Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1492

สรุปบท ตอนที่ 1492 เงื่อนไขที่น่าอดสู: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปตอน ตอนที่ 1492 เงื่อนไขที่น่าอดสู – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

ตอน ตอนที่ 1492 เงื่อนไขที่น่าอดสู ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

หลินสวินชนะแล้ว!

ในวันเดียวกันข่าวนี้ราวกับติดปีก แพร่กระจายออกไปด้วยความเร็วที่น่าตกใจภายใต้การประโคมข่าวของเผ่าวาทวาโย

ใต้หล้าล้วนฮือฮา

ควรรู้ว่าหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ลั่งเชียนเหิงประกาศกร้าวด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง ว่าจะนัดประลองกับหลินสวินที่หอหลอมจิตนครหยกขาว ทำให้ทั้งดินแดนรกร้างโบราณฮือฮา

หนึ่งเดือนมานี้ เพราะการนัดประลองครั้งนี้ทำให้ทุกสายตาล้วไปรวมกันที่นครหยกขาวโดยมิได้นัดหมาย จับจ้องให้ความสนใจ

คนส่วนใหญ่ต่างไม่มั่นใจ

เพราะลั่งเชียนเหิงแข็งแกร่งเกินไป มาจากต่างดินแดน พรสวรรค์น่าทึ่ง รากฐานพลังน่ากลัว ทำเอาไม่อาจไม่เป็นห่วงว่าหลินสวินจะพ่ายแพ้ในการประลองครั้งนี้หรือไม่

แต่ตอนนี้พอข่าวนี้เผยแพร่ออกไป โลกอันกว้างใหญ่ก็เดือดพล่านขึ้นมา เกิดความฮือฮาและโห่ร้องดีใจทุกแห่งหน

แม้เป็นเหล่าสำนักโบราณที่ตั้งตระหง่านที่ปลายยอดยังล้วนลอบโล่งอก รู้สึกปลาบปลื้มใจ

ดินแดนรกร้างโบราณถูกดินแดนอื่นๆ อีกแปดดินแดนกำราบมานานเกินไปแล้ว!

ในการเวลาไร้สิ้นสุด การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนสองครั้งก่อนดินแดนรกร้างโบราณพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ ตกต่ำลงไป สูญเสียความรุ่งโรจน์แห่งผู้ครองอำนาจอย่างที่ผ่านมา

สามารถพูดได้ว่า ที่ผ่านมาดินแดนรกร้างโบราณลิ้มรสน้ำตาเลือดและความอัปยศอย่างเต็มที่ ถูกแปดดินแดนอื่นกดจนโงหัวไม่ขึ้น

เพราะฉะนั้นการต่อสู้ของหลินสวินในครั้งนี้จึงได้รับความสนใจเป็นพิเศษ

หากหลินสวินพ่ายแพ้ จะสร้างแรงโจมตีอย่างหนักหน่วงที่สุดต่อโลกผู้ฝึกปราณดินแดนรกร้างโบราณ

ทว่าหากหลินสวินชนะ ก็เหมือนพิสูจน์ความสามารถให้กับดินแดนรกร้างโบราณ ทำให้สามารถลืมตาอ้าปาก!

นี่ก็คือขุมอำนาจในใต้หล้า

โชคดีที่ผลลัพธ์ในตอนท้ายเป็นหลินสวินชนะ!

ชนะขาด ชนะอย่างสวยงามไร้ที่เปรียบ ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกปราณคนใด หลังจากได้รู้ข่าวนี้จิตใจต่างพลุ่งพล่าน เลือดร้อนฮึกเหิม

พูดอย่างไม่เกินจริง ผลกระทบของการต่อสู้ครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก ถึงขั้นสามารถบันทึกไว้ในตำราประวัติศาสตร์ดินแดนรกร้างโบราณ จารึกไว้ให้คนรุ่นหลัง!

