ตอนที่ 1609 กลับมาแล้ว – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 1609 กลับมาแล้ว จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บนเวิ้งฟ้าพลังกฎระเบียบกำลังซัดโหม ใกล้จะก่อตัวเป็นทางน้ำวนอยู่รางๆ
หลินสวินรออยู่เงียบๆ
การมาสมรภูมิเซียนเหินครั้งนี้ นอกจากจะฆ่าศัตรูจนทำให้เขาได้ประโยชน์อย่างมหาศาลแล้ว ตอนนี้ในมือของเขายังมีป้ายคำสั่งเซียนเหินแปดแผ่นที่รวบรวมชะตามรรคผลงานรบได้เพียงพอด้วย
นอกจากนี้ทรัพย์หลังศึกที่ได้มาจากการกำจัดศัตรูก็ยิ่งน่าตื่นตาตื่นใจ วัตถุดิบเทพ สมบัติ ของล้ำค่ามากมายกองพะเนินเหมือนภูเขา มูลค่ามหาศาลไม่อาจประเมิน!
อย่างน้อยในช่วงนี้ไม่ว่าจะเป็นการฝึกปราณหรือหลอมสมบัติอริยะ ล้วนไม่จำเป็นต้องกังวลว่าวัตถุดิบจะไม่พอไปอีกนาน
เปรียบเทียบกันแล้ว ความก้าวหน้าของระดับปราณก็น่าตกตะลึงยิ่งนัก
โดยเฉพาะหลังจากหลอมเถาวัลย์หยกนภาค่ำต้นนั้น การฝึกปราณหนึ่งวันก็เหมือนร้อยวัน ทำให้พลังปราณอริยะแท้ขั้นกลางของหลินสวินบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์
ใช้เวลาไม่นานก็จะถือโอกาสก้าวเข้าสู่ระดับอริยะแท้ขั้นปลายได้!
หากความเร็วของการฝึกปราณเช่นนี้แพร่ออกไป ต้องทำให้ใต้หล้าสั่นสะเทือนแน่
ถึงอย่างไรสมรภูมิเก้าดินแดนก็เพิ่งเปิดมาแค่สองปีเท่านั้น
ในสองปีนี้หลินสวินก้าวสู่ระดับมกุฎอริยะจากระดับมกุฎราชันคนหนึ่งได้อย่างราบรื่น จนถึงตอนนี้ก็มีพลังปราณขั้นกลางระดับสมบูรณ์ในการฝึกอริยมรรคแล้ว ความเร็วของการเลื่อนขั้นเช่นนี้เรียกได้ว่าสะเทือนใต้หล้า!
สิ่งที่คาดไม่ถึงที่สุดคือหลินสวินไม่ได้แข็งแกร่งขึ้นเพราะอยากเลื่อนขั้นปราณอย่างเดียว แต่ละก้าวของเขาล้วนเคี่ยวกรำจนแน่นหนา เหนือกว่าทุกคนในรุ่นเดียวกัน
มิฉะนั้นเขาคงไม่มีทางครอบครองพลังต่อสู้ที่เกือบจะเรียกได้ว่าไร้คู่ต่อกรในหมู่คนรุ่นเดียวกัน!
โดยทั่วไปการเสาะแสวงอริยมรรค แต่ละก้าวล้วนยากลำบาก เหมือนในดินแดนรกร้างโบราณ บนโลกนั้นแทบจะพบเห็นร่องรอยของบุคคลระดับอริยะได้น้อยนัก เพราะอะไร
ง่ายมาก ด้วยกำลังปิดด่านฝึกปราณอยู่!
สำหรับบุคคลระดับอริยะแท้พวกนี้ การปิดด่านร้อยพันปีเพื่อทะลวงขั้นแทบจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน
แต่การที่หลินสวินบรรลุอริยะได้ในเวลาสั้นๆ แค่สองปี ทั้งยังเลื่อนขั้นในระดับอริยะได้หลายต่อหลายครั้ง มีความเกี่ยวข้องกับการมาสมรภูมิเก้าดินแดนครั้งนี้เป็นอย่างมาก
มีแค่อยู่ในสมรภูมิเก้าดินแดน จึงจะมีโชควาสนาพอจะทำให้มกุฎอริยะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว!
หากตอนนั้นหลินสวินไม่เลือกเข้ามาในสมรภูมิเก้าดินแดน แล้วอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณต่อไป เกรงว่าคงไม่มีทางบรรลุมกุฎอริยะได้เร็วขนาดนี้แน่
“นายท่าน สมรภูมิเซียนเหินใกล้จะปิดฉากแล้ว ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งที่สามนี้ ท่านน่าจะได้ฉายาว่า ‘อันดับหนึ่งในเก้าดินแดน’ ได้แล้ว!”
