Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1548

สรุปบท ตอนที่ 1548 บุคลิกผู้นำ: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 1548 บุคลิกผู้นำ จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 1548 บุคลิกผู้นำ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

เซวี่ยชิงอีกล่าวจบก็เรียกตัวปี้เจี้ยนฉยงไว้ แล้วไล่ทุกคนในโถงใหญ่ออกไป

“อาจารย์อาเข้าใจเจตนาที่ข้าทำเช่นนี้หรือไม่”

จนกระทั่งในโถงใหญ่ไม่มีใคร เซวี่ยชิงอีจึงเอ่ยปากกล่าว

ปี้เจี้ยนฉยงครุ่นคิดเนิ่นนาน นัยน์ตาพลันสว่างวาบขึ้นมา กล่าวว่า “รักษาความแข็งแกร่ง ยืมดาบฆ่าคน?”

เซวี่ยชิงอีร้องอืมคราหนึ่ง ถอนหายใจเบาๆ กล่าวว่า “ครั้งนี้ค่ายทัพดินแดนโบราณมารโลหิตของพวกเรา เมื่อรวมกับพวกเล่อเซวี่ยซิวด้วย รวมทั้งสิ้นมีมกุฎอริยะสามสิบคนร่วงหล่น ความสูญเสียนี้… ไม่อาจเรียกว่าไม่ใหญ่!”

“ต่อไประหว่างพวกเราแปดดินแดนจะต้องทำการต่อสู้ ลำพังแค่ความเสียหายนี้ก็สามารถทำให้ดินแดนโบราณมารโลหิตของพวกเราอยู่ในสภาพเสียเปรียบได้แล้ว”

“ภายใต้สถานการณ์ระดับนี้ ขืนข้ายังไม่สนใจทุกสิ่ง ไปโจมตีสังหารหลินสวินนั่นอีก ถ้าสามารถฆ่าเขาตายในคราวเดียวได้นั่นย่อมดีกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดฆ่าไม่ตายล่ะ”

ปี้เจี้ยนฉยงอดกล่าวไม่ได้ “ชิงอี จากพลังในตอนนี้ของเจ้า หลินสวินนั่นมีหรือจะใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า”

นัยน์ตาสีแดงฉานของเซวี่ยชิงอีทอประกายน่าสยดสยอง “ท่านคิดว่าด้วยนิสัยหลินสวินนั่น จะรอให้ข้าไปฆ่าเขาหรือ”

“ยิ่งไม่ต้องพูดถึง…”

สายตาเขาจับจ้องปี้เจี้ยนฉยง กล่าวว่า “อาจารย์อา ท่านเคยเห็นฝีมือของหลินสวินกับตาตัวเอง ตอนนี้ยังไม่เข้าใจอีกหรือว่าหากต้องการฆ่าคนผู้นี้ ใช่เรื่องง่ายดายขนาดนั้นเสียที่ไหน”

“เล่อเซวี่ยซิวร่วมกันลงมือเจ็ดคนยังพ่ายแพ้”

“เล่อเทียนเหิงลงมือกันสามคนยังพ่ายแพ้”

“เลี่ยอวี้ลงมือกันห้าคน รวมถึงมกุฎอริยะคนอื่นๆ อีกสิบหกคนออกโจมตีพร้อมกัน ก็ยังลงเอยด้วยความพ่ายแพ้”

“เมืองอารักษ์มรรคอันกว้างใหญ่ ถูกเขาคนเดียวปิดล้อมไว้แน่นหนา!”

พูดถึงตรงนี้ในสายตาเซวี่ยชิงอีทอประกายน่าสยดสยองออกมา น้ำเสียงต่ำลึกชวนผวา “อาจารย์อา ท่านยังคิดว่าการไปแก้แค้นตอนนี้เป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดอยู่อีกหรือ”

ปี้เจี้ยนฉยงสั่นเทิ้มทั่วร่าง แผ่นหลังผุดไอหนาวเหน็บขึ้นมา

เซวี่ยชิงอีเก็บสายตากลับมา สีหน้ากลับสู่แววเรียบเฉยกล่าวว่า “ข้าบอกแล้ว เจ้าหลินสวินนี่ก็คือดาบเล่มหนึ่ง ในเมื่อทำร้ายพวกเราได้ ก็สามารถตัดชิ้นเนื้อเจ็ดดินแดนอื่นทิ้งได้เหมือนกัน! ดินแดนอื่นอยากเห็นเรื่องตลกไม่ใช่หรือ ข้าจะไม่ยอมให้พวกเขาสมปรารถนาแน่”

“ถ้าจะสูญเสีย ทุกคนก็ต้องสูญเสียด้วยกัน ใครก็หนีไม่พ้น!”