ส่วนหลินสวินกลายเป็นบุคคลที่โดดเด่นที่สุดในดินแดนรกร้างโบราณ ชื่อของเขา ผลงานการต่อสู้ของเขา ร่องรอยต่างๆ ที่เขาทิ้งไว้ในอดีต กลายเป็นหัวข้อที่ทุกคนในดินแดนรกร้างโบราณพูดถึงอย่างเพลิดเพลิน

นี่ก็คือชื่อเสียงบารมี

ก่อนหน้านี้หลินสวินชื่อเสียงเลื่องลือจากการสังหารมาตลอดทาง ล่วงเกินขุมอำนาจเก่าแก่ของดินแดนรกร้างโบราณไม่รู้เท่าไหร่ มีคนชื่นชมและหนุนหลัง แต่ก็มีคนตั้งตัวเป็นศัตรูและต่อต้าน ความคิดเห็นแตกต่างกันไป

แต่ตอนนี้กลับแตกต่าง แม้เป็นขุมอำนาจสำนักโบราณที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับหลินสวิน ก็ล้วนไม่สามารถให้ร้ายและวิพากษ์วิจารณ์ได้อีกต่อไปแล้ว

มิฉะนั้นก็เท่ากับเป็นศัตรูกับคนทั้งโลก!

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของการต่อสู้ครั้งนี้ต่อดินแดนรกร้างโบราณเพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น

……

หอฤทธิ์เทพ แดนเร้นอริยะ

ในฐานะแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนในดินแดนรกร้างโบราณยกย่องและเกรงขาม ตำแหน่งของหอฤทธิ์เทพเห็นชัดว่าสูงส่งอย่างที่สุด

สิ่งที่หอฤทธิ์เทพถนัดที่สุด ก็คือการทำนายสถานการณ์ฟ้าดิน ทำนายโชคชะตา

อย่างสัญญาณก่อนที่มหายุคจะมาเยือน การปรากฏของแดนมกุฎ รวมถึงเรื่องการต่อสู้แห่งเก้าดินแดน หอฤทธิ์เทพล้วนเคยคาดการมาก่อนและประกาศต่อใต้หล้าล่วงหน้าแล้ว

ผู้สืบทอดหอฤทธิ์เทพก็ถูกเรียกว่า ‘เสมียนของโลกผู้บำเพ็ญ’ ครอบครองวัตถุเทพชั้นสูงสองชิ้นอย่างพู่กันวสันต์สารทและหนังสือบันทึกประวัติศาสตร์ คอยบันทึกประวัติศาสตร์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จารึกการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในโลก

เพียงแต่หอฤทธิ์เทพในตอนนี้ บรรยากาศกลับดูกดดันเป็นพิเศษ

ในโถงใหญ่เก่าแก่โอฬารแห่งหนึ่ง

“อีกไม่นานข้าก็จะจากไป ก่อนไป ทุกคนควรให้คำตอบที่แน่ชัดสักหน่อยหรือไม่”

เสียงที่เคร่งขรึมเฉยชาดังขึ้น คนพูดคือชายชุดคลุมม่วงคนหนึ่ง นัยน์ตาลึกล้ำ อานุภาพชวนกดดัน

เขามาจากดินแดนโบราณจิ่วหลี นามว่าชือเชียนชิว เป็นบุคคลน่ากลัวระดับกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง

ทว่าถูกจำกัดด้วยพลังกฎเกณฑ์ฟ้าดินของดินแดนรกร้างโบราณ กลิ่นอายที่เผยออกมาในตอนนี้จึงมีเพียงระดับอริยะเท่านั้น

ชือเชียนชิวเป็นผู้นำคณะทูตที่มาเยือนดินแดนรกร้างโบราณในครั้งนี้ คนรุ่นเยาว์ทั้งแปดคนอย่างพวกลั่งเชียนเหิงก็ล้วนติดตามเขามา

