“สหายน้อย เจ้ารู้ประวัติความเป็นมาของเคราะห์มรรคตัดขาดไหม”
ทันใดนั้นชายหนุ่มจักจั่นทองเอ่ยถาม สายตามองไปยังหลินสวิน
“รู้ขอรับ”
หลินสวินพยักหน้า เขาเคยฟังหญิงลึกลับเล่ามาก่อน หลังจากยุคดึกดำบรรพ์ ดินแดนรกร้างโบราณมีด่านเคราะห์สามอย่างปรากฏ
หนึ่งคือ ‘เคราะห์พิฆาตมรรค’ ที่มุ่งเป้าไปยังอริยะ ตั้งแต่นั้นมาการที่อริยะปรารถนาทะลวงระดับ ก้าวเข้าสู่ระดับจักรพรรดิก็ไม่อาจเกิดขึ้นอีก
สองคือ ‘เคราะห์กักขัง’ ที่มุ่งเป้าไปยังสิ่งมีชีวิตทั้งหมดทั่วดินแดนรกร้างโบราณ ทำให้ดินแดนรกร้างโบราณราวกับกรงขัง ปิดหนทางไปสู่โลกภายนอกของผู้แข็งแกร่งทุกคน
สามคือ ‘เคราะห์มรรคตัดขาด’ ตั้งแต่นั้นมาการหลอมกาย หลอมจิต หลอมปราณ มรรคาสามอย่างนี้ก็ไม่อาจฝึกพร้อมกัน มิฉะนั้นจะประสบเคราะห์ถึงตายก่อนได้กลายเป็นอริยะ
นึกถึงตรงนี้หลินสวินใจกระตุกเล็กน้อย โพล่งออกมา “การช่วงชิงจุดเปลี่ยนใหญ่ครั้งนี้ หากมีบางคนต้องการบรรลุจักรพรรดิ ไม่ใช่ว่าต้องผ่าน ‘เคราะห์พิฆาตมรรค’ ด้วยหรือ”
ชายหนุ่มจักจั่นทองยิ้มกล่าว “ดูท่าเจ้าจะรู้เยอะกว่าที่ข้าคิดไว้มาก ไม่ผิด ใครได้จุดเปลี่ยนใหญ่ครั้งนี้ไป ยามบรรลุจักรพรรดิก็ต้องเผชิญหน้ากับเคราะห์พิฆาตมรรค”
เขาเว้นช่วงไปก่อนกล่าวต่อ “แต่เจ้าก็รู้ว่าตอนนี้มหายุคมาเยือน ทั้งที่นี่ยังเป็นแดนบ่อเกิดแรกกำเนิด ต่อให้เคราะห์พิฆาตมรรคมาเยือนก็มีหวังที่จะคลี่คลายได้”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้”
หลินสวินเข้าใจแล้ว ไม่แปลกที่กึ่งจักรพรรดิพวกนั้นจะจำศีลอยู่ที่โลกชั้นล่างตั้งหลายปี จุดประสงค์ไม่ใช่แค่รอมหายุคมาเยือน สิ่งที่สำคัญกว่าคือไขว่คว้าจุดเปลี่ยนใหญ่ ทะลวง ‘เคราะห์พิฆาตมรรค’ ในมหายุคและกลายเป็นจักรพรรดิในคราเดียว!
ยามนี้หลินสวินถึงได้รู้ว่าการบรรลุจักรพรรดิยากลำบากเพียงใด
เพื่อรอมหายุคหนหนึ่ง จึงต้องจำศีลและข่มกลั้นอยู่ในกาลเวลาที่ไหลเคลื่อนอย่างยากลำบาก
เพื่อบรรลุจักรพรรดิ เลยต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามของเคราะห์พิฆาตมรรค
แต่ละก้าวล้วนยากลำบากและอันตรายปานนั้น!
“ความจริงยังมีอีกจุดหนึ่งที่เจ้าไม่เข้าใจ หลังผ่านจุดเปลี่ยนใหญ่ครานี้ ขอเพียงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการออกไปจากที่นี่ ก็ต้องเผชิญหน้ากับด่านเคราะห์ทั้งสิ้น”
ชายหนุ่มจักจั่นทองสีหน้านิ่งสงบกล่าว “นั่นก็คือ ‘เคราะห์กักขัง’ ที่ผนึกอยู่บนดินแดนรกร้างโบราณ”
หลินสวินสะท้าน
จุดเปลี่ยนใหญ่ครั้งนี้ ถึงกับรวมด่านเคราะห์ต้องห้ามสามอย่างที่เพิ่งปรากฏหลังยุคดึกดำบรรพ์ไว้ด้วยกัน?
นี่ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่ิ่งนัก
แต่เมื่อคิดดูอย่างละเอียด ความเป็นจริงก็เป็นเช่นนี้
เขามาคราวนี้ก็เพื่อทำลายเคราะห์มรรคตัดขาด
กึ่งจักรพรรดิพวกนั้นมาเพื่อบรรลุจักรพรรดิ จะต้องดึงดูดเคราะห์พิฆาตมรรคมาเป็นแน่
และผู้แข็งแกร่งที่ต้องการออกจากแดนบ่อเกิดแรกกำเนิดนี้อย่างชายหนุ่มจักจั่นทอง ก็ถูกลิขิตให้เผชิญหน้ากับเคราะห์กักขัง
“นี่ก็คือจุดเปลี่ยนใหญ่ ทุกคนล้วนมีสิ่งที่เสาะหา ทุกคนต่างหนีพิบัติเคราะห์ที่ต้องเผชิญไม่พ้น แต่พิบัติเคราะห์นี้กลับให้ความหวังแก่ผู้คน ปีนั้นต่อให้มหาจักรพรรดิหมื่นเคราะห์ร่วงหล่น แต่แผนการนี้ที่เขาสละเลือดเนื้อทิ้งไว้ก่อนจะตาย ช่างกล่าวได้ว่าทุ่มเทกายใจจริงๆ”
ชายหนุ่มจักจั่นทองทอดถอนใจ เจือความเคารพนับถือเสี้ยวหนึ่ง
มหาจักรพรรดิคนหนึ่งซึ่งสามารถเหยียดหยัดทั่วหล้า ก่อนตนร่วงหล่นยังแสวงหาจุดเปลี่ยนใหญ่เพื่อคนรุ่นหลัง ปณิธานและความอาจหาญเช่นนี้ในใต้หล้าจะมีสักกี่คนที่สามารถเทียบเทียม
นี่ก็คือความสง่างามของระดับจักรพรรดิที่แท้จริง!