กล่าวถึงตอนท้ายทั่วร่างเซวี่ยชิงอีก็แผ่อานุภาพบีบคั้นออกมาวูบหนึ่ง สีหน้าเปี่ยมด้วยแววเย็นเยียบ

ปี้เจี้ยนฉยงอดถามไม่ได้ “เช่นนั้น… พวกเราจะอดทนเช่นนี้ ไม่ทำอะไรเลยหรือ”

เซวี่ยชิงอีกล่าวอย่างใคร่ครวญ “แน่นอนว่าจะไม่ทำอะไรเลยคงไม่ได้”

ปี้เจี้ยนฉยงพลันเหิมฮึก

กลับได้ยินเซวี่ยชิงอีกล่าวอย่างมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว “เรียกกองกำลังดินแดนโบราณมารโลหิตของพวกเราถอนทัพกลับจากโลกรกร้างโบราณให้หมด ต่อไปหากไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามเหยียบเข้าสู่โลกรกร้างโบราณอีกแม้แต่ก้าวเดียว!”

อะไรนะ

ปี้เจี้ยนฉยงงงเป็นไก่ตาแตก เกือบจะร้องออกมาแล้ว นี่ไม่ใช่เป็นการบอกขุมอำนาจดินแดนอื่น ว่าดินแดนโบราณมารโลหิตของพวกเรากำลังก้มหัวให้ดินแดนรกร้างโบราณหรอกหรือ

“อาจารย์อา เรื่องนี้แน่นอนว่าจะกลับมาแบบเปิดเผยโจ่งแจ้งไม่ได้”

เซวี่ยชิงอีถอนหายใจเบาๆ ค่อนข้างผิดหวังต่อปฏิกิริยาตกอกตกใจของปี้เจี้ยนฉยง และคร้านจะอธิบายอีก กล่าวว่า “ไปเถอะ แค่ทำตามที่ข้าบอก”

ถึงแม้ในใจปี้เจี้ยนฉยงจะยังคงกังขาอยู่บ้าง แต่ก็ยังรับคำสั่งจากไป

เซวี่ยชิงอียืนตระหง่านอยู่ในโถงใหญ่คนเดียว นิ่งเงียบเนิ่นนาน บนร่างผุดไอสังหารน่าสะพรึงที่ไม่อาจควบคุมได้ออกมา

ประสบกับความอัปยศใหญ่หลวงระดับนี้ มีหรือเขาจะไม่เดือดดาล

“หลินสวิน! จะยอมให้เจ้ากระโดดโลดเต้นอีกสักระยะ ก็ดูว่าดาบอย่างเจ้าจะคมสักแค่ไหน ต่อไปข้าจะค่อยๆ คิดบัญชีนี้กับเจ้า!”

เสียงชัดถ้อยชัดคำ ไอสังหารพวยพุ่ง เผยความแค้นอันไร้สิ้นสุดออกมา ก้องสะท้อนโถงใหญ่อันเงียบสงัดว่างเปล่าแห่งนี้

“อะไรนะ เซวี่ยชิงอีถึงกับอดทนไว้?”

