Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1558

เหนือเวิ้งฟ้า แสงเลือดดุจของเหลวข้น และเสียงของอริยะร่วงหล่นยังคงก้องสะท้อน

บนห้วงอากาศสูง พร้อมๆ กับชายเสื้อที่โบกไหวชของหลินสวิน ในละแวกรัศมีร้อยลี้ที่มีค่ายชั่วคราวเป็นจุดศูนย์กลาง ภูเขาสีทองที่สร้างขึ้นจากอิฐยักษ์สีทองกองสะสมลูกแล้วลูกเล่าแผ่ลายมรรคงดงามออกมา

ก้อนอิฐเหล่านี้แต่ละก้อนล้วนมีความยาวหนึ่งจั้ง หนาสองฉื่อ แสงมันวาวราวกับกระจก ทั่วทั้งก้อนล้วนสร้างขึ้นจากทรายทองผลึกอากาศ อบอวลด้วยประกายทองอร่ามอันเป็นเอกลักษณ์

และบนก้อนอิฐแต่ละก้อนก็ถูกหลินสวินสลักลายมรรคไว้ตั้งแต่ต้น เวลานี้เมื่อโคจรค่ายกลสี่ยอดแปดพิทักษ์ ภูเขาสีทองที่ประกอบจากก้อนอิฐกองสะสมลูกแล้วลูกเหล่านี้ก็เกิดการตอบสนองต่อค่ายกลใหญ่ขึ้นมาด้วย

จากนั้นซากศพและหยาดเลือดที่ฝังอยู่ในกระบวนค่ายกลใหญ่ล้วนถูกรวบรวม ภายใต้การโคจรของพลังกระบวนค่ายกล แผ่ครอบบนภูเขาสีทองแต่ละลูก

ชั่วขณะหนึ่งภูเขาสีทองหลายลูกไม่มีลูกไหนไม่ถูกซากศพกองสุม ชุ่มโชกเลือดแดงฉาน!

ครืน!

จวบจนครึ่งชั่วยามให้หลัง พร้อมๆ กับการควบคุมพลังกระบวนค่ายกลใหญ่ของหลินสวิน ภูเขาสีทองแต่ละลูก ก้อนอิฐสีทองมหึมานับไม่ถ้วนในอาณาเขตร้อยลี้นี้ล้วนส่งเสียงกึกก้องแปลกประหลาดออกมา

“ทะยาน!”

ริมฝีปากหลินสวินเอ่ยออกมาเบาๆ

ทันใดนั้นก้อนอิฐสีทองก้อนแล้วก้อนเล่าพากันก่อตัวขึ้นมาอย่างเป็นระเบียบ

ผู้แข็งแกร่งทุกคนในค่ายต่างกลั้นหายใจ จิตจดจ่อโดยไม่รู้ตัว เผยแววสะท้านลุ่มหลง

ในครรลองสายตาของพวกเขา กำแพงสีทองที่ชโลมสีเลือดทะยานจากพื้นขึ้นไปด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!

ปึงๆๆ!

ตอนที่ก้อนอิฐสีทองก่อตัว เสียงก้องอื้ออึงที่ดังก้องต่อเนื่องเหมือนกับเสียงผัดเมล็ดถั่วไม่หยุด

บนเวิ้งฟ้าหลินสวินสีหน้าจดจ่อ ขยับสิบนิ้วสองมือเป็นพักๆ ตั้งจิตควบคุมและโคจรทั้งกระบวนค่ายกลอย่างประณีตละเอียดอ่อน

คราแรกตอนที่วางกระบวนค่ายกล หลินสวินก็ร่างรายละเอียดแต่ละจุดของการสร้างเมืองไว้เป็นอย่างดี เช่นตำแหน่งจัดวางภูเขาสีทองแต่ละลูก ลายมรรคที่สลักบนก้อนอิฐแต่ละก้อน รวมถึงจะทำอย่างไรให้เกิดการผสานอย่างสมบูรณ์กับกระบวนค่ายกลใหญ่ในตอนที่สร้างเมือง…

ปัญหาทั้งหมดนี้ ในช่วงครึ่งปีมานี้ถูกหลินสวินร่างแผนจัดวางมานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่ต้น สุดท้ายจึงกำหนดรายละเอียดทั้งหมดตอนสร้างเมืองได้สำเร็จ

ที่ทำเช่นนี้ จุดประสงค์ของหลินสวินนั้นง่ายมาก ก็เพื่อสร้างเมืองอมตะให้ดินแดนรกร้างโบราณ เมืองที่แข็งแกร่งไม่อาจทำลาย บังแดดบังฝน ต้านศัตรูไว้ภายนอก!

