Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1462

ฟ้าดินกลับคืนสู่ความสงบ กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์มงคลอบอวล

ตำหนักจักรพรรดิหมื่นเคราะห์เก่าแก่ตั้งตระหง่าน แผ่บรรยากาศอันโชติช่วงออกมา

ชายหนุ่มเท้าเปล่าชุดป่านที่กลายร่างจากจักจั่นทองตัวหนึ่งมองภาพนี้อยู่ห่างออกไป สายตาเหลือบมองไปยังหลินสวินที่ยืนอยู่หน้าบันไดตำหนักจักรพรรดิหมื่นเคราะห์

เขายิ้มกล่าว “เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดเมื่อครู่เจ้าก็เห็นอยู่ในสายตา มหามรรคห้าสิบ อุบัติฟ้าสี่สิบเก้า รอดพ้นเพียงหนึ่ง เจ้าหนุ่มที่จัดอยู่ในศิษย์สืบทอดคนที่ห้าสิบของคีรีดวงกมลนี้ก็คือตัวแปรคนหนึ่ง”

ข้างๆ เด็กสาวงามน่ารักชุดขาวที่กลายร่างจากจักจั่นขาวตัวหนึ่งกลับดูหงุดหงิด กล่าวว่า “เจ้าพวกนั้นเข้าไปกันหมดแล้ว ทำไมเจ้ายังมัวแต่พูดพล่าม ต่อให้เจ้าหนุ่มนั่นเป็นตัวแปรคนหนึ่งแล้วเกี่ยวอะไรกับพวกเราด้วย”

ชายหนุ่มจักจั่นทองถอนใจกล่าว “ช่างเถิด เจ้าไปเถอะ”

เด็กสาวจักจั่นขาวกล่าว “เจ้าไม่ไปรึ”

“ข้าอยากไปพูดคุยกับสหายน้อยผู้นั้นก่อน”

ชายหนุ่มจักจั่นทองมองหลินสวินที่อยู่ห่างออกไป

“พูดพล่ามจริงๆ!”

เด็กสาวจักจั่นขาวพลันมุ่นคิ้ว เง่ร่างพริบไหวและวูบหายไป

ชายหนุ่มจักจั่นทองยิ้มไม่ใส่ใจ

หลินสวินถอนหายใจอยู่หน้าบันได

ทำให้กึ่งจักรพรรดิทุกคนคลุ้มคลั่งเช่นนี้ได้ แค่คิดก็รู้แล้วว่าจุดเปลี่ยนนี้ยิ่งใหญ่ระดับใด เป็นไปได้สูงว่าจะเกี่ยวข้องกับการบรรลุจักรพรรดิ!

ด้วยพลังปราณของตนยังไม่บรรลุอริยะ ต่อให้เข้าไปในตำหนักจักรพรรดิหมื่นเคราะห์นี้ก็เอื้อมไม่ถึงจุดเปลี่ยนนี้แน่

“สหายน้อยไยต้องถอนใจ ก็แค่จุดเปลี่ยนเท่านั้น ขอเพียงวาสนาบรรจบย่อมมีโอกาสไปช่วงชิง”

ทันใดนั้นเสียงฉะฉานอ่อนโยนเสียงหนึ่งดังขึ้นริมหู หลินสวินเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นชายหนุ่มเท้าเปล่าชุดป่านคนหนึ่งไม่รู้ยืนอยู่ข้างตนตั้งแต่เมื่อไหร่

ที่คาดไม่ถึงคือตัวดุร้ายน่ากลัวเจ็ดตัวที่ตามหลังตนมานั้น ถึงกับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแม้แต่น้อย!

หนังตาหลินสวินพลันกระตุก พินิจพิเคราะห์ชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายอย่างละเอียดวูบหนึ่ง แค่ฟังน้ำเสียงก็ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคย

“หรือสหายน้อยจะลืมไปแล้ว ปีนั้นพวกเรายังเคยพูดคุยกันอยู่เลย”

ชายหนุ่มจักจั่นทองยิ้ม แววตาอบอุ่น ทั่วร่างไม่มีกลิ่นอายดึงดูดสายตาคนเพียงเสี้ยว ราบเรียบไม่ซับซ้อน

“ที่แท้เป็นท่าน”

หลินสวินพลันตระหนักได้ทันที หว่างคิ้วฉายแววตกตะลึงวูบหนึ่ง “หากข้าเดาไม่ผิด ท่านก็มาเพราะจุดเปลี่ยนใหญ่ครั้งนี้ด้วยกระมัง”

ชายหนุ่มจักจั่นทองยิ้มกล่าว “ก็ไม่เชิง ข้ามาที่นี่แต่อีกเดี๋ยวก็ต้องไปแล้ว แต่ไม่ใช่มาช่วงชิงวาสนา”

เขาพูดพลางนั่งลงบนบันไดขั้นแรกอย่างสบายอารมณ์ กล่าวว่า “ก่อนจะไปได้เจอสหายน้อยอีกครั้งทำให้ข้าดีใจจริงๆ นี่ก็คือวาสนา เลิศล้ำเกินบรรยาย”