“อย่าบอกนะว่าครั้งนี้ความสูญเสียของโลกมารโลหิตใหญ่โตเกินไป ทำให้เซวี่ยชิงอีไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอีก”

“เฮอะ เซวี่ยชิงอีนี่ต้องมีอุบายอย่างอื่นอีกเป็นแน่”

“ฮ่าๆ เซวี่ยชิงอีเจ้าหมอนี่ เห็นได้ชัดว่าไม่ยินดีถูกผู้อื่นใช้เป็นปืนใหญ่”

ไม่ทันไรการตัดสินของเซวี่ยชิงอีก็แพร่สะพัดออกไป ถูกบุคคลชั้นนำของดินแดนอื่นรู้กันทั่ว

ชั่วขณะเดียวทุกคนล้วนรู้สึกตกใจสงสัยไม่หาย ต่างฝ่ายต่างทำการสันนิษฐาน

แค้นใหญ่ระดับนี้ เซวี่ยชิงอีถึงกับอดทนไว้ได้ ในหัวเจ้าหมอนี่คิดจะทำอะไรกันแน่

และก็เพราะข่าวนี้ทำให้ผู้แข็งแกร่งของดินแดนอื่นไม่มีใครไม่หัวเราะผสมโรง คิดว่าบุคคลระดับผู้นำของดินแดนยิ่งใหญ่แห่งหนึ่ง บุคคลแห่งยุคหนึ่งในแปดยอดนภาครามอย่างเซวี่ยชิงอี เวลาแบบนี้กลับอดทนอดกลั้นเอาไว้ ออกจะขี้ขลาดและไม่เอาไหนเกินไป

“เซวี่ยชิงอีนี่ใจเสาะเกินไปแล้วชัดๆ ข้าล่ะสงสัยนักว่าเขากลายเป็นหนึ่งในแปดยอดนภาครามได้อย่างไร”

“นี่เขายังรังเกียจว่าดินแดนโบราณมารโลหิตขายหน้าไม่พออีกหรือ”

“ถึงกับถูกมกุฎอริยะดินแดนรกร้างโบราณคนหนึ่งข่มขวัญเอาได้ เซวี่ยชิงอีนี่… ช่างทำให้คนผิดหวังเกินไปแล้ว”

เมื่อข่าวนี้ถูกรับรู้มากขึ้นเรื่อยๆ ในดินแดนอื่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเยาะทุกรูปแบบ ทำให้เกียรติยศชื่อเสียงของเซวี่ยชิงอีเสียหายอย่างที่สุด

เซวี่ยชิงอีไม่ได้อธิบายอะไร หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาเขาก็เอาแต่นั่งสมาธิฝึกปราณ เก็บตัวอยู่ในห้องไม่ค่อยออกมา

นิ่งเฉยไม่สะทกสะท้าน

ไม่ว่าอย่างไรคลื่นลมที่หลินสวินกระพือขึ้นฉากนี้ก็เงียบลงไปทั้งอย่างนี้ ภายใต้ความอดกลั้นของเซวี่ยชิงอี

แต่ชื่อเสียงของหลินสวินก็พลอยเข้าสู่ครรลองสายตาของแปดดินแดน เป็นที่รู้จักของทุกคน

นางเงยหน้าขึ้น ทอดมองหลินสวินที่กำลังจดจ่ออนุมานกระบวนค่ายกลอยู่ไกลๆ เอ่ยกล่าวว่า “เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ ค่อยเป็นค่อยไปก็ได้ ข้าเชื่อว่าในเมื่อเขาตั้งใจทำเช่นนี้แล้ว จะต้องมีวิธีของเขาแน่นอน”

เซ่าเฮ่าร้องอืมคราหนึ่ง จู่ๆ ก็กล่าวขึ้นว่า “เฝ้ารออยู่ที่นี่ตลอดก็ไม่ใช่เรื่อง เป็นฝ่ายถูกกระทำเกินไป หลังจากนี้ข้าตั้งใจจะพาผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งในดินแดนรกร้างโบราณของพวกเราออกไปเคี่ยวกรำด้วยกันสักเที่ยว”

“ไปไหน ”

รั่วอู่อึ้งไป

เซ่าเฮ่าเอามือไพล่หลัง สีหน้าผงาดกร้าว กวาดสายตามองทั่วแปดทิศ “ที่นี่เป็นอาณาเขตของพวกเราดินแดนรกร้างโบราณ ตอนนี้กลับมีศัตรูภายนอกบุกเข้ามามากมาย เหิมเกริมทั่วสารทิศ ข้าตั้งใจจะกวาดล้างพวกเขาให้หมดเกลี้ยง”