ในห้องโถงเงียบกริบ มีเพียงเสียงที่แฝงความเหลืออดของชือเชียนชิวดังก้องอยู่

บนที่นั่งหลัก ท่านเมี่ยวเสวียนขมวดคิ้ว นิ่งเงียบไม่พูดจา

ในตำแหน่งอื่นๆ เหล่าผู้อาวุโสของหอฤทธิ์เทพก็เงียบไม่พูดจาเช่นกัน ทว่าสีหน้าที่ดูมืดทะมึนเล็กน้อยนั่นเผยให้เห็นว่าจิตใจของพวกเขาไม่ได้สงบ

ก่อนหน้านี้ชือเชียนชิวพาคนรุ่นเยาว์อย่างพวกลั่งเชียนเหิงมาเยือนดินแดนรกร้างโบราณ จุดประสงค์ที่แท้จริงเพื่อจะมาเจรจากับดินแดนรกร้างโบราณ

เนื้อหาที่เจรจานั้นง่ายมาก ก็คือในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนที่กำลังจะมาเยือน ให้ดินแดนรกร้างโบราณเป็นฝ่ายส่งมอบป้ายคำสั่งเซียนเหินทั้งเก้ามาเองแต่โดยดี!

ป้ายคำสั่งเซียนเหิน เกี่ยวข้องกับสิทธิ์ในการเข้าสู่แหล่งสถานคุนหลุน ทุกดินแดนล้วนมีเก้าชิ้น

หากตอบรับเงื่อนไขของชือเชียนชิว ก็เท่ากับทำลายสิทธิ์การเข้าสู่แหล่งสถานคุนหลุนของผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณ

และเพื่อเป็นการตอบแทน หลังจากการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนเริ่มขึ้น แปดดินแดนอื่นจะออมมือ ไม่กำจัดผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณจนสิ้นซาก

เงื่อนไขที่เต็มไปด้วยความอัปยศและไม่เป็นธรรมเช่นนี้ หอฤทธิ์เทพจะตอบรับได้อย่างไร

“สหายยุทธ์ พวกเจ้าทำเช่นนี้บีบบังคับกันเกินไปแล้ว”

ท่านเมี่ยวเสวียนถอนหายใจเบาๆ

ชือเชียนชิวแค่นเสียงเย็นเยียบ “บีบบังคับหรือ หากไม่ใช่เพื่อป้ายคำสั่งเซียนเหินเก้าชิ้นนั้น เจ้าคิดว่าข้าจะมาเจรจากับพวกเจ้าหรือ”

นี่เป็นถึงหอฤทธิ์เทพ เป็นดินแดนรกร้างโบราณ แต่ชือเชียนชิวกลับไร้ความเกรงกลัว ท่าทียิ่งแข็งกร้าวถึงที่สุดอย่างเห็นได้ชัด

สนามรบแนวหน้าเป็นแนวป้องกันเพียงหนึ่งเดียวที่ใช้ป้องกันแปดดินแดนอื่น หากถูกทำลาย ผู้แข็งแกร่งอีกแปดดินแดนก็จะสามารถบุกเข้ามาในดินแดนรกร้างโบราณได้

ถึงตอนนั้นดินแดนรกร้างโบราณจะกลายเป็นแกะอ้วนที่รอให้คนเยื้อแย่ง ถูกแปดดินแดนอื่นยึดครองและแบ่งส่วน!

ถึงตอนนั้นจะต้องมีสำนักไม่รู้เท่าไหร่ถูกกวาดล้างจนสิ้นซาก ผู้แข็งแกร่งไม่รู้เท่าไหร่ตกเป็นทาส สรรพชีวิตจมสู่ความทุกข์ ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางพายุฝน!

ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่

ทุกสายตาล้วนมองไปยังท่านเมี่ยวเสวียน บรรยากาศตึงเครียด

“เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องเจรจา ก็แค่การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งหนึ่ง ดินแดนรกร้างโบราณของข้ายอมตายยังดีกว่าต้องก้มหัว!”

