เดือนที่สี่
ในคฤหาสน์อันมืดมิดคลอด้วยเสียงกระบี่ชิ้งๆๆ ระลอกหนึ่ง ก็เห็นกระแสปราณกระบี่ชั้นแล้วชั้นเล่าไหลบ่าออกมากลางห้วงอากาศ
มีทั้งสิ้นสามสิบสามชั้น กระแสปราณกระบี่แต่ละชั้นต่างบรรจุปราณกระบี่ไท่เสวียนหนึ่งหมื่นแปดพันสายไว้ภายใน
กระแสปราณกระบี่สามสิบสามชั้นพากันแผ่ออกกลางอากาศ อัดแน่นไปทั้งคฤหาสน์ ปราณกระบี่เจิดจ้าหนาแน่นขึ้นลงเหมือนกระแสธาร งดงาม ยิ่งใหญ่ น่าหวาดหวั่น
กระบี่สามสิบสามชั้น!
นี่เป็นขีดจำกัดปราณกระบี่ที่หลินสวินบ่มเพาะออกมาได้ในจุดชีพจรทั้งหมดภายในร่างกาย หลังจากบรรลุระดับอริยะแท้ขั้นกลาง
เทียบกับหนึ่งแสนแปดพันกระบี่แล้ว กระบี่สามสิบสามชั้นไม่เพียงมีปราณกระบี่ที่บรรจุไว้มหาศาลยิ่งกว่า อานุภาพยังต่างออกไปโดยสิ้นเชิงด้วย
กระบี่สามสิบสามชั้นเหมือนคลื่นยักษ์กระทบฟ้าสามสิบสามชั้น แต่ละชั้นที่สาดซัดเข้าไป อานุภาพก็จะยิ่งเพิ่มพูนทบทวีตามไปด้วย พลังทำลายล้างน่ากลัวหาใดเทียบ
อีกทั้งปราณกระบี่ที่บ่มเพาะอยู่ในจุดชีพจรภายในร่างหลินสวินเหล่านี้ล้วนเปลี่ยนเป็นประกายกระบี่ รวมเป็นเจตกระบี่ออกมา!
ลองคิดดู กระบี่ชั้นเดียวรวมเจตกระบี่หนึ่งหมื่นแปดพันสาย ความแกร่งกล้าของเจตกระบี่ที่มีสามสิบสามชั้นจะแข็งแกร่งปานไหน
เรื่องที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวก็คือ คัมภีร์กระบี่ไท่เสวียนเป็นมรดกมรรคจักรพรรดิวิชาหนึ่ง ด้วยพลังตอนนี้ของหลินสวินไม่อาจเข้าใจนัยเร้นรับของคัมภีร์ได้ทั้งหมด
นี่ก็หมายความว่าตอนหลินสวินรังสรรค์วิชาของตัวเอง ทำได้เพียงดึงเอาเจตจำนงแห่งไท่เสวียนแปลงมาใช้ แต่ไม่สามารถหลอมนัยเร้นลับทั้งหมดเข้าสู่วิชาของตัวเองโดยสมบูรณ์
ต่อให้เป็นเช่นนี้ หากว่ากันด้วยพลังสังหารเพียงอย่างเดียว อานุภาพของกระบี่สามสิบสามชั้นก็เรียกได้ว่าโดดเด่นเพียงหนึ่งเดียวในโลก ไม่อาจเทียบกับหนึ่งแสนแปดพันกระบี่ได้
ซ่า!
เมื่อความคิดหลินสวินไหวเคลื่อน มหาสมุทรปราณกระบี่ที่อัดแน่นในคฤหาสน์นี้ก็กลับเข้ามาภายในร่างหลินสวิน เหมือนหมื่นกระแสคืนสู่ต้นกำเนิด ถูกบ่มเพาะไว้ในจุดชีพจรทั้งหมด
ถึงตอนนี้ในเวลาสี่เดือน หลินสวินนำกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้า เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ มังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรหลอมไว้ในเตาหลอมเดียว แปรยากเป็นง่าย บรรจุไว้ในหนึ่งเดียวตามลำดับ
ระดับของคัมภีร์กระบี่ไท่เสวียนก็ถูกอนุมานถึงขั้น ‘กระบี่สามสิบสามชั้น’!
แม้แต่พลังปราณยังเสถียรขึ้นอีกขึ้น แปรเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งมั่นคงหาใดเทียบ
‘มีมรดกอย่างไปไร้หวนกับดรรชนีมหาอุดมสลายมายา ที่ข้าในตอนนี้ยังควบคุมไม่ได้โดยสมบูรณ์เหมือนกับคัมภีร์กระบี่ไท่เสวียน หากต้องการสรรสร้างวิชาของตนเอง ทำได้เพียงอาศัยเจตจำนง แต่ทิ้งรูปร่างของมัน…’
ในช่วงเวลาต่อมา หลินสวินไม่ศึกษาเจาะลึกวิชายุทธ์อีก แต่เริ่มจัดระเบียบตัวเอง หลอมชำระนัยเร้นลับมหามรรคที่ครอบครอง
การเสาะแสวงระดับอริยะ พลังปราณเป็นพื้นฐาน ส่วนพลังมหามรรคเป็นแก่นกลางของการเสาะแสวง ยิ่งกฎเกณฑ์อริยมรรคที่หยั่งถึงและควบรวมยิ่งแกร่งกล้า ก็หมายถึงความสำเร็จในการควบคุมพลังมหามรรคของอริยะ!
