ในเวลาเดียวกันนั้น โลกขุมอุดร
ทะเลลมกรด ในตำหนักบนทะเลขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง คุนเซ่าอวี่เอามือไพล่หลัง ยืนตระหง่านอยู่หน้าประตูบานใหญ่ ทอดมองไปยังบริเวณไกลๆ
“ยินดีด้วยที่นายน้อยบรรลุระดับมกุฎอริยะ!”
บนลานกว้างหน้าโถงตำหนักใหญ่ ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดของตระกูลคุน เผ่าใหญ่อันดับหนึ่งในดินแดนโบราณขุมอุดร ไม่ว่าจะเป็นราชันระดับอมตะเคราะห์ อริยะแท้ทั่วไปหรือว่ามกุฎอริยะล้วนโค้งกายคารวะ เสียงสะเทือนชั้นเมฆ
คุนเซ่าอวี่!
หนึ่งในแปดยอดนภาคราม เทพสงครามอันดับหนึ่งในหมู่คนรุ่นเยาว์ตระกูลคุน ผู้กล้าแห่งยุคที่ดุจดั่งตำนานก็ไม่ปาน ชื่อเสียงสะท้านดินแดนโบราณขุมอุดร
เขาสวมชุดคลุมสีดำแขนกว้าง ดวงตารีแคบ จมูกโด่งเป็นสัน แค่ยืนสบายๆ ก็มีอานุภาพสั่นคลอนเก้าหมื่นลี้
ตามมาติดๆ ในพื้นที่ใกล้เคียง ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าคนอื่นๆ ในดินแดนโบราณขุมอุดรต่างพากันค้อมกายโค้งคารวะ แสดงความยินดี
บารมีคนผู้เดียว ครอบคลุมทั่วลาน!
คุนเซ่าอวี่เก็บสายตา เหลือบมองทุกคนบนลานปราดหนึ่งก่อนหันตัวเดินเข้าไปในโถงใหญ่
ตั้งแต่ต้นจนจบสีหน้าไม่เจือแววสั่นไหว
เพียงแต่หลังจากเดินเข้าสู่โถงใหญ่ เขาคล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้ ชะงักฝีเท้าครู่หนึ่งกล่าวว่า
“ข้าได้ยินว่าก่อนหน้านี้ไม่นานมีผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณคนหนึ่งชื่อหลินสวิน บุกสังหารจนโลกมารโลหิตฟ้าพลิกแผ่นดินคว่ำ ช่วยข้าตรวจสอบที่มาของเจ้าหมอนี่ที”
“ขอรับ!”
ในมุมหนึ่งปรากฏเงาร่างชราที่แก่หงำคนหนึ่ง ก้มหัวรับคำสั่ง ไม่นานก็หายลับไปจากโถงใหญ่
“หลังจากเซวี่ยชิงอีกลับไป เกรงว่าคงโกรธจนเต้นโหยงเหมือนโดดฟ้าผ่าเป็นแน่ ข้าล่ะอยากเห็นนัก ว่าเผชิญหน้ากับความอัปยศครั้งใหญ่ระดับนี้เขาจะเคลื่อนไหวเช่นใด”
คุนเซ่าอวี่นั่งอยู่บนที่นั่งสมบัติเพียงหนึ่งเดียวในโถงใหญ่พลางครุ่นคิดใคร่ครวญ
หลินสวิน?
เขาไม่สนใจ
เขาแค่ใคร่รู้ว่าเซวี่ยชิงอีที่เป็นหนึ่งในแปดยอดนภาครามเช่นเดียวกัน จะควบม้าออกโรง สังหารเจ้าคนที่ชื่อหลินสวินนี่ด้วยตัวเองหรือไม่
…
โลกยอดหยิน
“น่าสนใจ ช่วงที่พวกข้าเข้าสู่แดนลับนรกโลกันตร์ โลกมารโลหิตถึงกับถูกคนผู้หนึ่งอาละวาดจนวุ่นวายไปหมด เสียหน้ายับเยิน”
จู๋อิ้งคงที่สวมชุดคลุมหยก หน้าผากเกลี้ยงเกลา คิ้วคมกริบนัยน์ตาเป็นประกายทำท่าคล้ายขบคิด
จู๋อิ้งคง
หนึ่งในแปดยอดนภาคราม องค์ชายเผ่าจู๋หลงในดินแดนโบราณยอดหยิน!
“น่าชักนัก! ต้องเป็นเจ้าหมอนั่นแน่ๆ!”
อีกด้านจู๋อิ้งเสวี่ยส่งเสียงเดือดดาลออกมากะทันหัน
นัยน์ตาจู๋อิ้งคงทอประกายลุ่มลึกเยียบเย็น “เจ้าจะบอกว่าหลินสวินคนนี้ ก็คือเจ้าคนที่เคยโจมตีเจ้ากับทูตดินแดนอื่นๆ ตอนที่อยู่ดินแดนรกร้างโบราณหรือ”
“ต้องไม่ผิดแน่”
จู๋อิ้งเสวี่ยกัดฟันกล่าวว่า “ครานั้นบนหอหลอมจิตในนครหยกขาว เจ้าหมอนี่จองหองสุดๆ เชียวล่ะ ถูกมองเป็นอันดับหนึ่งบุคคลขอบเขตมกุฎในดินแดนรกร้างโบราณ”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง”
จู๋อิ้งคงพยักหน้า
“ท่านพี่ ท่านต้องแก้แค้นแทนข้าให้ได้! ข้าไม่ต้องการให้ท่านฆ่าเจ้าหมอนั่น แค่อยากให้จับเป็นเขา ข้าอยากจะเลี้ยงเขาให้กลายเป็นทาส ชั่วชีวิตได้แต่หมอบราบใต้ฝ่าเท้าข้า!”
