Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1588

เส้นสีทองเส้นหนึ่งตัดทะลุเวิ้งฟ้า ฉายส่องท้องฟ้าเหนือสมรภูมิเก้าดินแดน

ผู้แข็งแกร่งที่พกป้ายคำสั่งเซียนเหินล้วนเกิดความรู้สึกแปลกประหลาด ประหนึ่งถูกพลังลึกลับจับจ้อง

เปรี้ยง!

เสียงสัทครรลองมหามรรคดั่งอสนีบาตดังสะเทือนไปทั้งท้องนภา ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนที่กระจายตัวอยู่ในสมรภูมิเก้าดินแดนต่างตื่นตกใจในชั่วขณะนี้

“มาแล้ว!”

“สมรภูมิเซียนเหินจะเปิดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ใครจะกลายเป็นอันดับหนึ่งของเก้าดินแดนกัน”

“แน่ใจได้เลยว่าหลินสวินนั่นต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”

“การชิงชัยอันหาได้ยากเช่นนี้ แต่พวกเรากลับเข้าร่วมไม่ได้ เป็นความเสียใจครั้งใหญ่ไปชั่วชีวิตจริงๆ”

เสียงต่างๆ ดังขึ้น สายตานับไม่ถ้วนพากันมองไปเหนือท้องฟ้า

ก็เห็นว่าที่มาพร้อมกับเสียงมรรคคือไอขุ่นมัวตลบอบอวล สะท้อนเงาโลกลึกลับสุดหยั่งแห่งหนึ่งให้พอเห็นได้รำไร ดึงดูดให้ทุกคนจินตนาการ

ทันใดนั้นก็เห็นว่ากลางเงาโลกอันลึกลับนั้น รุ้งเทพสายแล้วสายเล่าพุ่งออกมา โรยตัวจากท้องฟ้าสู่พื้นที่ต่างๆ ในสมรภูมิเก้าดินแดน

มีรุ้งเทพสามสายในนั้นพุ่งไปยังเมืองอารักษ์มรรคโลกรกร้างโบราณด้วย อาบชโลมหลินสวินไว้ภายใน

แทบจะในขณะเดียวกัน หลินสวินรวมถึงเสี่ยวอิ๋นกับเสี่ยวเทียนที่จำศีลอยู่ในจิตรับรู้ของเขาต่างจิตใจสั่นระรัว จากนั้นร่างกายก็เหมือนสูญเสียการควบคุม ถูกพลังของรุ้งเทพนั้นเหนี่ยวนำทะลวงเมฆขึ้นไป

เหนือกำแพงเมือง เนตรดาราของจ้าวจิ่งเซวียนจับจ้องเงาร่างที่จากไปไกลขึ้นเรื่อยๆ พึมพำในใจว่า ‘เจ้าต้องรอดชีวิตกลับมาให้ข้านะ…’

‘พี่หลิน รักษาตัวด้วย!’

ในเมืองอารักษ์มรรค ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณนับไม่ถ้วนภาวนาเงียบๆ ในใจ

ขณะเดียวกันในโลกขุมอุดร เหล่ามกุฎอริยะอย่างคุนเซ่าอวี่ ชืออู๋ซู่ จู้อิ้งคง เซวี่ยชิงอีก็ต่างทะยานขึ้นฟ้าไปอย่างต่อเนื่อง

วันนี้สมรภูมิเซียนเหินมาเยือน ทุกคนที่พกป้ายคำสั่งเซียนเหินต่างถูกเคลื่อนย้ายเข้าไปในนั้น ดึงดูดความสนใจของผู้แข็งแกร่งเก้าดินแดน

มีเพียงพวกเซ่าเฮ่า รั่วอู่ที่เตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว ไม่ได้พกป้ายคำสั่งเซียนเหินไว้กับตัว จึงไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายพาตัวไปด้วย

และวันนี้เอง ในค่ายทัพแปดดินแดนผู้แข็งแกร่งมารวมตัวกันเหมือนกระแสน้ำ โถมคำรามไปยังที่เดียวกัน

เสียงแตรสัญญาณไร้ขอบเขต ไอพิฆาตพุ่งทะลุเมฆา ทำลายบรรยากาศที่เดิมเงียบสงบเกือบครึ่งปีลงโดยสมบูรณ์

กองทัพแปดดินแดนรวมทัพ มุ่งไปยังโลกรกร้างโบราณ!

