ห่างออกไป ในเมืองอารักษ์มรรคเงียบสงัดทั้งแถบ
สีหน้าของคนคนมากมายแข็งค้าง เบิกตาโพลง ราวกับไม่กล้าเชื่ออย่างไรอย่างนั้น
ในการคาดการณ์ของพวกเขา หลินสวินที่ถูกกลุ่มอริยะปิดล้อมจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ก่อนหน้านี้จึงต่างคุยโวว่าจะให้หลินสวินตายอย่างน่าอนาถ
แต่ผลลัพธ์… กลับตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง!
ข้างๆ ปี้เจี้ยนฉยง ตอนนี้มีมกุฎอริยะจำนวนไม่น้อยรวมตัวกัน แต่เมื่อเห็นฝีมือที่เข่นฆ่าอย่างไม่อาจขวางกั้นของหลินสวินต่างก็ตกใจ
หลินสวินสามารถสังหารศัตรูภายใต้การปิดล้อมของมกุฎอริยะห้าคนได้ตามใจ ก็หมายความว่าเขาเองก็สามารถใช้วิธีนี้เล่นงานพวกเขาได้!
จากเรื่องนี้สามารถดูออกว่าเจ้าหนุ่มที่ถูกพวกเขามองข้ามมาโดยตลอดคนนี้ แม้เพิ่งก้าวสู่ระดับมกุฎอริยะได้ไม่นาน แต่พลังแซงหน้าพวกเขาไปไกลแล้ว!
“ไป!”
เลี่ยอวี้ตวาด
เขาไม่ยอมสู้ต่อแล้ว
มีเพียงได้ต่อสู้กับหลินสวินอย่างแท้จริง จึงจะเข้าใจว่าพลังต่อสู้ของเจ้าหนุ่มนี่น่ากลัวเพียงใด
“หนีพ้นหรือ”
รั่วอู่ที่เตรียมพร้อมนานแล้วเคลื่อนตัวออกมา ขวางทางหนีของเลี่ยอวี้เอาไว้
ชั่วพริบตาเลี่ยอวี้สีหน้าเปลี่ยนไป
ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่บนกำแพงเมือง เขาตื่นเต้นอย่างมาก ไม่ปกปิดความปรารถนาที่มีต่อรั่วอู่เลยสักนิด หมายจะจับเป็นรั่วอู่เพื่อนำมาปรนนิบัติตน
แต่ตอนนี้ในใจเขามีเพียงความเดือดดาล อยากจะให้รั่วอู่หายไปจากตรงหน้าเสียเดี๋ยวนี้
“คนที่หก”
เสียงของหลินสวินดังขึ้นอีกครั้ง
หนึ่งหมัดของเขาสะเทือนฟ้า พลังหมัดที่สว่างไสวราวกับสุริยันระเบิดออกกลางอากาศ อานุภาพน่ากลัวถึงขีดสุด
ปังๆๆ!
ตรงหน้าเขามกุฎอริยะคนหนึ่งถูกโจมตีจนถลาถอยออกไป ระหว่างทางร่างกายก็ยุบสลาย แตกออกทุกกระเบียด จนสุดท้ายแม้แต่ศีรษะก็ระเบิด
ภาพนี้กระตุ้นจนเลี่ยอวี้อดส่งเสียงตวาดแหลมออกมาไม่ได้อีกต่อไป “ปี้เจี้ยนฉยง พวกเจ้าจะปล่อยให้พวกเราตายต่อหน้าต่อตาโดยไม่ช่วยเช่นนี้หรือ”
เสียงคำรามเดือดดาลดังก้องท้องฟ้า
บนหอกำแพงเมืองที่ห่างออกไปพันลี้ ปี้เจี้ยนฉยงสีหน้าอึมครึมไม่อาจสงบได้ พลันกัดฟันโบกมือพูด “พวกเจ้าก็เห็นแล้ว เจ้าหมอนี่ดุดันบ้าคลั่ง หาใช่คนทั่วไปจะเทียบได้ ตอนนี้พวกเจ้ามีใครยินยอมเข้าสู้หรือไม่”
รอบๆ มีมกุฎอริยะสิบกว่าคน แต่ตอนนี้แต่ละคนมองหน้ากัน สายตาวูบไหว
ไม่ได้กลัว แต่รู้ดีว่าไม่ว่าเป็นใคร หากออกโจมตีเพียงลำพังล้วนไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวินนั่น ไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย
“น่าขายหน้า!”
