Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1586

ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งแรก ผู้ที่ได้ตำแหน่ง ‘อันดับหนึ่ง’ ในสมรภูมิเซียนเหินคือชายหนุ่มจากดินแดนโบราณต้าหลัวคนหนึ่งนามว่า ‘ชิงอวี่’ ตอนนี้เขาได้รับการยกย่องเป็น ‘จักรพรรดิกระบี่ชิงอวี่’ มานานแล้ว

‘กระบี่จักรพรรดิอักษรบัญชา’ ที่ถูกหลินสวินชิงมาจากเจี้ยนชิงเฉิน ก็คือกระบี่คู่กายที่คนผู้นี้แจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิ กระบี่ไม้ธรรมดานัก ทว่าเพราะเจ้าของของมันจึงแตกต่าง

ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งที่สอง อันดับหนึ่งในสมรภูมิเซียนเหินคือชายหนุ่มจากดินแดนโบราณขุมอุดรคนหนึ่งนามว่า ‘คุนหลิง’

คนผู้นี้หลังบรรลุจักรพรรดิ ก็ถูกเรียกว่า ‘จักรพรรดิคุน’ เหมือนชิงอวี่!

มีตัวอย่างที่ยิ่งใหญ่หาใดเทียบประหนึ่งยักษ์ใหญ่ในตำนานทั้งสองนี้ ต่อให้เป็นหลินสวินยังไม่อาจไม่สนใจการประชันในสมรภูมิเซียนเหิน

ตอนเผชิญหน้ากับเจี้ยนชิงเฉิน สาเหตุสำคัญข้อหนึ่งที่ฝ่ายหลังไม่อยากลงมือก็เพราะยังพะวงกับสมรภูมิเซียนเหินอยู่ ตอนนั้นจึงไม่ต้องการสู้กับหลินสวินให้ตายกันไปข้างหนึ่ง

“ยามข้าไปสมรภูมิเซียนเหิน แปดดินแดนจะต้องส่งกองทัพมารุกรานแน่ จึงทำได้เพียงรบกวนทุกท่าน ถึงตอนนั้นอยู่เฝ้าระวังที่นี่ ร่วมกันป้องกันศัตรูภายนอก”

ก่อนปิดด่าน หลินสวินเรียกรวมตัวเหล่ามกุฎอริยะเพื่อประชุมกัน

“พี่หลิน เช่นนี้เสี่ยงเกินไป!”

ทันใดนั้นทุกคนพากันเอ่ยปราม

ตลกน่า ให้หลินสวินไปสู้เอาเป็นเอาตายคนเดียว พวกเขาจะทนได้อย่างไร

“ทุกท่าน ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนคราวนี้ เป้าหมายสุดท้ายของพวกเราค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณก็คือล้างความอัปยศอดสูแต่กาลก่อน แก้แค้นแทนเมธีผู้เคยสละเลือดเนื้อที่นี่เหล่านั้น”

หลินสวินเอ่ยสีหน้าจริงจังว่า “ส่วนศึกสมรภูมิเซียนเหินกลับเป็นเรื่องรอง ขอเพียงมีพวกเจ้าอยู่ ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณก็จะไม่เป็นอันตรายถึงขั้นล่มสลายโดยสิ้นเชิง”

ทุกคนต่างเงียบงัน สีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ

ความจริงแล้วพวกเขาก็รู้ดีว่าสมรภูมิเซียนเหินนั้นไม่ได้เข้าไปได้ง่ายดายปานนั้น แต่ละดินแดนอย่างมากที่สุดก็มีเพียงเก้าคนที่เข้าไปในนั้นได้

ต่อให้พวกเขาทุกคนต้องการสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับหลินสวินก็ย่อมเป็นไปไม่ได้

ทว่าพวกเขายังไม่วางใจอยู่ดี ผู้ที่ครอบครองป้ายคำสั่งเซียนเหินของอีกแปดดินแดนล้วนเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งนั้น ถ้าพวกเขาร่วมมือกัน หลินสวินคนเดียวจะต้านไหวหรือ

“ทุกท่าน ข้าไม่ได้ไปคนเดียว คราวนี้มีเสี่ยวอิ๋นกับเสี่ยวเทียนไปกับข้าด้วย”

หลินสวินยิ้มพลางเอ่ยปาก

เสี่ยวอิ๋นเป็นลูกหลานหนอนกินเทพ และยังเป็นหนอนกินเทพที่บรรลุระดับมกุฎอริยะ! ความแข็งแกร่งของพลังต่อสู้ ทุกคนก็ได้เห็นด้วยกันตั้งแต่ในแดนลับสนามแม่เหล็กแล้ว

และเสี่ยวเทียนก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน เป็นลูกหลานเผ่าผีเสื้อมารแยกฟ้า ครอบครองอภินิหารอันน่ากลัวประหนึ่งการฉีกแยกท้องนภา ตอนนี้มันก็บรรลุมกุฎอริยะเช่นกัน

มีทั้งสองอยู่ ย่อมเป็นกำลังเสริมอันใหญ่ยิ่งแก่หลินสวินได้จริงๆ

“พี่ใหญ่ ข้ากับอาหลู่ล่ะ”

เจ้าคางคกเอ่ยอย่างอดไม่ได้

เขาไม่พอใจนัก คิดว่าหลินสวินลำเอียง พาไปแค่เสี่ยวอิ๋นกับเสี่ยวเทียน แต่กลับทิ้งเขากับอาหลู่ไว้ ไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว

หลินสวินยิ้มขึ้นพลางพูดว่า “พวกเจ้าอยู่ต้านศัตรูภายนอกจากแปดดินแดน หากเมืองแตก ข้าจะไม่เอาพวกเจ้าไว้”

เจ้าคางคกกับอาหลู่ต่างทอดถอนใจเฮือกหนึ่ง

ทุกคนเห็นดังนี้ก็รู้ว่าหลินสวินตั้งใจแน่วแน่ไปแล้ว ไม่เกลี้ยกล่อมอีก

แล้วหลินสวินก็เอ่ยปากพูดว่า “ทุกคนที่ครอบครองป้ายคำสั่งเซียนเหิน จะเอามาให้ข้าก็ได้ ข้าจะช่วยทุกคนเก็บรวบรวมชะตามรรคผลงานรบอย่างสุดความสามารถ”

เซ่าเฮ่า รั่วอู่ เย่หมัวเฮอ จี้ซิงเหยา หมีเหิงเจิน และลั่วเจียล้วนมีป้ายคำสั่งเซียนเหินอยู่คนละชิ้น แต่พวกเขาต่างปฏิเสธความปรารถนาดีของหลินสวินโดยมิได้นัดหมาย พูดว่าต้องการสังหารศัตรูเอง เก็บสะสมชะตามรรคผลงานรบด้วยการกระทำเช่นนี้

ความจริงแล้วในใจพวกเขาล้วนไม่ต้องการให้หลินสวินสู้เอาเป็นเอาตายกับศัตรูพวกนั้น เพื่อช่วยพวกเขาเก็บสะสมชะตามรรคผลงานรบ

หลินสวินเห็นดังนี้ก็ไม่คะยั้นคะยอ เพียงเอ่ยถามว่า “ในมือข้ามีป้ายคำสั่งเซียนเหินสามชิ้น สองชิ้นในนี้เป็นของดินแดนรกร้างโบราณ รวมกับที่อยู่ในมือของทุกคนยังมีเพียงแปดชิ้น ป้ายคำสั่งเซียนเหินอีกชิ้นหนึ่งอยู่ในมือใคร”

ทุกคนต่างส่ายหน้า

ของอย่างป้ายคำสั่งเซียนเหินไม่ใช่สิ่งที่ใครก็มีได้ อีกทั้งคุณค่าสูงสุดของมันก็ใช้ได้แต่ในสมรภูมิเก้าดินแดน หาไม่ก็เป็นแค่ของไร้ประโยชน์อย่างหนึ่ง

หลังทุกคนจากไป ในห้องโถงใหญ่เหลือเพียงหลินสวินกับจ้าวจิ่งเซวียนสองคน เสี่ยวอิ๋น เสี่ยวเทียน เจ้าคางคกและอาหลู่ออกไปชั่วคราวอย่างรู้งาน

สุราแรงขวดหนึ่ง ชาแก่กาหนึ่ง สำรับผลไม้โอชะสองสามอย่าง

“รู้ว่ากล่อมเจ้าไม่ได้ คืนนี้ข้าดื่มเป็นเพื่อนเจ้าเป็นอย่างไร”

จ้าวจิ่งเซวียนเอ่ยเสียงนุ่มนวล

“ได้สิ”

หลินสวินยิ้มขึ้นมา

ทั้งสองแนบอิงกัน ร่ำสุราลิ้มรสชา ดื่มดำกับความอบอุ่นและเงียบสงบที่เป็นของพวกเขาทั้งสองเท่านั้นจนกระทั่งฟ้าสว่าง

วันรุ่งขึ้นหลินสวินก็เริ่มปิดด่าน

ยังเหลือเวลาอีกห้าเดือนก่อนสมรภูมิเซียนเหินมาเยือน

หลินสวินคิดจะถือโอกาสนี้ทุ่มเททั้งกายใจหยั่งรู้นัยเร้นลับ ‘ไตรมรรครวมเป็นหนึ่ง ก่อเกิดหนึ่งเดียวอันสัมบูรณ์’ รังสรรค์วิชาของตนเอง!

หนึ่งเดือนผ่านไป

วิ้ง!

เสียงครวญใสน่ายำเกรงดังขึ้นในคฤหาสน์อันมืดมิดวังเวง จากนั้นดาบหักที่ขาวแวววาวโปร่งแสงก็เคลื่อนออกมาช้าๆ ลากเส้นเฉียบคมตรงแน่วเส้นหนึ่งกลางห้วงอากาศ

ราวกับแสงแรกที่ทำลายราตรีนิรันดร์

เพียงแต่แสงเส้นนี้เชื่องช้าถึงที่สุด พอสัมผัสดูโดยละเอียดก็จะพบว่ายามแสงเส้นนี้โฉบออกมา มีมหาดาราดวงแล้วดวงเล่าร่วงหล่น ที่ตามมาติดๆ คือจันทร์เต็มดวงดวงหนึ่งลอยสูงขึ้นเหนือทะเลสีมรกต…

ทันใดนั้นดวงอาทิตย์ดวงหนึ่งระเบิดออกสะเทือนเลื่อนลั่น ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นความว่างเปล่า กลิ่นอายเงียบสงัดไร้สิ่งใดแผ่ขยายออกมาตามไปด้วย…

แสงนั้นเริ่มไหววูบติดๆ ดับๆ ท่ามกลางความสงัดวิเวก แสงกะพริบแต่ละครั้งก็เหมือนฉากกั้นที่กรีดผ่านอากาศ ตอกตรึงกาลเวลา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์