างไรแล้ว ตกลงฟื้นหรือยัง”

“พี่ฉิน เขาได้บอกไหมว่าผู้ร้ายเป็นใคร”

เสียงอึกทึกดังขึ้น ใบหน้าแต่ละคนเจือไปด้วยสีหน้าแตกต่างกันไป บ้างขุ่นเคือง บ้างอึมครึม บ้างกังวลและร้อนรน

แต่ในตอนนี้สายตาหลายคู่ต่างมองไปที่คนผู้หนึ่งโดยมิได้นัดหมาย

คนผู้นั้นยืนอยู่ด้านหน้าสุดของเรือนแต่งกายด้วยชุดทองทั้งตัว สวมเกี้ยวประดับสูงคาดเข็มขัด ใบหน้าหล่อเหลาสุขุมเจนจัด ข้างๆ ยังมีชายหนุ่มหลายคนติดตามมาด้วยกัน ขับเน้นให้เขาเป็นดั่งหงส์ในฝูงกา

คนผู้นี้ก็คือฉินเฟยอวี่

ในค่ายจักรวรรดิภูเขาเมฆาคราม เขาไม่เพียงพลังต่อสู้แกร่งกล้าอย่างยิ่ง ยังมีกิตติศัพท์ถึงที่สุดด้วย

ฉินเฟยอวี่เอ่ยเสียงกระจ่างชัดว่า “ทุกท่านไม่ต้องร้อนใจไป ถ้ามีข่าวข้าจะบอกทุกคนทันที”

“พวกเราเข้าไปหาสหายยุทธ์หลี่ได้หรือไม่”

ฉินเฟยอวี่ส่ายหัว พูดเสียงจริงจังว่า “ในเวลาคับขันเช่นนี้ สิ่งที่จำเป็นกับหลี่ตู๋สิงก็คือรักษาแผลและฟื้นตัว ไม่ใช่การเยี่ยมเยียน ทุกท่านกลับไปเถอะ”

“หึ พวกจ้าวจิ่งหลินเข้าไปได้ ทำไมพวกเราเข้าไปไม่ได้”

มีคนหัวเราะหยัน

ฉินเฟยอวี่ชำเลืองมองไป เห็นว่าเป็นหนิงเหมิงหลานสายตรงของราชันเลือดเหล็กหนิงปู้กุย ทันใดนั้นก็นิ่วหน้าพูดอย่างไม่พอใจว่า “เพราะพวกเขาเข้าไปรักษาแผลให้หลี่ตู๋สิง หนิงเหมิง เจ้าอย่าเข้าไปวุ่นวายจะดีที่สุด”

หนิงเหมิงเดือดดาลขึ้นทันที “เจ้าว่าข้าเข้าไปวุ่นวายหรือ ข้ายังสงสัยว่าพวกเจ้าสิกำลังวุ่นวาย ใครไม่รู้บ้างว่าคนที่หลี่ตู๋สิงไม่อยากพบที่สุดก็คือพวกเจ้า แต่ตอนนี้พวกเจ้ากลับควบคุมที่นี่ เสแสร้งว่าอยากช่วยเขารักษาแผล นี่มันหน้าไหว้หลังหลอกชัดๆ ไม่ได้หวังดีหรอก!”

ทุกคนระส่ำระสายอยู่ครู่หนึ่ง หลายคนยิ้มเจื่อนไม่หยุด

หนิงเหมิงอารมณ์ร้อนเป็นอย่างยิ่ง นิสัยใจคออหังการป่าเถื่อน ไม่ได้อยู่ในก๊กเดียวกันกับพวกฉินเฟยอวี่

สิบกว่าปีมานี้พวกเขาแข่งขันกันทั้งต่อหน้าและลับหลังมาไม่รู้กี่ครั้ง ใครก็รู้ดีว่าไม่ว่าจะเป็นหนิงเหมิงหรือพวกฉินเฟยอวี่ ต่างไม่ชอบหน้าอีกฝ่าย

“หนิงเหมิง นี่มันเวลาไหนกันแล้ว เจ้ายังก่อเรื่องอีก!”

ฉินเฟยอวี่สีหน้าถมึงทึง ดวงตาเย็นยะเยือก “หากเปลี่ยนเป็นเวลาอื่นข้าจะทนยอมเจ้าได้บ้าง แต่ตอนนี้ถ้าเจ้ายังกล้าสร้างความวุ่นวายก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”

หนิงเหมิงหยัดกายขึ้นมาทันที เงาร่างสูงตระหง่านราวกับภูเขาย่อมๆ ลูกหนึ่งมอบกลิ่นอายกดดันอย่างยิ่งแก่ทุกคน เอ่ยเสียงเย็นว่า “ไม่เกรงใจหรือ มาๆๆ ข้าก็อยากเห็นเหมือนกันว่าเจ้าจะไม่เกรงใจอย่างไร บอกเจ้าให้เอาบุญ วันนี้ใครกล้าขวางข้าก็จะเป็นศัตรูของข้า!”

เขาพูดพลางก้าวเท้ายาวไปข้างหน้า

ฉินเฟยอวี่หน้าเสียขึ้นมา โบกมือเอ่ยว่า “พวกเจ้าเข้าไปพร้อมกัน ไล่เจ้าคนหยาบกระด้างนี่ให้ข้า!”

ที่ข้างกายเขาชายหญิงกลุ่มหนึ่งก้าวออกมาด้วยสีหน้าไม่ประสงค์ดี

“หมาหมู่หรือ ให้เกียรตินายท่านหนิงของเจ้าจริงๆ แต่แค่ไอ้พวกนี้ก็ยังไม่พอ!”

หนิงเหมิงดูแคลน พลานุภาพยิ่งกดข่ม

“ถ้ารวมข้าเข้าไปด้วยล่ะ”

ฉินเฟยอวี่เอ่ยเย็นชา

“เจ้าก็ไม่ไหว”

หนิงเหมิงเอ่ยอย่างไม่ลังเล

“หึ! คนอื่นกลัวเจ้าหนิงเหมิง แต่ข้าไม่กลัว ไสหัวไป!”

ทันใดนั้นเงาร่างสายหนึ่งก็กระโจนออกมาจากในเรือนราวกับสายฟ้าสีโลหิตเส้นหนึ่ง เสียงโครมครามดังขึ้น พากลิ่นอายทำลายล้างน่ากริ่งเกรงออกมาด้วย พอพุ่งออกมาฝ่ามือหนึ่งก็ตบเข้าใส่หนิงเหมิง

คนผู้นี้เป็นชายหนุ่มชุดสีชาด กลิ่นอายบ้าระห่ำ สีหน้าดุร้าย จองหองอหังการอย่างยิ่งยวด ไม่ทันไรก็ลงมือแล้ว

เสียงร้องตกตะลึงดังขึ้นระลอกหนึ่ง ฝูงชนวงแตก

องค์ชายเจ็ดจ้าวจิ่งเฟิง!

หนิงเหมิงหรี่ตาลง สีหน้าเคร่งเครียด โบกมือเข้าต้านอีกฝ่ายโดยไม่ลังเล

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์