Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1436

เช้าวันรุ่งขึ้น หลินสวินก็ออกจากค่ายทัพอีกครั้ง

สิ่งที่กำลังรอเขาอยู่คือสายตาข้องใจและซับซ้อน ไม่มีแววดูถูกเหยียดหยามเหมือนที่ผ่านมา เริ่มเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เลวแล้ว

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลังจากที่เขาออกไป ผู้แข็งแกร่งมากมายภายในค่ายก็เคลื่อนไหวตามไปด้วย หอบเอาความคิดที่จะค้นหา เสาะแสวงหาความจริง

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือต้องการใช้ข้อเท็จจริงมาพิสูจน์ ว่าในฐานะหลินสวินที่เป็นตัวมอด ทรัพย์หลังศึกที่ได้มาเมื่อวานทั้งหมดล้วนกุเรื่องแหกตา!

นี่ก็เป็นเรื่องปกติมาก ความเข้าใจผิดตลอดหนึ่งปี อคติที่เกิดขึ้นย่อมไม่อาจหายไปเพียงชั่วข้ามคืน

แต่ว่า หลินสวินคร้านจะสนใจเรื่องพวกนี้

ทั้งหมดนี้แค่ให้ความจริงพิสูจน์ก็สิ้นเรื่อง

……

ยามสายัณห์

หลินสวินเหยียบย่างบนเส้นทางกลับค่าย

สิ่งที่ได้รับในวันนี้เมื่อเทียบกับเมื่อวานก็ถือว่าไม่เลว หลังจากวิ่งวนภายในอาณาเขตพันลี้ เขาก็สามารถรวบเอาอาณาเขตในครอบครองของค่ายพ่อมดเถื่อนและพันธมิตรหมื่นเผ่าได้สำเร็จ

ในการฆ่าฟันเจ็ดหนนั้น ยอดฝีมือที่ได้พบเจอไม่มากนัก แต่การเคี่ยวกรำพลังหลอมกายก็ได้ผลอย่างเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเป็นประโยชน์มหาศาล

โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการต่อสู้ครั้งหนึ่ง เขาได้พบกับพวกร้ายกายจากเผ่าพ่อมดเถื่อน ชื่อว่าจินหมานเอ๋อร์ พลังต่อสู้แข็งแกร่งทนทานถึงขีดสุด พลังมหามรรคที่เชี่ยวชาญก็ค่อนข้างหายากและน่ากลัว

การต่อสู้ครั้งนี้หลินสวินใช้พลังหลอมกายเข้าใส่สุดแรง และเสียเวลาไปหนึ่งเค่อเต็มๆ กว่าจะรุกสังหารอีกฝ่ายได้

‘หลอมกายก็คือการใช้กำลังต่อกำลัง ใช้พลังบริสุทธิ์ทำการกำราบอย่างสมบูรณ์ คำกล่าวที่ว่าหนึ่งพลังปราบสิบพรรค คงจะเป็นประมาณนี้แหละ’

‘แต่ว่าการเคี่ยวกรำวิชาต่อสู้หลอมกายยังไม่มากพอ ถ้าสมบูรณ์กว่านี้อีกหน่อยตอนที่สังหารจินหมานเอ๋อร์นั่นก็คงไม่ต้องเปลืองแรงขนาดนั้น…’

หลินสวินใคร่ครวญประสบการณ์การต่อสู้ไปพลาง เดินเข้าไปให้ค่ายภูเขาเมฆาครามไปพลาง

ทันใดนั้นเขาก็อึ้งงัน จู่ๆ ก็พบว่าตอนที่ผู้แข็งแกร่งมากมายมองมาที่ตนอีกที สายตาล้วนเจือแววแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก

บรรยากาศที่แต่เดิมครึกครื้นก็พลอยเงียบกริบในฉับพลันพร้อมๆ กับการมาถึงของตน

“ข้ากลับไปก่อนนะ”

หลินสวินไม่ได้ซักถาม บอกกับสืออวี่ที่คอยตามหลังตลอดทางไว้หนึ่งประโยค แล้วหันตัวเดินกลับไปที่ยอดเขา

เดิมทียังมีคนมากมายลังเลที่จะเอ่ยปาก แต่เมื่อเห็นหลินสวินจากไปก็กลืนคำพูดที่มาจ่อริมฝีปากกลับลงท้องในทันที

สืออวี่กลับคล้ายจะเข้าใจขึ้นมา อดกล่าวกลั้วหัวเราะไม่ได้ “ในที่สุดตอนนี้พวกเจ้าก็ตาสว่างกันแล้ว?”

ทุกคนต่างพยักหน้ายิ้มๆ เพียงแต่รอยยิ้มนั้นออกจะแข็งทื่ออย่างเห็นได้ชัด

วันนี้พวกเขาก็ออกไปตรวจสอบข้างนอกตั้งแต่เช้าตรู่ ผลลัพธ์กลับพาให้พวกเขาตะลึงพรึงเพริด ร่องรอยการต่อสู้ที่เคยเกิดขึ้นพวกนั้น ไม่ว่าใครได้เห็นล้วนไม่อาจทำใจให้สงบได้

อาณาเขตส่วนหนึ่งที่อยู่ในครอบครองของศัตรูล้วนถูกหลินสวินตียับเพียงลำพัง!