แม้ว่าต่อจากนี้จะมีการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนอุบัติขึ้นอีก เมืองนี้ก็ยืนยงไม่เสื่อมคลาย!

และตอนนี้ ก็แค่ทำให้เมืองอารักษ์มรรคแห่งนี้เกิดขึ้นจริงตามเจตนารมณ์

“มกุฎอริยะเจ็ดสิบคน ทัพใหญ่เจ็ดดินแดนสองแสนกว่าคน รวมกับศพและเลือดที่รวบรวมมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ ถึงกับกลายเป็นวัสดุสร้างเมืองในมือหลินสวิน…”

ในใจรั่วอู่อึ้งงัน “หากศัตรูพวกนั้นรู้ความจริงข้อนี้เข้า เกรงว่าคงจะโกรธจนเต้นเร่าเหมือนโดนฟ้าผ่าเป็นแน่”

“ข้าสงสัยว่าตั้งแต่ตอนที่วางกระบวนค่ายกลเมื่อครึ่งปีก่อน หลินสวินก็พิจารณาถึงเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ไว้แล้ว อาศัยเลือดเนื้อของศัตรูสร้างเมืองอารักษ์มรรคของพวกเราดินแดนรกร้างโบราณ นี่มันบ้าระห่ำปานใด แต่เขาดันทำสำเร็จแล้ว”

เซ่าเฮ่ารำพึงรำพัน

เนตรดาราของรั่วอู่ดุจมายา กล่าวเสียงเข้ม “อันที่จริงพวกเราน่าจะรู้ดีแต่แรก ว่าเบื้องหลังการกระทำที่เหมือนใจกล้าเกินคนของหลินสวินนั้น อันที่จริงล้วนวางอุบายและเตรียมพร้อมอย่างสมบูรณ์หมดแล้ว เพียงแต่ว่าคนทั่วไปยากจะทำความเข้าใจต่อความทุ่มเททั้งหมดที่อยู่เบื้องหลังของเขาก็เท่านั้น”

“ทำในสิ่งที่ผู้อื่นทำไม่ได้ ย่อมเป็นยอดบุรุษยิ่งใหญ่ ผู้กล้าที่แท้จริง หลินสวินเจ้าหมอนี่… จะให้ผู้คนไม่ยอมแพ้คงไม่ได้”

เซ่าเฮ่าลูบจมูกป้อยๆ สายตาแลดูซับซ้อนเล็กน้อย

แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยล้มเลิกความคิดจะวัดฝีมือกับหลินสวิน แต่นานวันเข้า หลังจากเห็นเรื่องราวน่าตกใจของหลินสวินมากมาย ขนาดเขายังอดสงสัยไม่ได้ว่าการดึงดันคิดแต่จะวัดฝีมือกับปีศาจเช่นนี้ เป็นการหาเรื่องลำบากใส่ตัวมากเกินไปหรือไม่

“สิ่งเดียวที่ข้ากังวลใจคือ หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ ศัตรูแปดดินแดนต้องเห็นหลินสวินเป็นภัยร้ายแน่นอน ต่อไป… ก็ไม่รู้ว่าจะมีอันตรายมาเยือนเขามากมายปานใด”

รั่วอู่กล่าวเสียงลุ่มลึก

การต่อสู้ครั้งนี้ หลินสวินใช้พลังของตนคนเดียวหว่านแหรวบศัตรูทั้งหมด เพื่อสังหารทั้งทัพใหญ่เจ็ดดินแดน ผลงานระดับนี้ย่อมปิดไม่มิด

เมื่อศัตรูแปดดินแดนรู้ข่าวพวกนี้เข้าจะมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบไหนกัน

“ดังนั้นพวกเราต้องเร่งทำเวลา หากหมายจะสู้กับพวกศัตรูแปดดินแดน ลำพังอาศัยแค่หลินสวินคนเดียวยังไม่พอ ฝั่งดินแดนรกร้างโบราณของพวกเรา มีแต่ต้องมีมกุฎอริยะปรากฏให้มากกว่านี้ ถึงจะมีรากฐานพลังในการชิงชัยในสมรภูมิเก้าดินแดนแห่งนี้”

เซ่าเฮ่าแววตาแน่วแน่

ในหมู่ศัตรูแปดดินแดน ผู้แข็งแกร่งดุจปุยเมฆ ลำพังแค่มกุฎอริยะยังไม่รู้ว่ามีมากมายเท่าไหร่

ทัพใหญ่เจ็ดดินแดนในวันนี้ถึงแม้จะดับสิ้นทั้งหมด แต่หากวิเคราะห์จริงจังแล้ว แต่ละดินแดนก็สูญเสียเพียงมกุฎอริยะสิบคนและกำลังพลสามหมื่นเท่านั้น

และควรรู้ว่าตอนที่หลินสวินอยู่โลกมารโลหิต ก็สังหารมกุฎอริยะสามสิบคนและผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณมารโลหิตไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่!

เมื่อเปรียบเทียบเช่นนี้ก็จะเห็นว่า การสูญเสียครั้งนี้แม้จะใหญ่ แต่สำหรับค่ายทัพเจ็ดดินแดนเหล่านั้น ยังไม่ถึงขั้นบอบช้ำเจ็บหนักเพราะเรื่องนี้นัก

แต่เมื่อผ่านการต่อสู้ครั้งนี้ ขุมอำนาจศัตรูแปดดินแดนต้องมองพลังของดินแดนรกร้างโบราณใหม่ ต่อไปก็จะรวบรวมพลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิมเพื่อมาล้อมกำราบดินแดนรกร้างโบราณอย่างแน่นอน!

“เจ้าพูดไม่ผิด สิ่งที่ดินแดนรกร้างโบราณของพวกเราขาดไปในตอนนี้ ก็คือจำนวนผู้แข็งแกร่งในระดับมกุฎอริยะ”

รั่วอู่กล่าวเสียงขรึม “ผ่านไปอีกราวๆ ครึ่งปี ‘แดนลับสนามแม่เหล็ก’ ที่มีจุดเปลี่ยนมกุฎอริยะก็จะปรากฏ หลินสวินเคยบอกว่าถึงตอนนั้นจะช่วยสนับสนุนผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณ ทำให้พวกเขามีโอกาสไปช่วงชิงการบรรลุมกุฎอริยะ”

“แดนลับสนามแม่เหล็กหรือ”

เซ่าเฮ่าถอนใจเบาๆ “ยังมีเวลาครึ่งปี หวังว่า… อย่าเกิดการพลิกผันครั้งใหญ่เกินไปแล้วกัน…”

ไกลออกไปหลินสวินเอาแต่เพ่งสมาธิไปที่สร้างเมือง ลืมเลือนตัวตนจนหมดสิ้น

……

โลกขุมอุดร

ณ ทะเลลมกรด คุนตัวมหึมายาวเต็มหมื่นจั้งตัวหนึ่งกำลังตวัดคลื่น เกลียวคลื่นที่เกิดขึ้นล้วนซัดห้วงอากาศจนแหลกกระจุย กลายเป็นกระแสน้ำวนน่าสะพรึงพุ่งทะลุชั้นเมฆ พัดสลายเมฆเป็นจุณ

สวบ!

ไม่ทันไรคุนตัวนี้ก็กลายร่างเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมชุดคลุมดำแขนกว้าง ดวงหน้าดุจหยกเกี้ยวประดับ นัยน์ตาดั่งวังน้ำวนทั้งคู่มีประกายเทพน่าสยดสยองพุ่งวาบ

เงาร่างเขาเพียงขยับไหวก็มาถึงเบื้องหน้าตำหนักบนเกาะแห่งหนึ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์