บนป้ายคำสั่งสลักอักษรโบราณเหนี่ยวจ้วน[1] ว่า ‘อวี่’ อยู่หนึ่งคำ
เมื่อรับมาไว้ในมือก็ไม่มีอะไรพิเศษ แต่สีหน้าของชายหนุ่มจักจั่นทองกลับดูแปลกออกไป ยิ้มแล้วไม่พูดอะไรมากอีก
“ขอลา”
ชายชราชุดนักพรตหันหลัง ก้าวเข้าไปในส่วนลึกของเงาแสงแพรวพราวที่วิวัฒน์จากโคมไร้มลทินนั่น
“นี่คือผู้อาวุโสคนหนึ่งของเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่บนทางเดินโบราณฟ้าดารา นิสัยหยิ่งทะนงเย็นชาที่สุด เป็นเพื่อนสนิทของมหาจักรพรรดิหมื่นเคราะห์ สักวันหนึ่งหากสหายน้อยไปเยือนทางเดินโบราณฟ้าดาราแล้วเจอเรื่องยุ่งยากอะไร ก็สามารถนำป้ายคำสั่งนี้ออกมาได้”
ในที่สุดชายหนุ่มจักจั่นทองก็อดไม่ได้ กล่าวแนะนำหลินสวินประโยคหนึ่ง
เผ่าจักรพรรดิ!
ทั้งยังมาจากทางเดินโบราณฟ้าดาราด้วย!
นัยน์ตาดำของหลินสวินพลันหดรัด เก็บป้ายคำสั่งลงไป
พรึ่บ!
หงส์เซียนกระดูกขาวร่ายรำ แปลงเป็นหญิงงามชุดรุ้งมวยผมเหนือศีรษะคนหนึ่ง ท่าทางบริสุทธิ์ผุดผ่อง เยียบเย็นหยิ่งทะนง
เพียงแต่ยามนี้นางกลับค้อมตัวเล็กน้อยไปทางหลินสวินและชายหนุ่มจักจั่นทอง “ขอบคุณท่านทั้งสองที่ช่วยเหลือ นี่คือขนปีกเสี้ยวหนึ่งของเผ่าข้า ขอสหายน้อยโปรดรับไว้”
ฟุ่บ!
ขนนกที่สาดแสงสว่างไสวเสมือนภาพมายาเพริศแพร้วท่อนหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของหญิงสาว ส่งมอบแก่หลินสวิน
หลินสวินหันไปมองชายหนุ่มจักจั่นทอง ฝ่ายหลังยิ้มกล่าว “เจ้าช่วยพวกเขาให้หลุดพ้น พวกเขาตอบแทนก็สมควรแล้ว”
หลินสวินจึงรับขนปีกหงส์เซียนที่เรียกได้ว่าไม่อาจประเมินค่านี้มาพลางกล่าว “ขอบคุณมาก”
ไม่นานหญิงสาวก็เดินจากไป
“เจ้าน่าจะมองออก หญิงคนนี้มาจากเผ่าหงส์เซียน ลำดับความอาวุโสของนางในตระกูลอาจไม่ถึงขั้นสูงส่ง แต่พลังปราณและรากฐานกลับเป็นอันดับหนึ่ง น่าเสียดาย หากไม่ใช่ว่าปีนั้นถูกพลังต้องห้ามนั่นขังอยู่ที่นี่ ด้วยพรสวรรค์ของนาง การก้าวสู่ระดับจักรพรรดิน่าจะไม่ใช่เรื่องยาก”
ชายหนุ่มจักจั่นทองทอดถอนใจ
หลังจากนั้นคนยักษ์กระดูกขาวที่หลังสะพายกระบี่หักก้าวเข้ามา แปลงเป็นชายฉกรรจ์เครางอนคนหนึ่ง ท่าทางองอาจผึ่งผาย มาจากเผ่ามหัตหลวง มอบฝักกระบี่สีเขียวเจ็ดชุ่นเล่มหนึ่งแก่หลินสวิน
