หืม?
ตอนที่เสียงหลินสวินดังขึ้น บรรดาระดับกึ่งจักรพรรดิที่กระจายตัวในลานก็ระบุพิกัดต้นเสียงได้ในทันที
ด้วยปราณของพวกเขา ต่อให้อยู่กลางการต่อสู้ดุเดือดหาใดเปรียบ แต่หากคิดจะจับการเคลื่อนไหวแม้แต่นิดเดียวในฟ้าดินรอบบริเวณก็ไม่ใช่เรื่องยากสักนิด
เป็นธรรมชาติเหมือนการหายใจก็ไม่ปาน
จากนั้นพวกกึ่งจักรพรรดิอย่างอูจิ่วฉง จวี้เทียนสิงต่างพากันอึ้งงัน คล้ายกับแปลกใจยิ่ง
“พวกมด!”
ส่วนลึกของนัยน์ตาเจียวหลงมรกตผุดแววดูถูกขึ้นมาแวบหนึ่ง
“เฮอะ!”
มดสำริดแค่นสียงเย็น คล้ายไม่ค่อยสบอารมณ์ที่เจียวหลงมรกตเรียกขานเช่นนี้ คิดว่าเจ้าของเสียงนั้นไม่คู่ควรกับคำว่ามดคำนี้เลยสักนิด
สิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงที่เฝ้าดูอยู่ไกลๆ ก็อึ้งไปเช่นกัน จากนั้นก็ออกอาการแปลกประหลาด คิดไม่ถึงว่าในการต่อสู้ระดับนี้จะถึงกับมีเด็กน้อยที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเช่นนี้มาร้องปาวๆ ว่าจะขอร่วมผสมโรงด้วย
พวกจ้าวหยวนจี๋เดิมทีทำใจทิ้งชีพลืมตาย ตั้งใจจะสู้ไม่คิดชีวิต แต่ยามนี้ก็พากันอึ้งงันด้วย หลินสวินหรือ
เหตุใดเจ้าเด็กนี่ถึงโผล่มาในเวลาแบบนี้
ในขอบเขตจิตรับรู้ของพวกเขา ก็เห็นว่าห่างไปไกลสุดลูกหูลูกตา ห้วงอากาศปราฏระลอกคลื่นสายแล้วสายเล่า นั่นเป็นระลอกพลังซึ่งเกิดจากการเคลื่อนที่ผ่านห้วงอากาศเต็มกำลัง
ชายหนุ่มที่สวมชุดสีขาวพระจันทร์ทั้งร่าง ทุกครั้งที่ปีกมายาสีดำมิดคู่หนึ่งที่อยู่ด้านหลังพริบไหว ก็สามารถเคลื่อนตัวออกจากอาณาเขตสามพันลี้ได้ในพริบตา
ไม่ว่าใครก็ดูออก นี่คือคนหนุ่มที่ยังไม่ขึ้นเป็นอริยะ และเพราะเหตุนี้ถึงได้ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกแปลกใจ
ก็เหมือนกับว่ามีมดตัวจ้อยตัวหนึ่งกระโดดออกจากพงหญ้าตอนที่เสือกับหมาป่ากำลังห้ำหั่นดุเดือด แล้วบอกว่าจะขอร่วงวงสังหารด้วยคน ความรู้สึกนั้น… ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกเหลวไหลสิ้นดีอย่างบอกไม่ถูก
แต่เรื่องเช่นนี้ดันเกิดขึ้นจริงๆ!
สิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงที่เฝ้าดูอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาเย็นชาเหล่านั้น บ้างก็ขมวดคิ้ว บ้างก็นึกสนุก บ้างก็หัวเราะร่วน…
พวกอูจิ่วฉงคร้านจะสนใจ หากเปลี่ยนเป็นคู่ต่อสู้ระดับเดียวกัน บางทีพวกเขายังพอให้ความสำคัญอยู่บ้าง
แต่น่าเสียดาย คู่ต่อสู้ที่กระโดดออกมาครั้งนี้ช่างเล็กจ้อยเกินไปจริงๆ เล็กจ้อยถึงขั้นไม่อาจสร้างความสนใจใดๆ ให้แก่พวกเขาได้
ในใจพวกจ้าวหยวนจี๋ก็ทอดถอนใจเช่นกัน เจ้าเด็กนี่มีหรือจะมองไม่ออกว่าการมุ่งหน้ามาก็ไม่ต่างอะไรกับมาตายเปล่า แต่ก็ยังดึงดันจะมา!
แม้ปราณจะต่ำเตี้ยปวกเปียกก็ไม่อาจทำให้เขาถอยร่น
ก่อนตายยังได้เห็นภาพเช่นนี้ พวกจ้าวหยวนจี๋ล้วนรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูก ทั้งซาบซึ้งทั้งวิตกกังวล
พวกเขาไม่ได้หวังให้หลินสวินมาตายเปล่าเสียหน่อย!
“เห!”
