Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1616

สรุปบท ตอนที่ 1616 ปัจจุบันรุ่งโรจน์เหนืออดีต: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1616 ปัจจุบันรุ่งโรจน์เหนืออดีต – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บท ตอนที่ 1616 ปัจจุบันรุ่งโรจน์เหนืออดีต ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ราตรีดึกสงัด

เมืองอารักษ์มรรคที่ค่ายทัพดินแดนโบราณขุมอุดรอยู่กลับมีแสงโคมสว่างไปทั่ว เพียงแต่บรรยากาศกลับอึดอัดหนักอึ้งหาใดเทียบ

ไม่มีใครพูดจา

สีหน้าของแต่ละคนต่างเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย ว้าวุ่นและไม่สงบ

หากเป็นก่อนหน้านี้ เมื่อได้ยินว่าผู้แข็งแกร่งค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณมารุกราน พวกเขาก็คงคิดว่าเป็นเรื่องตลกใหญ่เท่าฟ้าเรื่องหนึ่ง

แต่พอข่าวร้ายที่เหล่าค่ายทัพดินแดนโบราณยอดหยิน มารโลหิต เพลิงสวรรค์ จิ่วหลีถูกโค่นล้มแพร่มา พวกเขามีเพียงความรู้สึกเดียว

สะพรึงกลัว!

ไม่ถึงหนึ่งวัน หลินสวินคนนั้นนำทัพผู้แข็งแกร่งพิชิตค่ายทัพแห่งแล้วแห่งเล่า ลักษณะการโจมตีล้างบางดั่งขุดเรือนกวาดที่กำบัง อานุภาพแรงกล้าราวอสนีบาตเช่นนี้ทำให้ไม่ว่าใครก็ประหวั่นพรั่นพรึง

ตอนนี้ผู้แข็งแกร่งค่ายทัพดินแดนโบราณขุมอุดรทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับคุนเซ่าอวี่

เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่า ภายในใจของคุนเซ่าอวี่ในขณะนี้ดิ้นรน อัดอั้นและเจ็บปวดขนาดไหน!

ราตรีดึกดื่นยิ่งขึ้นแล้ว

คุนเซ่าอวี่ยืนตัวคนเดียวหน้าตำหนัก เขายืนพิงระเบียง ลมหนาวเย็นเยียบ ราตรีมืดมิดดั่งน้ำหมึก ความมืดปกคลุมไปทุกที่

ครู่ใหญ่เขาก็ทอดถอนใจ

เสาะแสวงหามรรคยาก ชิงชัยลำบาก ทางแยกมากมาย ขณะนี้อยู่หนใด

ชักกระบี่มองรอบทิศจิตงุนงง!

พอยกมือขึ้นตบระเบียงเย็นเยียบเบาๆ ความกลัดกลุ้มและเดียวดายที่พูดไม่ออกก็ผุดขึ้นในใจคุนเซ่าอวี่

เสียดายกาลเวลาที่ผันผ่าน อาดูรบ้านเมืองกลางลมฝน วีรชนสูญสิ้นปรารถนา!

“นายน้อย!”

ท่ามกลางรัตติกาล ชายชราชุดเทาคนหนึ่งรีบร้อนมา สีหน้าหม่นหมอง “ค่ายทัพดินแดนโบราณต้าหลัวก็ถูกพิชิตแล้ว หลินสวินนั่นใช้มรรคกระบี่สูงสุดประลองกับผู้ฝึกกระบี่หลายหมื่นแต่ไม่แพ้ เมืองอารักษ์มรรคอันยิ่งใหญ่ยังถูกทำลายจนย่อยยับเป็นเศษซาก”

คุนเซ่าอวี่สีหน้าเหม่อลอย จู่ๆ เขาก็ออกจะเข้าใจเซวี่ยชิงอีแล้ว

เจ้าหมอนี่ไม่ได้ใจเสาะ แต่ดูออกนานแล้วว่าหลังสมรภูมิเซียนเหินปิดฉากลง ทั้งสมรภูมิเก้าดินแดนย่อมไม่มีใครสามารถเป็นศัตรูของหลินสวินได้อีกสักคน!