ในขณะเดียวกันผู้แข็งแกร่งค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณทุกคนต่างอารักขาในเมือง ดำเนินการป้องกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยภายใต้การกำกับของเหล่ามกุฎอริยะอย่างเซ่าเฮ่า รั่วอู่

ชั่วขณะเดียวฟ้าดินสะท้าน ไอสังหารตลบอบอวลไปทั้งสมรภูมิเก้าดินแดน

…..

สมรภูมิเซียนเหิน

ที่นี่เป็นโลกลึกลับแห่งหนึ่ง ลือกันว่าที่นี่มีปริศนาเซียนเหินฝังไว้ หากได้ล่วงรู้ก็จะแจ้งมรรคบรรลุเซียน!

แต่ตั้งแต่การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งแรกจวบจนตอนนี้ ก็ยังไม่มีสักคนที่ได้ปริศนาเซียนเหินไป ส่งผลให้ข่าวลือนี้ยิ่งเหมือนคำพูดโคมลอยอันคลุมเครือ

ทว่าหลินสวินกลับรู้ดี ภายในสมรภูมิเซียนเหินมีสัตว์ประหลาดน่าหวาดหวั่นที่ถูกมองเป็น ‘วิญญาณเซียนเหิน’ อยู่

แต่ละตนล้วนมีพลังต่อสู้ไม่ด้อยไปกว่ามกุฎอริยะ อีกทั้งยังมีจำนวนมหาศาล พบได้ทุกแห่งในสมรภูมิเซียนเหิน

กล่าวอย่างไม่เกินเลย ต่อให้คนอื่นมีโอกาสเข้าสมรภูมิเซียนเหิน แต่หากไม่มีพลังระดับมกุฎอริยะ มาแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย

ตั้งแต่การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งแรกเริ่มขึ้น สมรภูมิเซียนเหินก็ถูกมองเป็นสมรภูมิแห่งการชิงความเป็นหนึ่งระหว่างบุคคลชั้นยอดของเก้าดินแดน

ใครมีความสามารถกำราบหมู่ผู้กล้า ผงาดผยองไร้ศัตรู ผู้นั้นก็จะกลายเป็นอริยะแท้อันดับหนึ่งของเก้าดินแดน!

เมื่อหลินสวินเข้าไปในสมรภูมิเซียนเหิน สิ่งแรกที่เห็นคือทะเลกระดูกผืนหนึ่ง

โครงกระดูกสีขาวหนาแน่นกองสะสมไปทั้งแถบ ประหนึ่งทะเลไร้ขอบเขต จำนวนโครงกระดูกมากมายที่ลอยอยู่ภายในนั้น เพียงพอจะทำให้ศีรษะชาหนึบ

ฟ้าดินแห่งนี้หม่นมัว ในอากาศตลบอบอวลด้วยกลิ่นอายอึมครึมมืดมนอันน่าหดหู่ที่กดข่ม มหาสมุทรที่สร้างขึ้นจากโครงกระดูกขาวกองสุมนั้นย้อมที่นี่ให้เป็นเหมือนแดนผีแห่งหนึ่ง ไม่เหมือนโลกมนุษย์!

‘ทะเลทิ้งกระดูก…’

หลินสวินนิ่วหน้า ชั่วพริบตาก็ระบุตำแหน่งที่ตนอยู่ได้

ในสมรภูมิเซียนเหิน ทะเลทิ้งกระดูกเป็นพื้นที่มหาเคราะห์แห่งหนึ่ง ภายในโครงกระดูกที่ทับถมซ่อนวิญญาณเซียนเหินไว้ไม่รู้เท่าไร!