ทว่าเวลานี้ก็มีคนตระหนักถึงความไม่เข้าที ส่งเสียงร้องอุทานตกใจออกมา
“นั่นมัน…”
เวลาไล่เลี่ยกัน สิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงตัวอื่นๆ ส่วนหนึ่งที่อยู่ในลานก็ดวงตาแข็งทื่อ เสียงหัวเราะ แววนึกสนุก ดูถูกทั้งหมดที่ฉายบนใบหน้าล้วนค้างแข็ง
พวกอูจิ่วฉง จวี้เทียนสิงที่เดิมทีตั้งใจจะเมินหลินสวินตรงๆ รีบสู้รีบจบยังต้องแผ่จิตรับรู้ไปสัมผัสอย่างละเอียดอีกครั้ง จากนั้นจิตใจพลันสั่นไหว สีหน้าเปลี่ยนไป
พวกจ้าวหยวนจี๋กำลังขบคิดกับตัวเองว่าก่อนสิ้นใจจะรักษาชีวิตหลินสวินไว้อย่างไรดี แต่เมื่อตระหนักถึงภาพเหตุการณ์ผิดปกติเหนือธรรมดานั่นก็ออกอาการตกใจเช่นกัน
การเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจและสัมผัสรับรู้เช่นนี้สิ้นสุดลงในชั่วอึดใจ
แต่สำหรับการปรากฏตัวของหลินสวิน พวกกึ่งจักรพรรดิทั้งหลายที่อยู่ในที่นั้นต่างเปลี่ยนความคิดอย่างสิ้นเชิง ถึงขั้นตกใจและไหวหวั่น!
ในจิตรับรู้ของพวกเขา เห็นว่าหลังจากหลินสวินปรากฎตัว ด้านหลังของเขายังมีเงาร่างน่าสะพรึงสายแล้วสายเล่าปรากฏขึ้นมาไม่ขาดสาย…
มีหัวใจที่เต็มไปด้วยรูพรุนยับเยิน
มีหงส์เซียนโครงกระดูกปีกหัก
มีมนุษย์ยักษ์โครงกระดูกขาวที่สะพายกระบี่หักบนหลัง ร่างใส่เกราะแตกพัง
มีตะพาบโครงกระดูกขาว ต้นไม้ใหญ่ไหม้เกรียม จิ้งจอกโครงกระดูกขาว งูใหญ่โครงกระดูกขาว…
แต่ละตัวดูเหมือนกลิ่นอายราบเรียบ แต่ภายใต้การสัมผัสด้วยจิตรับรู้ของกึ่งจักรพรรดิเหล่านั้น กลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ากลิ่นอายที่มีในตัวดุร้ายน่าสะพรึงแต่ละตัวนั้นแข็งแกร่งปานใด!
“นี่…”
กึ่งจักรพรรดิบางคนตะลึงงัน สีหน้าตกใจแกมสงสัย
สัตว์ดุร้ายน่าสะพรึงกลุ่มนี้ติดตามอยู่เบื้องหลังชายหนุ่มคนนั้น เป็นภาพที่สะท้านสะเทือน เหมือนมดตัวหนึ่งมาพร้อมกับฝูงสิงห์พยัคฆ์ที่แสนดุร้ายฝูงหนึ่ง
ข้างหน้าเล็กจ้อยจนไม่ควรค่าให้ชายตาแล ข้างหลังกลับน่าสะพรึงจนทำให้กึ่งจักรพรรดิคนใดๆ ต่างใจสะท้าน ต่างชั้นกันมากเกินไป ดังนั้นความสะท้านสะเทือนที่เกิดย่อมใหญ่หลวงมากเป็นพิเศษ!
“เป็นภูตผีวิญญาณเดียวดายในเหวลึกหมื่นเคราะห์พวกนั้น…”
ดอกอสูรมารที่สีแดงฉานดอกหนึ่งเอ่ยปาก กลีบดอกของมันสาดพรมละอองแสง กลายเป็นเงากระบี่มากมายไหลวน ส่งเสียงดังชิ้งๆ
“ดูท่าไม่ได้มาตายเปล่าแล้วสิ”
สิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงส่วนหนึ่งขมวดคิ้ว ตระหนักได้ว่าชายหนุ่มคนนั้นมาครั้งนี้ ที่แท้ก็มีที่พึ่ง แถมพลังที่พึ่งพิงยังน่ากลัวถึงขีดสุดด้วย
บรรยากาศในลานล้วนเปลี่ยนไปจากเดิม ศึกกึ่งจักรพรรดิที่เดิมทีห้ำหั่นกันดุเดือด กลับปกคลุมด้วยบรรยากาศตกใจปนสงสัยเพราะการมาถึงของหลินสวินในเวลานี้
พวกกึ่งจักรพรรดิอย่างอูจิ่วฉง จวี้เทียนสิงเวลานี้ก็ตระหนักถึงความไม่เข้าทีแล้ว หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ พวกเขาเมินหลินสวินได้ แต่กลับไม่อาจเพิกเฉยตัวดุร้ายน่าสะพรึงที่คอยตามอยู่ข้างหลินสวินได้!
“ฆ่า! เร็วเข้า! จ้าวหยวนจี๋ยืนหยัดไม่ไหวแล้ว!”
อูจิ่วฉงตวาดเสียงดังสนั่น
กึ่งจักรพรรดิคนอื่นๆ ก็รู้ดีว่าหากปล่อยให้หลินสวินพาตัวดุร้ายกลุ่มนั้นบุกเข้ามา จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นี่เป็นสิ่งที่พวกเขายอมไม่ได้เด็ดขาด
“เฮอะ!”
พวกจ้าวหยวนจี๋แค่นหัวเราะ ลุยโถมเต็มกำลัง
เวลานี้สภาวะจิตของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะหลินสวินทำให้พวกเขาหาพลังชีวิตเสี้ยวหนึ่งพบ ย่อมไม่อาจลงเอยแบบ ‘ตายตกตามกันไปทั้งสองฝ่าย’ อีกเด็ดขาด
“ท่านทั้งหลายยังคิดจะเฝ้าดูอยู่เฉยๆ อย่างนั้นหรือ”
และพร้อมกันนี้เจียวหลงสีเขียวมรกตตัวนั้นคำรามลั่น “หากเจ้ามนุษย์นี่ไม่ตาย พวกเจ้าไม่ว่าหน้าไหนก็อย่าคิดจะช่วงชิงมหาศุภโชคครั้งนี้ไปได้!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์