เสี่ยวอิ๋นกล่าวยินดีทันใด
“ข้าเคยได้ยินว่าในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนสองครั้งก่อน พวกที่กลายเป็นอันดับหนึ่งในเก้าดินแดน หลังจากนั้นล้วนก้าวสู่ระดับมหาจักรพรรดิ ด้วยพลังของท่านตอนนี้ ภายหน้าการบรรลุจักรพรรดิต้องไม่ใช่เรื่องยากอย่างแน่นอน”
เสี่ยวเทียนพยักหน้าอยู่ข้างๆ รู้สึกแบบเดียวกัน
การต่อสู้ในสมรภูมิเซียนเหินครั้งนี้ นายท่านได้กำราบผู้คนในระดับเดียวกันด้วยท่าทางไร้คู่ต่อกร สมกับเป็นอันดับหนึ่ง!
เจ้านกดำเหมือนไม่พอใจ กล่าวเยาะหยันออกมา “อย่าลืมสิ ข้าเป็นคนช่วยนายท่านของพวกเจ้าจากเงื้อมมือของมกุฎมหาอริยะคนหนึ่ง ว่ากันตามจริงข้าต่างหากที่เป็นอันดับหนึ่งในเก้าดินแดนได้อย่างสมชื่อคู่ควร!”
เสี่ยวอิ๋นโวยทันที “เจ้านกขี้ขโมย กล้าประลองกับนายท่านของข้าเพื่อแบ่งสูงต่ำไหมเล่า”
สีหน้าของเสี่ยวเทียนก็เปลี่ยนเป็นไม่เป็นมิตรขึ้นมา
เจ้านกดำลูกตากลอกกลิ้งหมุนวน เหล่มองหลินสวินกล่าวหยั่งเชิง “เจ้าหนู มาเล่นกันหน่อยไหม”
หลินสวินยิ้มสดใส ตกปากรับคำอย่างยินดี “ได้สิ!”
เจ้านกดำพลันยิ้มแห้งกล่าว “ช่างเถอะๆ สมรภูมิเซียนเหินนี้จะปิดฉากอยู่แล้ว จะมาต่อยตีอะไรกันอีก ข้าถอยให้ก้าวหนึ่ง พวกเราเป็นอันดับหนึ่งในเก้าดินแดนคู่กันก็แล้วกัน”
“เป็นอันดับหนึ่งคู่กันหรือ ไม่น่าฟังเกินไปแล้ว ทางที่ดีแบ่งสูงต่ำกันไปเลยจะดีกว่า”
หลินสวินพูดพลางก้าวออกไปก้าวหนึ่ง
กลับเห็นเจ้านกดำพุ่งหลบห่างออกไปเหมือนนกหวาดธนู ทำให้เสี่ยวอิ๋นและเสี่ยวเทียนหัวเราะเยาะขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่
เจ้าหมอนี่แค่มองก็รู้แล้วว่าร้อนตัว!
หลินสวินถอยกลับไม่ลงมือ แต่เจ้านกดำกลับรู้สึกหน้าร้อนผ่าว ไม่พูดถึงเรื่องอันดับหนึ่งในเก้าดินแดนไปพักหนึ่ง
วู้ม!
ไม่นานบนเวิ้งฟ้าปรากฏอุโมงค์น้ำวนขนาดมหึมาหนึ่ง
“ไป!”
หลินสวินพาเสี่ยวอิ๋น เสี่ยวเทียนและเจ้านกดำทะยานสู่ฟากฟ้าไปพร้อมกันโดยไม่ลังเล
…
โลกรกร้างโบราณ เมืองอารักษ์มรรค
ศึกใหญ่สิ้นสุดไปหลายวันแล้ว นอกเมืองบนสนามรบที่พังพินาศ น้ำเลือดและซากศพที่กระจายอยู่ทั่วนั้นถูกจัดการไปนานแล้ว
ยามนี้ล้วนสะอาดหมดจด ไม่แปดเปื้อนโลกีย์
ในเมืองมีเสียงหัวเราะเริงร่ายินดีดังครึกครื้นอย่างต่อเนื่อง บนหน้าของผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณทุกคนต่างเจือความผ่อนคลายและเชื่อมั่นจากก้นบึ้งหัวใจ
ทัพพันธมิตรแปดดินแดนออกโจมตีเต็มกำลัง แต่สุดท้ายก็ได้แต่สลัดขนหนีกลับ เหลือไว้เพียงซากศพและกลิ่นคาวเลือดนองพื้น พูดได้ว่าล้มตายกันเป็นเบือ
จากบันทึกภายหลัง แค่มกุฎอริยะที่ถูกฆ่าล้วนมีมากกว่าร้อยคน!