พอจู๋อิ้งเสวี่ยนึกถึงการแพ้อนาถในดินแดนรกร้างโบราณ ก็แค้นจนร่างกายสั่นเทิ้มเล็กน้อย
“ได้ ตามที่เจ้าขอ”
จู๋อิ้งคงแววตาอ่อนโยน ลูบไล้ศีรษะของน้องสาวคล้ายเอ็นดู น้องสาวคนนี้ของเขาไม่เคยแค้นฝังใจใครเช่นนี้มาก่อน
ในเมื่อนางขอร้อง เขาที่เป็นพี่ชายไหนเลยจะมีเหตุผลให้ไม่ตอบตกลง
ผู้แข็งแกร่งเผ่าจู๋หลงส่วนหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียงล้วนอดเผยแววอิจฉาชื่นชมไม่ได้ ทั่วทั้งเผ่าองค์ชายจู๋อิ้งคงวางตัวสันโดษที่สุด แต่มีเพียงน้องสาวเท่านั้นที่ปฏิบัติด้วยความรักใคร่เอ็นดูสุดซึ้ง
“แต่ว่ารอดูปฏิกิริยาของเซวี่ยชิงอีก่อนสักหน่อยดีกว่า หากสามารถยืมมีดฆ่าคนได้ ไยถึงจะไม่ทำเล่า”
จู๋อิ้งคงเอ่ยปากเนิบนาบ
…
โลกต้าหลัว
เบื้องหน้ากระท่อมหน้าจั่วแห่งหนึ่ง
พร้อมๆ กับการรายงานของผู้ติดตามข้างกาย บุรุษที่สวมชุดขนนก ใช้กระบี่บินเป็นปิ่นเหน็บมวยผมคนหนึ่งค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ
ส่วนลึกกลางนัยน์ตาของเขาคล้ายกับมีกระบี่สวรรค์พุ่งวาบ สามารถตัดเฉือนหมื่นชีวิต ทับทลายธารดารา
“ศิษย์น้องมู่ เจ้าเคยประมือกับหลินสวิน คิดว่าเจ้านี่เป็นคนอย่างไร”
ชายชุดขนนกเอ่ยปาก เสียงยังเจือกลิ่นอายดังชิ้งๆ ดุจเสียงครวญกระบี่ กดทับจิตใจผู้คนตรงๆ น่าสยดสยองหาใดเปรียบ
เจี้ยนชิงเฉิน!
ผู้สืบทอด ‘หอกระบี่ฟ้า’ สำนักกระบี่อันดับหนึ่งดินแดนโบราณต้าหลัว หนึ่งในแปดยอดนภาคราม อัจฉริยะมรรคกระบี่ที่หาพบได้ยากในหมื่นยุคคนหนึ่ง
ในดินแดนโบราณต้าหลัวที่ทั่วทั้งดินแดนต่างฝึกปราณกระบี่ ชื่อเสียงของเจี้ยนชิงเฉินก็เหมือนอาทิตย์ดวงใหญ่เจิดจ้ากลางฟากฟ้าคนหนึ่ง
มรรคกระบี่ของเขาเรียกได้ว่าองอาจ อำนาจสยบสิบทิศในหมู่คนรุ่นเดียวตั้งนานแล้ว!
“แข็งแกร่งและเผด็จการยิ่ง ตอนที่ยังไม่บรรลุอริยะ พลังต่อสู้ของเขาก็แทบจะเทียบกับศิษย์พี่ได้ ให้ความรู้สึกลึกสุดหยั่ง ไม่อาจสั่นคลอนแก่ผู้คน”
มู่ไจซิงสีหน้าซับซ้อน นึกถึงความพ่ายแพ้อันน่าอนาถครั้งนั้นที่เคยประสบยามใช้ฐานะทูตมุ่งหน้าไปดินแดนรกร้างโบราณ จนป่านนี้เขาก็ยังรู้สึกสั่นกลัวอยู่ในใจ
“อ้อ ดินแดนรกร้างโบราณยังมีคนระดับนี้อยู่ด้วยหรือ”
เจี้ยนชิงเฉินที่เดิมทีเพียงเอ่ยถามส่งๆ คราวนี้ในที่สุดก็เกิดความสนใจขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง
“เขาเองก็คาดไม่ถึง ดินแดนรกร้างโบราณที่ตกต่ำตั้งนานแล้วนั่น เหตุใดถึงมีปีศาจที่ทำให้ผู้คนประหลาดใจคนหนึ่งโผล่มาได้ ตอนนี้เขาก็บรรลุมกุฎอริยะแล้ว ซ้ำยังก่อคลื่นลมครั้งใหญ่ขึ้นในโลกมารโลหิต เมื่อดูจาดจุดนี้ ต่อให้อยู่ในระดับมกุฎอริยะ เขาก็หาใช่คนที่คนทั่วไปจะเทียบชั้นได้”
มู่ไจซิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง วิเคราะห์อย่างจริงจัง
เจี้ยนชิงเฉินฟังเงียบๆ จนจบก็พยักหน้ากล่าวว่า “น่าทึ่งมากจริงๆ หลังจากดินแดนรกร้างโบราณตกต่ำไปเนิ่นนาน ก็ถือกำเนิดบุคคลแห่งยุคเช่นนี้ขึ้นมาคนหนึ่ง ไม่น่าแปลกเท่าใดนัก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์