ทันใดนั้นเสียงอบอุ่นดังขึ้นนอกห้องโถง ท่านเซิ่นในชุดผ้ากระสอบ อ่อนโยนราวกับหยก ไม่รู้เดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่

เห็นเขาปรากฏตัวท่านเมี่ยวเสวียนคล้ายลอบโล่งอก พลันยิ้มพูดว่า “ศิษย์พี่ ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว”

ท่านเซิ่นเองก็ยิ้ม “หากไม่กลับมา เรื่องใหญ่ขนาดนี้เจ้าจะรับมือได้อย่างไร ข้าเป็นคนตัดสินใจ ผลที่ตามมาข้าก็จะแบกรับเอง”

“ไม่ว่าการตัดสินใจนี้จะถูกหรือผิด หากวันหนึ่งถูกคนในดินแดนรกร้างโบราณถามถึง ไม่รู้สึกละอายใจก็พอแล้ว”

หยุดไปครู่สายตาของเขาก็มองไปยังชือเชียนชิวแล้วกล่าวว่า “เหล่าคนรุ่นเยาว์ที่เจ้าพามา ตอนนี้พ่ายแพ้หมดแล้ว ข้าคิดว่าเจ้ารีบพาพวกเขาจากไปจะดีที่สุด ไม่เช่นนั้นไม่รู้ว่าพวกเขายังจะถูกเย้ยหยันอีกเท่าไหร่”

“อะไรนะ”

ชือเชียนชิวอึ้ง เหมือนยากจะเชื่อ

ก็เห็นท่านเซิ่นสะบัดแขนเสื้อ ม่านจอภาพหนึ่งปรากฏออกมา ในนั้นแสดงภาพการต่อสู้แต่ละฉากที่เกิดขึ้นเหนือหอหลอมจิตแห่งนครหยกขาว

ตอนที่เห็นพวกลั่งเชียนเหิง จู๋อิ้งเสวี่ย มู่ไจซิงถูกหลินสวินกำราบทีละคน ผู้ยิ่งใหญ่ระดับกึ่งจักรพรรดิอย่างชือเชียนชิวยังอดหรี่ตาไม่ได้ สีหน้าอึมครึม

“เด็กนี่คือใคร”

ตอนที่จอภาพหายไป ชือเชียนชิวพูดเสียงครึม

“เขาเป็นใครไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือพวกเจ้าควรจากไปได้แล้วจริงๆ”

ท่านเซิ่นพูดอย่างเฉยเมย

ชือเชียนชิวเห็นเช่นนี้ก็อดหัวเราะเยาะไม่ได้ เอ่ยว่า “คิดว่าอาศัยเจ้าตัวน้อยคนเดียวเช่นนี้จะสามารถพลิกฟ้าคว้าฝนในสมรภูมิเก้าดินแดนได้หรือ ไร้เดียงสา!”

เขาหยุดไปครู่ค่อยพูดต่อว่า “จะบอกพวกเจ้าให้ว่า ในแปดดินแดนคนรุ่นเยาว์ที่ติดตามข้ามาพวกนี้ อย่างมากก็นับได้ว่าเป็นคนชั้นยอด ยังมีคนที่เก่งกาจกว่าพวกเขามีอีกมาก อย่าง ‘แปดยอดนภาคราม’ หรืออย่างห้าสิบอันดับแรกใน ‘กระดานมกุฎอมตะแปดดินแดน’… มีมากมายนัก!”

พูดถึงตรงนี้เขามองท่านเซิ่นอย่างเย็นเยียบ “นี่ก็คือรากฐานพลังของแปดดินแดน อย่าลืมว่ามกุฎมรรคาของแปดดินแดนไม่เคยขาด แม้แต่บุคคลเหยียบย่างระดับอริยะ แต่ละคนก็ล้วนมีพลังแห่งขอบเขตมกุฎ!”

“ข้าขอถามประโยคหนึ่ง ดินแดนรกร้างโบราณของพวกเจ้า… จะเอาอะไรมาสู้กับพวกเราแปดดินแดน แค่เจ้าตัวน้อยคนนั้นคนเดียวเนี่ยนะ น่าขัน!”

พูดถึงช่วงท้าย ในเสียงของเขาได้แฝงความดูถูกอันเข้มข้น เสียงสะเทือนไปทั้งโถง กึกก้องไม่หยุด

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์