ต้นไม้ใหญ่แห้งเกรียมแปลงเป็นหญิงงามปักปิ่นไม้ชุดผ้าหยาบคนหนึ่ง กิริยาท่าทางสุภาพอ่อนโยน ร่างเดิมคือต้นมรรคหมื่นเพลิงต้นหนึ่ง มอบใบไม้สีแดงเพลิงใบหนึ่งแก่หลินสวิน
จิ้งจอกกระดูกขาวเปลี่ยนเป็นจิ้งจอกเขียวที่เกิดมามีแปดหางตัวหนึ่ง หน้าตาอรชรปานล่มเมือง เย้ายวนไม่เป็นสองรองใคร มาจากเผ่าจิ้งจอกเทพเก้าทวาร มอบกระพรวนหยกเขียวที่ส่องประกายแวววาวกระพรวนหนึ่งแก่หลินสวิน
งูใหญ่กระดูกขาวกลายเป็นชายวัยกลางคนหน้าเหี้ยมคนหนึ่ง กลิ่นอายเคร่งขรึม มาจากเผ่างูสวรรค์ปีกนิล มอบเขี้ยวขาวกระจ่างดุจหิมะเขี้ยวหนึ่งแก่หลินสวิน
ตะพาบกระดูกขาวแปลงเป็นชายชราร่างเล็กที่ท่าทางซื่อๆ เนิบๆ คนหนึ่ง มาจากเผ่าตะพาบมังกรมหามายา มอบกระดองขาวขนาดเท่ามือทารกกระดองหนึ่งแก่หลินสวิน
ในกระบวนการนี้ พวกเขาทยอยแสดงความขอบคุณต่อหลินสวินและชายหนุ่มจักจั่นทองอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็เดินเข้าไปในแสงแพรวพราวของโคมไร้มลทินนั้นทีละคน ก่อนหายลับจากไป
ชายหนุ่มจักจั่นทองยืนอยู่ข้างๆ กล่าวแนะนำแก่หลินสวินเป็นพักๆ
ตอนนี้หลินสวินถึงได้รู้ว่า ตัวดุร้ายน่ากลัวเจ็ดตัวที่ติดตามข้างกายตนมาตลอดทางแทบไม่มีพวกที่ธรรมดาสักคน!
อย่างผู้อาวุโสของเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่ ก็เป็นบุคคลระดับจักรพรรดิที่สมชื่อคู่ควรคนหนึ่ง!
คนอื่นก็เป็นบุคคลสำคัญน่ากลัวซึ่งมาจากแต่ละเผ่า
ปีนั้นพวกเขาเคยปกป้องมหาจักรพรรดิหมื่นเคราะห์ในแดนบ่อเกิดแรกกำเนิดนี้ แต่ด้วยเหตุนี้จึงประสบทุกข์ ถูกพลังต้องห้ามกำราบ มรรควิถีถูกทำลาย ถึงได้เปลี่ยนเป็นคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิงเช่นนี้
แต่ด้วยการปรากฏตัวของโคมไร้มลทินจึงทำให้พวกเขาสลายแรงกดดันของพลังต้องห้าม ได้รับการปลดปล่อยจากหุบเหวหมื่นเคราะห์นั่น
สำหรับพวกเขาโคมไร้มลทินก็คือความหวังเดียวที่สามารถทำให้พวกเขากลับไปได้ มาจากที่ไหนก็กลับไปที่นั่น ไม่อย่างนั้นพวกเขาที่ร่างกายถูกพลังต้องห้ามทำลาย ตลอดชีวิตคงได้แต่หลงทางอยู่กลางฟ้าดินเหมือนวิญญาณเร่ร่อนพเนจร คนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิง ไม่อาจปลุกจิตสำนึกให้ตื่นขึ้นมาได้
“เก็บรักษาสิ่งที่พวกเขามอบให้ไว้ให้ดี ภายหน้าต้องมีเวลาที่ได้ใช้แน่”