ความจริงข้อนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่อาจข้องใจอะไรได้อีก

สุดท้ายในที่สุดพวกเขาก็เชื่อแล้วว่า เจ้าคนที่ถูกพวกเขามองเป็นตัวมอดคนนั้น ถึงขั้นกลับตัวกลับใจ แก้ไขความผิดได้แล้วจริงๆ!

อีกอย่างความแข็งแกร่งของพลังต่อสู้ที่สำแดงออกมายังน่าตกใจถึงที่สุด!

พรึ่บ!

สืออวี่ไม่ได้พูดมากความอะไร โบกแขนเสื้อหนึ่งครา โอสถเทพและผลึกกำเนิดเจตะก็เทกองกันเต็มพื้น ดึงดูดความสนใจของสายตาทุกคู่อีกครั้งในชั่วขณะเดียว

เมื่อเทียบกับเมื่อวานแล้ว ทรัพย์หลังศึกในวันนี้ไม่ได้ด้อยกว่ากันนัก ซ้ำยังมีมากกว่าหน่อยด้วยซ้ำ

ทุกคนพากันหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ จิตใจไหววูบ

“นี่… นี่คงไม่ใช่ของที่หลินสวินรวบรวมมาในวันนี้ทั้งหมดอีกแล้วกระมัง”

มีคนร้องเสียงหลง

“พวกเจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ”

สืออวี่ทอดถอนใจ กล่าวว่า “ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของค่าย ข้าแค่อยากเตือนทุกคนสักประโยค หลินสวินเจ้าหมอนี่… ไม่ใช่คนที่พวกเจ้าจะเหยียบหัวได้สักนิด!”

ทุกคนสายตาไหวหวั่นไม่นิ่ง ในใจค่อนข้างละอาย ก่อนหน้านี้หลินสวินทำตัวเหมือนมอดตัวหนึ่งจริงๆ นี่นา

เพียงแต่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าหลินสวินจะซ่อนคมในฝัก ไม่เผยประกายได้ขนาดนี้!

ถ้าเขาหลินสวินเผยศักยภาพของตนให้เห็นตั้งแต่แรก ทุ่มเทแรงกายเพื่อค่ายทัพจักรวรรดิให้มากๆ มีหรือจะเกิดเรื่องเข้าใจผิดมากมายขนาดนี้

“หลินสวินไม่ได้คิดถือโทษโกรธเคืองพวกเจ้าหรอก เขาก็รู้ว่านี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด ถึงได้ชดเชยให้”

สืออวี่ถอนหายใจอีกครั้ง กล่าวว่า “พวกเจ้าน่ะ ควรแก้ไขเรื่องเข้าใจผิดได้แล้ว การทำให้คนแบบหลินสวินแบกรับคำด่าทอว่าเป็นตัวมอด หากแพร่งพรายออกไป อีกสองค่ายใหญ่ที่เหลือจะมองพวกเราอย่างไรกัน”

ทุกคนได้ยินดังนี้ก็พากันอดพยักหน้าไม่ได้

คนไม่น้อยต่างสีหน้าละอายใจ พอลองคิดว่าตนถึงกับมองบุคคลสะท้านโลกอย่างหลินสวินเป็นตัวมอด ช่างเห็นได้ชัดว่าเบาปัญญาจริงๆ

ขนาดพวกจ้าวจิ่งเฟิ่ง ฉินเฟยอวี่ยังพากันใบ้สนิท พวกเขาจะพูดอะไรได้

หลินสวินใช้การเคลื่อนไหวดุจเหล็กกล้ามาพิสูจน์ความกร้าวแกร่งของเขา!

“จริงสิ วันนี้จินหมานเอ๋อร์ที่ติดอันดับ ‘สิบสุดยอดราชันพ่อมดระดับอมตะเคราะห์’ ในค่ายพ่อมดเถื่อนถูกหลินสวินฆ่าตายแล้ว”

จู่ๆ สืออวี่ก็เอ่ยปาก

หินก้อนเดียวก่อคลื่นนับพัน!

ใครบ้างไม่รู้ว่าจินหมานเอ๋อร์เป็นถึงบุคคลกร้าวแกร่งที่เทียบได้กับซ่งอู่เชวีย แต่ตอนนี้เขากลับถูกหลินสวินฆ่าเสียแล้ว!

ทุกคนขนพองสยองเกล้าเหลือล้น ต่างอดคิดถึงช่วงเดือนที่สามที่หลินสวินมาถึงภูเขาเมฆาครามขึ้นมาไม่ได้ ซ่งอู๋เชวียเคยมุ่งหน้าขึ้นยอดเขาไปท้าดวลหลินสวิน

ผลลัพธ์กลับล้มเลิกการท้าดวลเพราะประโยคเดียวของหลินสวิน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์