แต่แค่ยืนอยู่ตรงนั้น นางก็เป็นช่วงเวลานิรันดร์ที่ถูกจับตามองมากที่สุดแล้ว
จ้าวจิ่งเซวียนสวมชุดกระโปรงสีม่วงอ่อน ผมสีดำทิ้งตัวลงมา ใบหน้าไร้สิ่งแต่งแต้ม หน้าตางามผุดผ่องดุจภาพวาด ร่างสูงเพรียวบาง ผิวขาวผ่องเกลี้ยงเกลา นางยืนอยู่ตรงนั้นตามอารมณ์ก็มีกลิ่นอายสูงส่งจากภายในสู่ภายนอก
นี่มีความเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมวัยเด็กของนาง และมีความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นกับสายเลือดเจินหลงที่ไหลวนอยู่ในตัวนางด้วย
ทั้งสองคนยืนอยู่ตรงนี้มาหลายวันแล้ว
ไม่ว่าใครก็มองออกว่าบรรยากาศระหว่างพวกนางสองคนมีบางอย่างผิดแปลกไป ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าจะเป็นเซ่าเฮ่า รั่วอู่ หรือพวกเซี่ยวชางเทียนจึงเลือกจะถอยออกมาตั้งแต่พริบตาแรก
กระทั่งบนกำแพงเมืองที่กว้างใหญ่นั้น หลายวันมานี้มีแต่เงาร่างของพวกนางสองคนยืนอยู่ตรงนั้น
“หวังว่าหลินสวินจะกลับมาโดยเร็วเถอะ มิฉะนั้นข้าเป็นห่วงจริงๆ ว่าทั้งสองคนจะเกิดความขัดแย้งอะไรขึ้น”
เซ่าเฮ่าทอดถอนใจ
เขากำลังร่ำสุราอยู่กับพวกเซี่ยวชางเทียนและเยี่ยเฉิน
เยี่ยเฉินยิ้มกล่าว “ว่าไปแล้ว เจ้าหลินสวินนี่ก็บรรลุมกุฎอริยะ ถึงเวลาเลือกคู่บำเพ็ญแล้ว ก็ไม่รู้ว่าในใจเขาชอบพอใครมากที่สุด”
เซี่ยวชางเทียนกล่าว “หากเปลี่ยนเป็นข้า ขอแค่ข้าชอบพอก็จะคว้ามาไว้ข้างกายให้หมด จะยุ่งยากไปทำไม”
เยี่ยเฉินพูดจาเหน็บแนมทันที “ทำไมข้าได้ยินมาว่าตอนเด็กเจ้าเคยถูกเด็กผู้หญิงคนหนึ่งรังแกมาก่อน บีบจนเจ้าต้องเปลือยก้นหนีหัวซุกหัวซุนไปทั่ว เกือบร้องไห้หาพ่อแม่ ตั้งแต่นั้นมาเจ้าก็เอ็ดตะโรว่าชีวิตนี้ไม่คิดจะสัมผัสหญิงใดแล้วไม่ใช่หรือ”
เซี่ยวชางเทียนหน้าแข็งทื่อ พลันบันดาลโทสะ “ข้าก็ได้ยินมา ว่าตอนเด็กเจ้าเยี่ยเฉินถูกลูกพี่ลูกน้องหญิงกลุ่มหนึ่งเล่นกอดจูบกันทุกวัน นี่่ยังไม่นับเรื่องที่เจ้าชอบทำอย่างว่าตั้งแต่เด็ก ไม่รู้สึกละอายบ้างหรือ”
ใบหน้าของเยี่ยเฉินมืดทะมึนขึ้นมาในชั่วขณะเดียว ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “นั่นมันตอนเด็กไม่รู้ความ!”
เซี่ยวชางเทียนโจมตีกลับ ไม่ถอยแม้แต่น้อย “ตอนเด็กข้าเปลือยก้นวิ่งเล่นแล้วจะทำไม”
เซ่าเฮ่านั่งอยู่ข้างๆ อยากจะหัวเราะก็ไม่กล้าหัวเราะ อึดอัดจนหน้ากระตุก เจ้าสองคนนี้เหมือนตั้งดวงมาขัดกันจริงๆ เจอหน้ากันทีไรก็ตีกันทุกที ไม่มีใครยอมใคร สุดยอดจริงๆ
“กลับมาแล้ว!”
ทันใดนั้นนอกเรือนมีเสียงประหลาดใจยินดีของรั่วอู่ดังขึ้น
เวลานี้ผู้ฝึกปราณในเมืองอารักษ์มรรคต่างสังเกตเห็น ว่าบนเวิ้งฟ้าที่ห่างออกไปนั้นพลันปรากฏทางน้ำวนมหึมาหนึ่ง
รุ้งเทพแพรวพราวสายหนึ่งพุ่งโฉบออกมาตามกัน พลันกลายเป็นเงาร่างสูงตระหง่านหนึ่งกลางอากาศ ชุดสีขาวพระจันทร์พลิ้วไหว โดดเด่นไร้มลทินราวกับเทพเซียน
เป็นหลินสวิน!
ซย่าจื้อ จ้าวจิ่งเซวียนที่เดิมยืนรออยู่บนกำแพงเมืองมาตลอด แทบจะเหลือบสายตามองไปพร้อมกัน
………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์