หยุดไปพักหนึ่งเขาค่อยกล่าวว่า “ขณะเดียวกันด้วยการเคลื่อนไหวนี้ ก็สามารถช่วยหลินสวินรวบรวมวัสดุสร้างเมืองส่วนหนึ่งได้มากขึ้นด้วย ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีหรอกหรือ”

รั่วอู่พยักหน้า “เช่นนั้นเจ้าก็ต้องระวังหน่อย”

มุมปากเซ่าเฮ่ายกเป็นเส้นโค้งมั่นใจในตัวเอง กล่าวยิ้มๆ ว่า “คิดอยากฆ่าข้าให้ตาย ไม่ใช่เรื่องง่ายดายขนาดนั้น”

ในวันนั้นเซ่าเฮ่าพาผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณจำนวนห้าสิบคนออกไป

รั่วอู่มองส่งเขาออกไป ภายในใจกลับรู้สึกทอดถอนใจเล็กน้อย

องค์ชายเซ่าเฮ่า สมกับเป็นบุคคลแห่งยุคที่จิตใจห้าวหาญ ปณิธานยิ่งใหญ่ มีฝีมือและพลังแห่งผู้นำ

บุคคลที่หยิ่งทระนงเช่นนี้ ปกติยากยิ่งที่จะเชื่อฟังและให้ความร่วมมือในการเคลื่อนไหวของบุคคลอื่น

แต่เซ่าเฮ่าต่างออกไป ต่อให้ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณในตอนนี้จะมีหลินสวินเป็นผู้นำอยู่กลายๆ แต่เขากลับไม่ได้แสดงท่าทีขัดแย้งหรือไม่พอใจใดๆ ออกมาเลย

ตรงข้าม การเคลื่อนไหวทั้งหมดล้วนมองภาพรวมเป็นหลัก ทุ่มเทพลังและแรงสนับสนุนของตนเพื่อค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณอย่างไม่มีเก็บงำ

นี่ทำให้รั่วอู่ที่แต่เดิมยังกังวลใจว่าเซ่าเฮ่าและหลินสวินอาจจะเกิดปัญหาขัดแย้งภายใน ขณะที่ถอนหายใจอย่างโล่งอกก็อดรู้สึกเลื่อมใสไม่ได้

รั่วอู่ถึงขั้นกล้าคิดว่า หากไม่มีหลินสวิน ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณจะต้องมีเซ่าเฮ่าเป็นผู้ปกครองแน่นอน!

และเซ่าเฮ่าก็จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังอย่างแน่นอน

รั่วอู่อดทอดมองไปยังหลินสวินที่อยู่ไกลๆ อีกคราไม่ได้ เจ้าหมอนี่ก็เป็นอีกประเภทหนึ่ง

แต่ไหนแต่ไรมาล้วนไม่มีความรู้สึกถึงการคุมอำนาจทั้งหมด และไม่มีทีท่าแห่งผู้นำ ทว่าทั้งที่เป็นเช่นนี้กลับทำให้เซ่าเฮ่าเต็มใจให้ความร่วมมือในการเคลื่อนไหวของเขา ช่างน่าแปลกจริงๆ

เมื่อคิดถึงตรงนี้รั่วอู่ก็อึ้งไป ตน… ก็ไม่ใช่อย่างนี้เหมือนกันหรือ

ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเขาในโลกมารโลหิตจนกระทั่งตอนนี้ ก็ยังคอยติดตามอยู่ข้างกายเขาโดยไม่รู้ตัว เชื่อฟังคำสั่งเขาอยู่เช่นเคย

หนำซ้ำดูเหมือนว่าแต่ไหนแต่ไรล้วนไม่เคยขัดแย้งและต่อต้านมาก่อน…

‘ทำให้คนติดตามด้วยใจจงรักภักดีแบบไม่รู้ตัว บางที เจ้าหมอนี่ต่างหากที่เป็นพวกผู้นำโดยกำเนิด?’

รั่วอู่ใคร่ครวญ

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์