“ยอดหยิน มารโลหิต เพลิงสวรรค์ หม่อนบูรพา จิ่วหลี ต้าหลัว… ตอนนี้ก็เหลือเพียงค่ายทัพดินแดนโบราณอสูรดาวกับพวกเราแล้ว…”

คุนเซ่าอวี่พึมพำ รู้สึกเพียงไอหมองเศร้าบอกไม่ถูกเต็มอก หมายจะจากไปให้รู้แล้วรู้รอดโดยไม่สนใจ ไม่แยแสสิ่งใด

“นายน้อย ผู้นำขุมอำนาจใหญ่ในเมืองรวมตัวกันมาเข้าพบขอรับ!”

ทันใดนั้นมีคนรีบร้อนมาส่งข่าว

คุนเซ่าอวี่ชะงักไป ฉับพลันได้สติกลับมา สายตาไหววูบ ครู่สั้นๆ จึงพูดว่า “ให้พวกเขาเข้ามา”

ไม่นานนักเงาร่างของชายหญิงกลุ่มหนึ่งก็กรูเข้ามา ล้วนเป็นผู้นำที่มาจากขุมอำนาจใหญ่แต่ละกลุ่มของแดนโบราณขุมอุดร อานุภาพไม่ธรรมดา

เพียงแต่หว่างคิ้วของแต่ละคนต่างเจือแววว้าวุ่นกังวลใจ

“ให้ข้าเดา พวกเจ้ามาหาในเวลาเช่นนี้คงไม่ได้คิดจะปกป้องเมืองอารักษ์มรรคจนตัวตายร่วมกับข้าผู้แซ่คุนใช่ไหม”

คุนเซ่าอวี่กวาดตามองทุกคน ในใจสังหรณ์ใจไม่ดีไปแล้ว

ทุกคนสีหน้าอึ้งงัน ต่างออกจะละอายใจ

“คุณชายเซ่าอวี่ สถานการณ์ขณะนี้มาถึงช่วงวิกฤตถึงที่สุดแล้ว หลังพวกเราปรึกษากัน ต่างเห็นว่าถึงเวลาต้องตัดสินใจแล้ว”

ชายชราชุดทองผมเผ้าเคราหนวดขาวคนหนึ่งเอ่ยปากเสียงเข้ม

คนอื่นก็พากันพยักหน้า

“อ้อ พวกเจ้าต้องการทำเช่นไร”

คุนเซ่าอวี่สีหน้าเย็นชาลงเล็กน้อย เขาเดาความจริงบางอย่างได้แล้ว ความหม่นหมองผุดขึ้นในใจอย่างห้ามไม่อยู่

“หลินสวินนั่นอานุภาพดุจสายรุ้ง กวาดล้างทั่วสารทิศ เวลาหนึ่งวันสั้นๆ ก็พิชิตค่ายทัพหกดินแดน คาดการณ์ได้ว่าอีกไม่นานค่ายทัพดินแดนโบราณอสูรดาวก็จะถูกตีแตก ในเวลาเช่นนี้พวกเรา… พวกเรา…”

ชายชราชุดทองพูดถึงตอนท้ายก็คล้ายละอายใจอยู่บ้าง อ้ำๆ อึ้งๆ พูดไม่ออก

คุนเซ่าอวี่ช่วยเขาพูด “พวกเจ้าคิดจะรีบถอนตัว หลบคมดาบของพวกเขา ออกจากเมืองนี้ไปให้ไกลเพื่อรักษาชีวิตทั้งหมดใช่ไหม”

ทุกคนต่างก้มหน้าลง ไม่กล้าสบสายตาคุนเซ่าอวี่ แต่เห็นได้ชัดว่ายอมรับไปแล้ว

ราตรียิ่งมืดมิด ลมหนาวดุจคมดาบ เย็นเยียบเสียดกระดูก

จู่ๆ คุนเซ่าอวี่ก็รู้สึกไร้พลังอย่างบอกไม่ถูก อัดอั้นตันใจจนแทบระเบิด

เขาหายใจเข้าออกลึกๆ สองสามครั้งแล้วกล่าวว่า “ถ้าข้าไม่ตกลงพวกเจ้าจะทำอย่างไร”

ทุกคนต่างเงียบงัน ไม่มีใครโต้ตอบ

คำถามนี้ก็ตอบยากจริงๆ

คุนเซ่าอวี่เห็นดังนี้ก็กำหมัดทั้งสองข้างแน่นอย่างเงียบเชียบ เส้นเอ็นที่หลังมือแต่ละเส้นปูดโปน กำลังจะควบคุมความโกรธแค้นในใจไว้ไม่อยู่แล้ว

ไม่สู้กลับถอย อัปยศเพียงไหน!

ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนแต่ละครั้ง ค่ายทัพดินแดนโบราณขุมอุดรเคยมีสถานการณ์ ‘ได้ยินเสียงลมก็ขวัญผวา ไร้ซึ่งพลังต่อสู้’ เช่นนี้ที่ไหน

เพียงแค่หลินสวินคนเดียวนำทัพผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณกลุ่มหนึ่งเท่านั้นนะ คมประกายยังไม่มาเยือน ก็ทำให้เจ้าพวกนี้กลัวหัวหดเสียแล้ว!

คุนเซ่าอวี่แค้นจนผมแต่ละเส้นแทบชี้ตั้งแล้ว

เขาไม่ใช่เซวี่ยชิงอี เขาไม่ยินยอมยอมแพ้เช่นนี้ ความหยิ่งทระนงและศักดิ์ศรีของเขาไม่อาจรับเรื่องอัปยศอดสูเช่นนี้ได้สักนิด

“พวกเจ้า… ต่างตัดสินใจเช่นนี้หรือ”

ครู่ใหญ่คุนเซ่าอวี่จึงฝืนเก็บกลั้นความเดือดดาลภายในใจเอาไว้ เค้นเสียงพูดลอดไรฟัน เจือแววเย็นยะเยือกเสียดกระดูก

ทุกคนแข็งทื่อไปทั้งตัว มองหน้ากัน ในที่สุดต่างใช้ความเงียบเป็นคำตอบ

ใช่!

พวกเขาก็ตัดสินใจเช่นนี้ล่ะ!

ตอนนี้ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณราวกับไร้ศัตรู มีพลานุภาพกวาดล้างสมรภูมิเก้าดินแดน ต่อต้านพวกเขาก็ไม่ต่างอะไรกับเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง

ไม่มีใครต้องการไปตาย และยิ่งไม่มีใครต้องการทิ้งชีวิตไว้ที่สมรภูมิเก้าดินแดนแห่งนี้!

พอเห็นภาพนี้เข้า คุนเซ่าอวี่ก็นึกถึงจู๋อิ้งคง

ดินแดนโบราณยอดหยินเป็นขุมอำนาจค่ายทัพแรกที่ถูกพิชิต ตอนนั้นจู๋อิ้งคงไม่ได้เลือกหลบหนี แต่เลือกไปสู้กับหลินสวินตรงๆ

เหตุใดเขาถึงทำเช่นนี้

หรือเขาไม่กลัวตาย

ไม่ใช่!

เป็นเพราะความหยิ่งทระนงและศักดิ์ศรีค้ำคอเขาอยู่ หาไม่แล้ว เขาก็จะกลายเป็นตัวตลกชิ้นโตของดินแดนโบราณยอดหยิน ถูกมองเป็นคนบาปตลอดกาล ปวงประชาต่างประณาม!

นี่เป็นเรื่องที่แต่ก่อนเป็นไปไม่ได้โดยเด็ดขาด ประหนึ่งความฝันอันภาคภูมิ เต็มไปด้วยความระทึกใจ ดูเหนือจริงปานนั้น

ทว่าตอนนี้ล้วนเกิดขึ้นจริงแล้ว!

จนกระทั่งพิชิตค่ายทัพดินแดนโบราณอสูรดาว มาถึงค่ายทัพดินแดนโบราณขุมอุดร ตลอดทางต่างยังสับสนงงงวย

เวลาเพียงวันเดียวกวาดล้างแปดดินแดน พิชิตเมืองผลาญศัตรู เริ่มขึ้นดั่งอสนีพิโรธ จบลงดั่งประกายคลื่นสมุทรธารารวมตัว!

ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนสองครั้งก่อนยังไม่เคยเกิดเรื่องนี้

“คนไม่กลัวตายในโลกนี้สุดท้ายก็มีเพียงส่วนน้อย ยิ่งผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูง ผู้มีพลังกล้าแกร่ง ก็ยิ่งรักตัวกลัวตาย!”

เซ่าเฮ่าทอดถอนใจ

“พวกเรา… ชนะแล้วจริงหรือ”

รั่วอู่สีหน้างุนนงง เหมือนทำใจเชื่อได้ยาก

“ชนะแล้ว!”

คนอื่นต่างพยักหน้า

พิชิตแปดดินแดน ชะล้างความอัปยศในอดีต

เลือดและน้ำตาที่บรรพชนนับไม่ถ้วนหลั่งไว้ที่นี่ต่างได้รับการสะสางในวันนี้!

เซี่ยวชางเทียนหัวเราะลั่นอย่างภาคภูมิ “ตั้งแต่วันนี้ไป สมรภูมิเก้าดินแดนแห่งนี้ย่อมมีดินแดนรกร้างโบราณของข้าเป็นผู้ยิ่งยง!”

“ชนะแล้ว ชนะแล้วจริงๆ…”

มีคนยิ้มเจือน้ำตา

หลั่งน้ำตาไม่ได้แปลว่าไม่แข็งแกร่ง มีเพียงผู้ที่หลั่งน้ำตาถึงเข้าใจว่าชัยชนะยิ่งใหญ่ครั้งนี้ได้มาอย่างยากลำบากเพียงไหน

หลินสวินไม่พูดอะไรอีก เขาเหยียบย่างขึ้นไปในอากาศ นั่งขัดสมาธิใต้เวิ้งฟ้า สีหน้าสงบนิ่ง ท่าทางน่าเกรงขาม ปากท่องธรรมโปรดสัตว์

แสงสวรรค์ไพศาล แสงพุทธโอฬาร ดอกบัวใสกระจ่างดั่งกระจกนับหมื่นพันดอกปกคลุมเมืองอันกว้างใหญ่ไว้

บรรยากาศน่าเกรงขาม ในใจหลินสวินก็ไม่อาจสงบใจได้อยู่บ้างเช่นกัน

วันนี้เวลานี้ ในที่สุดก็กวาดล้างค่ายทัพทั้งแปดดินแดน พิชิตเมืองอารักษ์มรรคแต่ละแห่งได้ สำหรับหลินสวินแล้ว ในใจจะไม่ปรีดาได้อย่างไร

ขอเพียงมีปณิธานตั้งมั่นเกรียงไกร ย่อมได้รับความสงบสุขไม่รู้จบ!

มีเพียงผ่านการเข่นฆ่าอันโหดร้ายครั้งแล้วครั้งเล่าในสมรภูมิเก้าดินแดนจึงจะเข้าใจได้ว่า สำหรับค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณแล้ว ความหมายของชัยชนะครั้งใหญ่นี้พิเศษเพียงไหน

ในอดีตกาลเคยอับอาย เคยแค้นเคือง เคยก้มหน้า ในที่สุดวันนี้ก็ลืมตาอ้าปากได้!

ณ ที่นั้นมีเพียงซย่าจื้อที่ยืนอยู่เงียบๆ มาโดยตลอด แต่งกายชุดดำทั้งตัว สวมหมวกผ้าคลุมปิดบังใบหน้า แสงราตรีนิรันดร์อาบชโลมไปทั้งร่าง

ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณชนะครั้งใหญ่แล้วอย่างไร

ในโลกนี้นางเห็นหลินสวินอยู่ในสายตาเพียงผู้เดียว

นอกจากนี้ไม่มีสิ่งอื่น

วันนี้หลินสวินนำทัพเหล่าผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณเดินทางไปทั่วสมรภูมิ ทำลายค่ายทัพแปดดินแดน สร้างชัยชนะครั้งใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในอดีต

นับแต่โบราณผู้ทิ้งชื่อในหนังสือประวัติศาสตร์ใครบ้างไม่รู้จัก คุณูปการในวันนี้เหนือล้ำกว่าคนในอดีต!

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์