ชั่วขณะหนึ่งหลินสวินออกจะบอกไม่ได้ว่าเจ้าหมอนี่คิดจะทำอะไร จึงคร้านจะคิดมากความ กล่าวลอยๆ พอเป็นพิธี “ประโยคนี้ปีนั้นเจ้าก็เคยพูดแล้ว”

ชายหนุ่มจักจั่นทองยิ้มกล่าว “กำลังเป็นห่วงสหายพวกนั้นของเจ้าหรือ ข้าว่าไม่จำเป็น จุดเปลี่ยนใหญ่ครานี้ถูกกำหนดเจ้าของไว้แล้ว ไม่ว่าใครจะมาก็ช่วงชิงไปไม่ได้”

หลินสวินเลิกคิ้ว “จริงหรือ”

ชายหนุ่มจักจั่นทองไหวไหล่ “ข้าไม่เคยพูดปด ตำหนักหลังนี้คือสิ่งที่มหาจักรพรรดิหมื่นเคราะห์เหลือไว้ เดิมทีเขาต้องการเปิดสำนักหนึ่งที่แดนบ่อเกิดแรกกำเนิดนี้ สืบทอดมรรควิถีของตนไว้ที่นี่”

“แต่หลังจากนั้นด้วยศึกใหญ่ที่มาเยือนกะทันหัน ทำให้เขาได้แต่ตระเตรียมอย่างรีบเร่งก่อนสิ้นชีพ ใช้ความตายของตนเป็นค่าตอบแทน ทิ้งจุดเปลี่ยนในการบรรลุจักรพรรดินี้ไว้”

มหาจักรพรรดิหมื่นเคราะห์!

ฟังถึงตรงนี้ใจหลินสวินกระตุกวูบอย่างแรง นึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้

สมรภูมิกระหายเลือดในรัตติกาลมืดคือโลกใบหนึ่งที่วิวัฒน์จากซากศพของระดับจักรพรรดิ ลึกลับและกว้างใหญ่ไพศาล น่าหวาดกลัวเหมือนแดนต้องห้าม

หญิงลึกลับเคยกล่าวว่าโลกรัตติกาลมืดมิดนี้ได้หายไปแล้ว และจุดเปลี่ยนใหญ่ก็ปรากฏในเวลาต่อมา

ปัจจุบันเมื่อยืนอยู่หน้าตำหนักจักรพรรดิหมื่นเคราะห์หลังนี้ ได้ฟังคำพูดของชายหนุ่มจักจั่นทอง ทำให้หลินสวินเกิดข้อสันนิษฐานที่บ้าบิ่นหนึ่งขึ้นมาในพริบตา

ศพระดับจักรพรรดิที่กลายเป็นโลกยามราตรีนั้น จะใช่สิ่งที่มหาจักรพรรดิหมื่นเคราะห์เหลือไว้หรือไม่

“มหาจักรพรรดิหมื่นเคราะห์คืออัจฉริยะคนหนึ่งที่น่าตกตะลึงหาใดเปรียบ ใช้ร่างกายอันต่ำต้อยมุ่งหน้าพลิกฟ้า ผ่านความยากลำบากของหมื่นเคราะห์จนได้บรรลุระดับมหาจักรพรรดิในที่สุด น่าเสียดาย…”

ชายหนุ่มจักจั่นทองทอดถอนใจ “มรรคาที่เขาเสาะหาเป็นสิ่งต้องห้ามเกินไป จนกระทั่งใกล้จะเปิดสำนัก ยามสำแดงมรรคในใต้หล้าได้เจอกับหายนะแห่งการทำลายล้างเข้า”

“ปีนั้นข้าพาอาไป๋มาที่นี่ด้วยกัน ก็เพื่อสืบหาความจริงที่มหาจักรพรรดิหมื่นเคราะห์เหลือไว้ เพราะหากไม่อาจไขเรื่องราวที่มหาจักรพรรดิหมื่นเคราะห์เผชิญให้กระจ่าง ภายหน้า… ข้าก็อาจจะพบจุดจบอย่างเขาได้ หากเป็นเช่นนั้นก็ทำให้คนไม่ยินยอมเกินไปแล้ว”

พูดถึงตรงนี้เขามองหลินสวินแล้วยิ้มกล่าว “ปีนั้นข้าบอกเจ้าว่าข้าเคยตั้งปณิธาน ว่าต้องการเสาะหามรรคาที่สามารถทำให้สรรพสิ่งทั่วหล้าต่างบรรลุอริยะได้ หนทางนี้… ช่างยากลำบากนัก”

น้ำเสียงเจือความทอดถอนใจเสี้ยวหนึ่ง

ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดเขาจำศีลอยู่ที่นี่มาตลอด คำนวณ ตรวจสอบ สัมผัสรู้ หยั่งถึง…

จนถึงตอนนี้ในที่สุดจึงมองเห็นความหวังเสี้ยวหนึ่งอยู่รางๆ ในการมาเยือนของมหายุคครานี้ จะไม่ให้เขาทอดถอนใจได้อย่างไร

การเสาะหามหามรรค แต่ไหนแต่ไรล้วนต้องทนทรมานจากความโดดเดี่ยวและเดียวดายในกาลเวลาที่ล่วงเลย

“ผู้อาวุโสพูดเรื่องพวกนี้กับข้า เกรงว่าคงเหมือนสีซอให้ควายฟังแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์