ชายหนุ่มจักจั่นทองพูดพลางคืนโคมไร้มลทินให้หลินสวิน “สิ่งที่สำคัญที่สุดคือรักษาโคมนี้ไว้ให้ดี นี่เป็นถึงแรงกายแรงใจของจักรพรรดิคนหนึ่ง”
หลินสวินนึกถึงฝีพายโครงกระดูกที่พายเรืออยู่บนแม่น้ำนรกคนนั้นขึ้นมา หรือคนผู้นั้น… ก็คือระดับจักรพรรดิคนหนึ่ง
เขาเก็บโคมไร้มลทินลงไปอย่างระมัดระวัง
ความมหัศจรรย์ของโคมนี้เขารู้ซึ้งมาก่อนแล้ว รู้ชัดว่านี่คือสมบัติชิ้นหนึ่งที่อัศจรรย์ระดับใด
“ไปเถอะ พวกเราไปดูกัน”
ชายหนุ่มจักจั่นทองนำหน้า ก้าวขึ้นไปบนบันไดหินทีละก้าว
หลินสวินเร่งตามหลังเขาขึ้นไป
บันไดมีเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าขั้น ทันทีที่ก้าวขึ้นไปบนนั้น หลินสวินรู้สึกแค่มีแรงสั่นสะเทือนประหลาดหนึ่งแผ่อบอวล ทำให้ร่างกายเขาสั่นสะท้านไปหมด
ฮูม…
เขาโคจรพลังหลอมกายอย่างเงียบเชียบ ถึงคลี่คลายแรงสะเทือนประหลาดนี้ได้
เมื่อมองชายหนุ่มจักจั่นทองที่อยู่ข้างหน้าอีกครั้ง ก็เห็นเขาก้าวสบายๆ ประหนึ่งเดินเล่นบนทางราบ
หลินสวินถอนสายตากลับ เดินตามต่อไป
ยิ่งก้าวขึ้นไปบนบันไดที่สูงขึ้น แรงสะเทือนประหลาดที่อบอวลออกมาก็ยิ่งเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่ง
แรกเริ่มเหมือนธารสายเล็กไหลเอื่อย แม้จะมีแรงสั่นสะเทือนก็ไม่ส่งผลกระทบต่อหลินสวินแม้แต่น้อย
แต่ไม่นานกระแสธารน้อยๆ นี้ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นคลื่นยักษ์ถาโถมโหมกระหน่ำ แรงสะเทือนที่จู่โจมเริ่มเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งดุดัน
ต่อจากนั้นคลื่นยักษ์เริ่มเปลี่ยนเป็นซัดโหม ก็เหมือนธารสายเล็กเปลี่ยนเป็นแม่น้ำใหญ่ คลื่นซัดกระแทกฝั่ง กระแสน้ำไหลเชี่ยวดุดันหาใดเปรียบ
แต่…
ยังคงทำอะไรหลินสวินไม่ได้ ในขั้นตอนการขึ้นบันไดเขาแค่โคจรพลังหลอมกายอย่างต่อเนื่อง เมื่อแข็งแกร่งขึ้นไม่หยุดก็สลายพลังโจมตีของแรงสะเทือนนั้นได้แล้ว
เพียงแต่เมื่อก้าวสู่บันไดหินขั้นที่หนึ่งพัน สีหน้าหลินสวินก็เปลี่ยนเป็นจริงจังอยู่บ้าง ยามก้าวไปข้างหน้าก็เหมือนกำลังเดินทวนอยู่ในกระแสน้ำหลากโหมกระหน่ำ แรงสะเทือนชวนประหวั่นบีบกดลงมาเหมือนกองกำลังพันหมื่นกำลังบุกตะลุยโจมตีข้าศึก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์