หลินสวินมองไปโดยรอบ ก็เห็นว่าหากใช้ตนเป็นศูนย์กลาง สีทิศแปดด้านถึงกับเป็นผืนทะเลสีขาวโพลนที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด

“นายท่าน ข้ารู้สึกได้ว่ากลิ่นอายที่นี่พิสดารนัก ออกไปเร็วๆ ดีกว่า”

เสี่ยวอิ๋นเคลื่อนตัวออกมา แววครัดเคร่งปรากฏขึ้นบนใบหน้าเล็กหล่อเหลา บนไหล่เขาผีเสื้อมารแยกฟ้าหุบปีกลงยืนสงบนิ่ง

“ก็ดี”

หลินสวินเลือกทางหนึ่ง กำลังเตรียมตัวจะไป แต่ก็ในตอนนี้เองที่ทะเลกระดูกขาวเบื้องล่างพลันปั่นป่วน ส่งเสียงครึกโครม

โครงกระดูกขาวเปล่าเปลือยสวมชุดเกราะพังๆ ร่างหนึ่งแผ่ไอพิฆาตสะท้านฟ้าออกมาทั้งร่าง

โครงกระดูกนี้ถือกระบี่หักที่มีรอยสนิมกระดำกระด่างเล่มหนึ่ง ยามเดินกลางอากาศถึงกับทำให้ผู้อื่นรู้สึกถึงความสง่างามราวผู้ฝึกกระบี่แห่งยุค

“ฆ่า!”

มันทะลวงอากาศมา ไอพิฆาตม้วนตลบฟ้าดิน กระบี่หักแผ่แสงสีเทาหม่นออกมา ตัดห้วงอากาศให้แยกออกจากกัน ดุดันหาใดเทียบ

วิญญาณเซียนเหิน!

เสี่ยวอิ๋นพลันส่งเสียงหึหยัน กระโจนไปรับหน้าทันควัน

“เฉือน!”

กระบี่เทพโปร่งแสงสว่างจ้าปรากฏขึ้นในมือเสี่ยวอิ๋น โฉบผ่านร่างวิญญาณเซียนเหินตนนั้นทันใด

โครม!

โครงกระดูกวิญญาณเซียนเหินพลันกระจัดกระจาย

ริมฝีปากเสี่ยวอิ๋นปรากฏแววถากถาง “อ่อนแอ”

แต่พอเสียงพูดเงียบลง ดวงตาเขาก็หดเกร็ง โครงกระดูกกระจัดกระจายนั้นดันรวมตัวกันใหม่อีกครั้ง คืนสภาพดังเก่า

จากนั้นวิญญาณเซียนเหินนั่นก็บุกเข้ามาอีกครั้ง!

ก็พบว่าระหว่างทางวิญญาณเซียนเหินตนแล้วตนเล่าพุ่งออกมา ทุกตนไอพิฆาตทะลวงฟ้า กลิ่นอายแข็งกล้าจนน่ากลัว

ทว่ายังไม่ทันเข้าใกล้หลินสวิน ก็ถูกปราณกระบี่ไท่เสวียนที่ซัดออกมาสายแล้วสายเล่ากำจัดพินาศยับเยิน ไม่อาจสร้างอุปสรรคใดๆ ได้

นี่ทำให้หลินสวินออกจะใจเต้นอย่างอดไม่ได้ หากอยู่ที่ทะเลทิ้งกระดูกแห่งนี้ เกรงว่าไม่ถึงวันก็เก็บรวบรวมชะตามรรคผลงานรบได้พันสายแล้วกระมัง

พอคิดถึงตรงนี้แสงโลหิตบาดตาหาใดเทียบสายหนึ่งก็พลันพุ่งออกมาจากทะเลกระดูกขาวที่อยู่ไม่ไกล ซากกระดูกแน่นขนัดในบริเวณใกล้เคียงกลับมามีชีวิต ทะยานขึ้นฟ้าฟึ่บๆๆ กองสุมทับซ้อนกัน

ชั่วพริบตาเท่านั้น ‘ยักษ์’ ที่สูงถึงพันจั้ง ก่อขึ้นจากกระดูกขาวนับไม่ถ้วนตนหนึ่งปรากฏตัวกลางฟ้าดิน เหมือนวิญญาณเทพดึกดำบรรพ์แท้ๆ เพียงแค่นัยน์ตายังใหญ่กว่าทะเลสาบ

ตูม!