ปี้เจี้ยนฉยงโกรธจนหนวดผมชี้ขึ้น “ที่นี่เป็นถึงค่ายทัพดินแดนโบราณมารโลหิตของพวกเรา พวกเจ้ากลับกลัวแพะสองขาตัวหนึ่ง หากแพร่ออกไป ดินแดนโบราณมารโลหิตของพวกเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
“ลงมือพร้อมกันไหม”
มีคนเสนอ
“ก็ดี!”
ตอนนั้นเองทุกคนต่างกัดฟัน พยักหน้าตอบรับ
เป็นอย่างที่ปี้เจี้ยนฉยงพูด การต่อสู้นี้จะต้องชนะเท่านั้น!
ไม่เช่นนั้นหากหลินสวินรอดไปได้ ดินแดนโบราณมารโลหิตของพวกเขาต้องกลายเป็นตัวตลกในสมรภูมิเก้าดินแดนแน่!
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
รุ้งเทพมากมายกะพริบเคลื่อนย้ายไปในอากาศ พุ่งจากเมืองอารักษ์มรรคไปยังสนามรบที่ห่างออกไปพันลี้
เร็วจนน่าตกใจ
‘หลินสวิน สถานการณ์ไม่ดี!’
รั่วอู่นัยน์ตาหดรัด สื่อจิตเตือน
ชั่วขณะนี้ถึงกับมีกลิ่นอายที่เป็นตัวแทนแห่งมกุฎอริยะอย่างน้อยสิบหกสายกำลังเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ชวนให้คนใจสั่น
ได้ยินเช่นนี้หลินสวินพูดสบายๆ ‘รั่วอู่ เจ้าถอยไป การต่อสู้ครั้งนี้ ข้าอยากจะดูหน่อยว่าพวกเขาจะสามารถขวางข้าได้หรือไม่!’
เสียงเด็ดเดี่ยว มีความองอาจที่หยิ่งยโสและผงาดกร้าว
รั่วอู่อึ้ง
แต่เลี่ยอวี้ที่เดิมลนลานจนทำอะไรไม่ถูกกลับมานิ่งสงบเหมือนเดิมแล้ว พลันหัวเราะเยาะออกมา “คนสวย ครั้งนี้เจ้าหนีไม่พ้นแน่!”
เขาแค้นจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ตั้งแต่บรรลุอริยะ เขายังไม่เคยสะบักสะบอมขนาดนี้มาก่อน!
ตอนนี้เขาต้องการระบาย
แต่ตอนนี้เองเสียงอันเย็นเยียบและไร้อารมณ์ของหลินสวินดังขึ้นในที่นั้น
“คนที่เจ็ด”
เลี่ยอวี้สีหน้าเปลี่ยนไปทันใด เงยหน้ามองไปก็เห็นแสงที่น่ากลัวปรากฏ สะเทือนฟ้าดิน เข้าปกคลุมเงาร่างของมกุฎอริยะคนหนึ่งไว้
ทันใดนั้นจิตหลุดลอยวิญญาณสลาย!
ส่วนหลินสวินก็ย้ายสายตามามองเขาจากไกลๆ
เลี่ยอวี้ตกใจจนหนังหัวชาวาบ พลันหลบไกลออกไปตามจิตใต้สำนึก
หลินสวินไม่ได้ตามไปโจมตี แต่หันมองรั่วอู่ “เชื่อใจข้า”
คำสั้นๆ เพียงสามคำทำให้ในใจรั่วอู่ยิ่งสั่นไหว นางสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าว “ข้าจะช่วยหนุนเจ้า!”
พูดจบเงาร่างของนางก็พริบไหว ถอยออกไปไกล
และตอนนี้มกุฎอริยะสิบหกคนมาถึงแล้ว มีทั้งชายทั้งหญิง ทั้งชราและเยาว์วัย กลิ่นอายน่ากลัวไร้ขอบเขต
อยู่ในสมรภูมิเก้าดินแดน นี่ก็คือยักษ์ใหญ่ดั่งผู้คุมอำนาจ หาไม่ใช่เรื่องสำคัญย่อมไม่ปรากฏตัวง่ายๆ
แต่ตอนนี้เพียงเพื่อหลินสวินคนเดียว มกุฎอริยะเหล่านี้ต่างลงมือพร้อมกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์