ยามนี้หลินสวินยังอดเลื่อมใสไม่ได้
เวลานี้ชายหนุ่มจักจั่นทองหันกลับมามองหลินสวิน กล่าวว่า “สหายน้อย ตอนนี้เจ้าลงมือได้แล้ว”
“ข้าหรือ”
หลินสวินอึ้ง “ไม่ใช่ว่ามีแค่ระดับกึ่งจักรพรรดิที่สามารถเข้าไปในโลกของชามหมื่นเคราะห์แปรนภานี้หรอกหรือ”
“พิบัติเคราะห์ล้วนถูกกึ่งจักรพรรดิพวกนั้นสลายแล้ว ต่อให้เจ้าเข้าไปก็ย่อมไม่เป็นไรแน่”
ชายหนุ่มจักจั่นทองยิ้มกล่าว จากนั้นก็เอ่ยเตือน “เคราะห์มรรคตัดขาดไม่ใช่พิบัติเคราะห์ที่ตนชักนำมา หากแต่เป็นภัยพิบัติที่มุ่งเป้าไปยังผู้ฝึกปราณ พิบัติเคราะห์เช่นนี้ก็เหมือนศัตรูตัวฉกาจ อาศัยเจ้าคนเดียวจะต้องไร้แรงต้านแน่”
“มีเพียงเข้าไปในนรกหมื่นเคราะห์ ยามรับเคราะห์นี้ก็จะชักนำพิบัติเคราะห์ทั่วนรกหมื่นเคราะห์เข้ามา ถึงตอนนั้นบุคคลระดับกึ่งจักรพรรดิคนอื่นที่กระจายอยู่ในนรกหมื่นเคราะห์จะต้องร่วมแบกเคราะห์นี้กับเจ้า เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วต่อให้เจ้าไปข้ามด่านเคราะห์ โอกาสของความสำเร็จก็จะเพิ่มขึ้นมาก”
เมื่อหลินสวินฟังจบสีหน้าก็พลันแปลกประหลาด “นี่ไม่เท่ากับโยนเคราะห์ให้สัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนั้นหรือ”
ชายหนุ่มจักจั่นทองหัวเราะชอบใจขึ้นมา “ทำไม เจ้าไม่ยินดีรึ”
หลินสวินก็อดหัวเราะไม่ได้ จากนั้นค่อยประสานมือคำนับกล่าว “ขอบคุณผู้อาวุโสที่แนะแนวทาง”
ชายหนุ่มจักจั่นทองกล่าว “รีบไปเถอะ ใช้จิตรับรู้ของเจ้าเข้าไปในชามนี้ก็จะเข้าสู่นรกหมื่นเคราะห์ได้แล้ว ยามนี้โอกาสกำลังสุกงอม ทันทีที่พลาดไปต้องน่าเสียดายแน่”
หลินสวินไม่ลังเลอีก เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
วู้ม…
ทันทีที่จิตรับรู้ของเขาสัมผัสกับชามหมื่นเคราะห์แปรนภานั่น ทั้งตัวก็พลันหายไปจากจุดเดิม
“สามด่านเคราะห์ต้องห้ามเป็นทั้งกระดานที่จักรพรรดิหมื่นเคราะห์วางไว้ ประกอบกับตัวแปรคนหนึ่งอย่างเจ้าหนูนี่ เรียกได้ว่า ‘ในพิบัติเคราะห์หลากชั้นกลับมีตัวแปร’ ”
ดวงตากระจ่างของชายหนุ่มจักจั่นทองฉายแสงแห่งสติปัญญา พึมพำในใจ ‘หากไม่มีเจ้าหนูนี่ ตัวแปรนี้เกรงว่าคงชักนำมาไม่ได้ง่ายๆ…’
นึกถึงตรงนี้ชายหนุ่มจักจั่นทองก็ยิ้มเงียบๆ ‘คำว่าวาสนานี่ เลิศล้ำเกินบรรยายจริงๆ!’
…
“ช่างเป็นสถานที่มหัศจรรย์ยิ่งนัก”
หลินสวินเผยความรู้สึกตกตะลึง
เวลานี้เขายืนอยู่ในผืนทะเลหมอก คลื่นทะเลหมอกซัดโหมกระหน่ำครอบคลุมอยู่กลางฟ้าดิน ผืนหมอกกว้างใหญ่พวยพุ่งอย่างต่อเนื่อง
กลิ่นอายที่อบอวลอยู่ในทะเลหมอกนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายของด่านเคราะห์ ดำรงอยู่ทุกแห่งหนราวกับเส้นไหมที่ถักทอ
การยืนอยู่ที่นี่ทำให้หลินสวินสัมผัสได้ถึงความอันตรายหนึ่งอย่างฉับไว
เหมือนจู่ๆ ก็รู้สึกว่าหายใจยังลำบาก จิตวิญญาณ ร่างกายหรือแม้แต่พลังปราณก็ยังรู้สึกตระหนก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์