ทะลวงขั้นแล้ว!
ชายหนุ่มจักจั่นทองมีสายตาระดับใด ชั่วพริบตาก็มองออก ว่าพลังหลอมกายของหลินสวินได้ก้าวจากระดับอมตะเคราะห์ด่านแปดสู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้าแล้ว
ก้าวเดียวทะลวงขั้น!
ตูม…
แสงมรรคเก้าพิสุทธิ์ไหลวนทั่วร่างหลินสวิน ความอิดโรยและเหนื่อยล้าทั่วร่างเขาพลันหายไป ราศีจับไปทั้งตัว กลิ่นอายแข็งแกร่ง
ชายหนุ่มจักจั่นทองยิ้มพลางถอนใจ หันกลับไปเดินหน้าต่อ
ด้านหลังเขา หลินสวินก็ยิ้มแล้วก้าวเท้าเร่งตามไป
…
บันไดขั้นที่ห้าพัน
ขั้นที่หกพัน…
ขั้นที่เจ็ดพัน…
ตลอดทางที่ก้าวไปข้างหน้า จิตใจของหลินสวินเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์แล้ว พลังหลอมกายเลื่อนเป็นระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้า ในการต้านทานแต่ละครั้งจะได้รับการเคี่ยวกรำอย่างต่อเนื่อง
นี่กลับเป็นประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง
พลังเพิ่งเลื่อนขั้นเป็นช่วงที่ยังไม่มั่นคง สั่นคลอนรากฐานที่สุด แต่ในการต้านทานเพื่อขึ้นบันไดหินแต่ละครั้งก็เหมือนหินลับมีดก้อนหนึ่ง ไม่เพียงทำให้ระดับของหลินสวินมั่นคงในการเคี่ยวกรำแต่ละครั้ง ยังทำให้ควบคุมพลังหลอมกายที่เกิดการแปรสภาพได้ตามต้องการในเวลาอันสั้นที่สุดด้วย
‘สำหรับคนใหญ่คนโตพวกนั้น จุดเปลี่ยนใหญ่ในตำหนักคือวาสนาบรรลุจักรพรรดิที่พวกเขาต้องช่วงชิง แต่สำหรับข้า แค่การเคี่ยวกรำตรงหน้านี้ ความจริงก็เป็นวาสนาอย่างหนึ่งแล้ว…’
ในใจหลินสวินเกิดการรู้แจ้ง
เขาเอื้อมไม่ถึงจุดเปลี่ยนใหญ่นั้นก็จริง
แต่หน้าตำหนักจักรพรรดิหมื่นเคราะห์นี้กลับมีวาสนาที่เหมาะกับเขาเช่นกัน!
แต่ไม่นานหลินสวินก็ไม่อาจคิดมากความ เมื่อก้าวสู่บันไดมรรคขั้นที่เจ็ดพันหกร้อย เขาสัมผัสได้ถึงสัญญาณเกินกำลังอีกครั้ง
ทั้งพลังหลอมกายยังถูกผลาญไปอีกครั้งจนแทบไม่มีเหลือในการต้านทานก่อนหน้านี้
ครั้งนี้หลินสวินไม่ได้ฝืนอีก โคจรพลังหลอมปราณอย่างเงียบเชียบ ยามขึ้นบันไดก้าวย่างของเขาเปลี่ยนเป็นมั่นคงขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
ตลอดทางนี้ชายหนุ่มจักจั่นทองไม่ส่งเสียง
หลินสวินก็ไม่พูดอะไรมาก ทุ่มเทกายใจทั้งหมดไปกับการต้านแรงสะเทือนที่น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ นั่น
ยิ่งก้าวสูงขึ้นไปแรงสั่นสะเทือนก็ยิ่งน่ากลัว ต่อให้โคจรพลังหลอมปราณก็ยังทำให้หลินสวินกินแรงหาใดเปรียบ
นี่ก็เหมือนคู่ต่อสู้ของเขาในตอนแรกเป็นแค่พวกธรรมดา แต่ยิ่งก้าวสูงขึ้นไป พลังต่อสู้ของคู่แข่งที่เจอก็ยิ่งแข็งแกร่ง
กระทั่งตอนนี้เขาถึงขั้นมีความรู้สึกว่ากำลังโรมรันกับอริยะเทียมกลุ่มหนึ่งอยู่!
แรงกดดันเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว!
เมื่อก้าวสู่บันไดหินขั้นที่แปดพันสองร้อย เขาก็โคจรพลังหลอมจิตเต็มกำลังโดยไม่ลังเล
แต่เมื่อผ่านไปเพียงหนึ่งถ้วยชา หลินสวินก็รู้สึกเกินกำลังอีกครั้ง
บันไดนี้รวมแล้วมีเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าขั้น ยิ่งก้าวขึ้นไปแรงสั่นสะเทือนก็ยิ่งแข็งแกร่ง โดยเฉพาะเมื่อเหยียบบันไดขั้นที่เก้าพัน ร่างกายหลินสวินก็ซวนเซทันที เกือบจะถูกซัดถอยหลังออกไป!
เขาพลันกัดฟันกรอด ตั้งท่ารับมือเต็มกำลัง
ในเวลาต่อมาสีหน้าหลินสวินจริงจังขึ้นเรื่อยๆ หนทางที่ก้าวเดินนานเข้าก็ยิ่งหนักหน่วง ทั้งตัวราวกับเตาหลอมผลาญพิภพที่ลุกโชน ส่องประกายถึงขีดสุด
เก้าพันหนึ่งร้อย
เก้าพันสองร้อย
เก้าพันสามร้อย
…ถึงตอนท้ายสุด ร่างกายของเขาสั่นเทาไปหมด กระดูกส่งเสียงเสียดสีราวต้านทานไว้ไม่อยู่ เส้นเลือดดำตรงใบหน้าปรินูนจนบิดเบี้ยวขึ้นมา
ยากเกินไปแล้ว!
นี่ยากลำบากกว่าศึกใหญ่ใดๆ ที่หลินสวินเคยเจอในอดีต ทำให้เจตจำนงทั้งตัวเขาแบกรับแรงกดดันอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ความจริงตั้งแต่เหยียบบันไดขั้นที่เก้าพัน ชายหนุ่มจักจั่นทองก็เตรียมการพร้อมแล้ว ยามหลินสวินยืนหยัดไม่อยู่จะเข้าไปช่วยเขาทันที
แต่จนถึงตอนนี้ก็ก้าวสู่บันไดขั้นที่เก้าพันเจ็ดร้อยแล้ว หลินสวินยังยืนหยัดอยู่ได้!
แต่ละก้าวของเขา ร่างกายจะโอนเอนเซไปมาราวกับเทียนกลางลม เหมือนจะล้มดับได้ทุกเมื่อ
แต่ทุกครั้งเขาจะยืนหยัดต่อไปได้อย่างปาฏิหาริย์
ฮู่ว… ฮู่ว…
เสียงลมหายใจกระชั้นถี่ของเขาราวกับกระบอกสูบลมที่ถูกดึง หยาดเหงื่อทั่วร่างไหลอาบดั่งกระแสน้ำ ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเผือด
ชายหนุ่มจักจั่นทองอยากจะพูดแต่ก็หยุดปากไว้หลายครั้ง เกือบจะยื่นมือเข้าช่วยอย่างอดไม่อยู่หลายต่อหลายครา แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น
หลินสวินกำลังพยายาม แล้วทำไมต้องให้เขายอมแพ้เวลานี้
ทันใดนั้นชายหนุ่มจักจั่นทองนึกถึงมหาจักรพรรดิหมื่นเคราะห์ขึ้นมา ในปีนั้นมหาจักรพรรดิหมื่นเคราะห์มุ่งหน้าเย้ยฟ้า ผ่านด่านเคราะห์หมื่นรอบจนได้บรรลุจักรพรรดิ
หากไม่มีปณิธานและเจตจำนงที่แน่วแน่ ไหนเลยจะทำได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์