ส่วนความแข็งแกร่งในวิชายุทธ์ก็สะท้อนอยู่บนความแข็งแกร่งของพลังปราณและพลังมหามรรค
ทั้งหมดนี้ประกอบกันถึงเป็นตัวแทนของพลังต่อสู้ที่แท้จริงของระดับอริยะ
แน่นอนว่ายามต่อสู้เข่นฆ่า สภาวะจิต เจตจำนง รวมถึงสมบัติที่ครอบครองก็มีประโยชน์เหลือคณานับ
แต่ไม่ว่าอย่างไร แก่นกลางก็คือพลังปราณและมหามรรคตลอดกาล!
…..
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันที่สมรภูมิเซียนเหินจะมาถึงยิ่งใกล้เข้ามา บรรยากาศทั้งสมรภูมิเก้าดินแดนก็ยิ่งเงียบสงบและเคร่งเครียดตามไปด้วย
พายุฝนกำลังจะมา!
โลกขุมอุดร
ในตำหนักอันโอ่อ่าหลังหนึ่งบนทะเลลมกรด
บุคคลระดับผู้นำเจ็ดคนอย่างคุนเซ่าอวี่ ชืออู๋ซู่ จู๋อิ้งคง เลี่ยเฉียน เซวี่ยชิงอี สือพั่วไห่ ฮว่าหงเซียวมารวมตัวกัน
คราวนี้พวกเขาแต่ละคนนำมกุฎอริยะแปดคนมาด้วย แต่ละคนล้วนเรียกได้ว่าเป็นพวกร้ายกาจสะเทือนใต้หล้า ครอบครองป้ายคำสั่งเซียนเหิน
นอกจากนี้ค่ายทัพดินแดนโบราณต้าหลัวยังมีมกุฎอริยะมาแปดคน นำทัพโดยอริยะกระบี่แห่งยุคคนหนึ่งนามว่า ‘เนี่ยอู๋เหิน’
กิตติศัพท์ในดินแดนโบราณต้าหลัวของคนผู้นี้ก็เป็นรองเจี้ยนชิงเฉินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะเจี้ยนชิงเฉินถูกฆ่า เนี่ยอู้เหินก็กลายเป็นผู้นำอย่างไร้ข้อกังขา
ต่อให้ฉินเซียวเซิงผู้อาวุโสหอกระบี่ฟ้าไม่ยินยอม ก็ต้องส่งมอบอำนาจในมือออกไป ให้เนี่ยอู๋เหินมากำกับควบคุมค่ายทัพดินแดนโบราณต้าหลัว
“ทุกท่าน อีกห้าวันสมรภูมิเซียนเหินก็จะมาเยือน คราวนี้ผู้ถือป้ายคำสั่งเซียนเหินทุกคนจะถูกเคลื่อนย้ายเข้าไปภายใน”
ในโถงใหญ่สายตาของคุณเซ่าอวี่กวาดมองทุกคนในโถง ความอาจหาญบังเกิดขึ้นในใจ “คราวนี้มีทุกท่านมาร่วมกันลงมือ การฆ่าหลินสวินนั่นก็ไม่ใช่เรื่องยาก!”
เมื่อมองดูผู้แข็งแกร่งที่รวมตัวอยู่ในห้องโถงนี้ ผู้ใดไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลในบรรดามกุฎอริยะ ผู้ใดไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งแห่งยุคที่มาจากดินแดนต่างๆ บ้าง
ด้วยการรวมตัวของกำลังพลชั้นนี้ เขาหลินสวินต้องถูกบดขยี้แน่!
“พี่คุน หลินสวินนั่นไม่ได้ธรรมดานะ ในเมื่อพวกเราเลือกร่วมมือกัน ก็ควรร่วมใจรวมพลังลงมือเต็มกำลัง จะดูถูกหรือประมาทหลินสวินนั่นไม่ได้แม้แต่นิดเดียว”
เซวี่ยชิงอีเอ่ยปากเย็นชา
พบเห็นได้ยากนัก คราวนี้ไม่มีใครหัวเราะเยาะและดูแคลนว่าเซวี่ยชิงอีใจเสาะ ต่างพยักหน้าพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
เพราะไม่ว่าจะเป็นการทำลายล้างกองทัพพันธมิตรเจ็ดดินแดน หรือความพ่ายแพ้ย่อยยับในศึกทะเลผาดำ ต่างพิสูจน์คำพูดของเซวี่ยชิงอีแล้ว
หลินสวินคนนี้ แข็งแกร่งจริง!
“พี่เซวี่ย เจ้าเคยประมือกับหลินสวิน ทั้งยังเข้าใจเขาอย่างลึกซึ้งยิ่งนัก ไม่สู้เจ้ามาอธิบายให้สหายยุทธ์ทุกท่านทีละเรื่องเป็นอย่างไร”
คุนเซ่าอวี่เอ่ยเสียงนุ่มนวล
ทุกคนต่างทอดสายตามองไปที่เซวี่ยชิงอี นี่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นไม่น้อยในทันใด
“ทุกท่านต่างรู้ดี แม้หมอนี่แข็งแกร่งแต่ก็ไม่ได้ไร้ศัตรูเทียบเทียมอย่างแท้จริง ไพ่ตายที่ร้ายกาจที่สุดของเขาก็คือ เชี่ยวชาญการวางกระบวนค่ายกล”
“การฆ่าล้างกองทัพพันธมิตรเจ็ดดินแดน รวมถึงศึกทะเลผาดำคราวก่อน หมอนี่ใช้พลังกระบวนค่ายกลทำให้กองทัพของพวกเราบาดเจ็บล้มตายอย่างอนาถ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์