ร่างของมันดูเหมือนอ้วนท้วน แต่กลับปราดเปรียวอย่างน่าประหลาด ร่างกายทุกกระเบียดอบอวลไปด้วยแสงโลหิตน่ากลัวหาใดเทียบ ทำให้ฟ้าดินต่างถูกย้อมเป็นสีแดงฉาน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลิ่นอายของมันยังแกร่งกล้าพิสดาร ทำเอาหลินสวินรู้สึกถึงพลังกดดันที่กดข่มลงมาอย่างห้ามไม่อยู่

พลานุภาพเช่นนั้น มีแต่จะแข็งแกร่งกว่าระดับผู้นำอย่างพวกเจี้ยนชิงเฉิน!

“ที่นี่มันประตูมารจริงๆ คิดถึงอะไรก็มา…”

หลินสวินดวงตาหดรัด จนคำพูดไปครู่หนึ่ง

“นายท่าน จะหนีหรือสู้”

เสี่ยวอิ๋นถามอย่างอดไม่ได้

“ตอนนี้เป็นแค่สัตว์ร้ายเช่นนี้ตัวหนึ่ง เจ้าว่าในทะเลทิ้งกระดูกแห่งนี้มีสัตว์ประหลาดจำพวกนี้ซ่อนอยู่มากแค่ไหน”

หลินสวินนิ่วหน้าเอ่ย

เพียงแค่คำถามข้อเดียวเท่านั้น แต่พอเพิ่งพูดจบในทิศทางอื่นมีเสียงร้องโครมครามดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากนั้น ‘ยักษ์’ ที่สุมขึ้นจากกระดูกขาวนับไม่ถ้วนตัวแล้วตัวเล่าทะยานฟ้าขึ้นมา แต่ละตัวแสงเลือดไหลทะลัก อานุภาพดุร้ายสะเทือนฟ้าดิน

ประตูมาร!

หลินสวิน เสี่ยวอิ๋น เสี่ยวเทียนต่างล้วนหมดคำพูด

หลินสวินไม่ลังเลแม้สักนิด เคลื่อนตัวหนีด้วยความเร็วทั้งหมด

หากมีคู่ต่อสู้เพียงคนเดียว เขายังไม่กลัว แต่หากเป็นคู่ต่อสู้พรรค์นี้ฝูงแล้วฝูงเล่าปรากฏตัว แม้แต่เขายังทำได้เพียงเลือกหลบคมดาบของพวกมัน

โชคดีที่แม้ ‘ยักษ์’ เหล่านั้นกลิ่นอายน่ากลัว แต่ความเร็วในการเคลื่อนตัวกลับดูเฉื่อยอยู่บ้าง จึงถูกหลินสวินสลัดไว้ข้างหลังอย่างง่ายดาย

“สมรภูมิเซียนเหินแห่งนี้จะพิสดารและอันตรายเกินไปแล้ว ดูท่าชะตามรรคผลงานรบนั่นก็ไม่ได้สะสมได้ง่ายขนาดนั้น”

เสี่ยวอิ๋นทอดถอนใจเบาๆ ตลอดทาง

“ที่นายท่านมาคราวนี้ ไม่ใช่เพราะจะมาฆ่าวิญญาณเซียนเหินเก็บรวบรวมชะตามรรคผลงานรบ อย่าลืมเสียล่ะ แปดดินแดนอื่นมีคนเข้ามาเหมือนกัน”

เสี่ยวเทียนพลันเอ่ยขึ้น

ทันใดนั้นเสี่ยวอิ๋นก็ฮึกเหิมขึ้นมา “ปล้นพวกเขาดีไหม”

หลินสวินสีหน้าอึมครึม ตั้งแต่เสี่ยวอิ๋นบรรลุมกุฎอริยะ แม้แต่นิสัยใจคอยังเหมือนจะเปลี่ยนไปแล้ว หรือนี่จึงจะเป็นนิสัยที่แท้จริงของเผ่าหนอนกินเทพ

ฉับพลันทันใด เสียงขลุ่ยสูงต่ำเป็นท่วงทำนองเสนาะหูดังขึ้นกลางฟ้าดินไกลออกไป เลื่อนลอยราวเสียงสวรรค์ ทำให้จิตใจผ่อนคลาย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์